สวัสดีครับ ผมอ่านและตอบคอมเมนท์มาหลายครั้ง แต่ไม่ค่อยได้ตั้งเองเท่าไหร่ วันนี้ฤกษ์ดีครับ ขอสัก 1 กระทู้
จบไปแล้วครับเอเชี่ยนคัพ ขอขอบคุณทีมงานและนักฟุตบอลทุกคนที่ทำให้เราได้มีความสุข ความตื่นเต้น ความหวัง ความสิ้นหวัง....แทบทุกความเลยครับ
เมื่อทัวร์นาเมนท์จบ ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวดังนี้ครับ
1. โค้ชเก่าโหลยโท่ยจริงๆ ทั้งในเรื่องแทคติก การจัดตัวผู้เล่นลงแข่ง การแก้เกม ความฟิต...คือโหลยโท่ยทุกอย่าง
2. ความฟิตเรายังต่ำอยู่ ในเกมสุดท้ายเห็นได้ชัดเจนมากครับ ครึ่งแรกเรายังฟิต จีนก็ยังไม่เร่งเกมมาก เราทำได้ดีกว่า แต่พอครึ่งหลัง จีนเร่งเกมขึ้นในขณะที่เราเริ่มหมดแรง ผลก็อย่างที่เห็นครับ เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนให้โค้ชเราเหมือนกันครับ คือโค้ชโต่ยอาจจะไม่ได้เห็นในจุดนี้ แต่โค้ชเก๋าๆอย่างลิปปิ้อ่านขาดเลยครับ ทางแก้ต้องส่งเสริมให้ลีกเราเพิ่มสปีดบอลให้มากขึ้น เพื่อให้นักฟุตบอลของเราคุ้นเคยกับความเร็วฟุตบอลที่มันเพิ่มขึ้น ถ้าเราหวังจะเทียบเคียงญี่ปุ่นหรือเกาหลี เราต้องฟิตกว่านี้มาก
3. ประสบการณ์ในเกมชั้นสูง สมาคมต้องหาทีมเคี่ยวๆมาอุ่นเครื่องบ่อยๆครับ ทีมสโมสรที่ได้เล่น ACL สำคัญมาก ต้องพยายามเลือกนักฟุตบอลที่มีประสบการณ์ ACL มาติดทีมชาติ และต้องหาแมทช์อุ่นเครื่องบ่อยๆ โดยเฉพาะกองหลัง เรายังลนลานอยู่อย่างมากครับ
4. ความละเอียดของแทคติก ต้องยอมรับว่าโค้ชไทยยังอ่อนประสบการณ์กับเกมชั้นสูง ดังนั้นแทคติกอาจจะไม่ละเอียดพอ ไม่เพียงแค่แทคติกในเกม รวมถึงนอกเกมด้วย อย่างเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเราได้ใบเหลืองมากเกินไป และสุดท้ายทำให้ผู้เล่นในตำแหน่งสำคัญของเราขาดไป มีผลถึงแพ้เลยครับ แต่ครั้งนี้ผมไม่โทษโค้ชโต่ยครับ เพราะเพิ่งมาคุมได้แต่ 2 นัด เรียกว่าต้องรีดทุกอย่างที่มีเพื่อให้เข้ารอบไว้ก่อน ถ้าเราเลือกโค้ชถูกที่มีแทคติกเหมาะกับเราตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องรีดทุกอย่างเพื่อเข้ารอบแบบนี้ เราควรชนะอินเดียได้ไม่ยาก แล้วเสมอหรือชนะอีก 1 นัดเพื่อเข้ารอบแบบสบายๆ ยิ่งพูดยิ่งเจ็บใจเนอะ
5. นอกเหนือจากเอเชี่ยนคัพ ก็คือผลงานของเยาวชนทุกชุดที่ผ่านมา ที่แย่กว่าผลงานที่ไม่เอาอ่าวก็ทรงฟุตบอลนี่ล่ะครับ นอกจาก U14 แล้ว ไม่มีชุดไหนมีทรงเลย สมาคมต้องหาทางแก้ไขด่วนแล้วครับ หากต้องการเป็นทีมชั้นนำในเอเชียในอีก 8-12 ปีข้างหน้า
มาช่วยกันวิเคราะห์ฟุตบอลไทยหลังจบเอเชี่ยนคัพ
จบไปแล้วครับเอเชี่ยนคัพ ขอขอบคุณทีมงานและนักฟุตบอลทุกคนที่ทำให้เราได้มีความสุข ความตื่นเต้น ความหวัง ความสิ้นหวัง....แทบทุกความเลยครับ
เมื่อทัวร์นาเมนท์จบ ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวดังนี้ครับ
1. โค้ชเก่าโหลยโท่ยจริงๆ ทั้งในเรื่องแทคติก การจัดตัวผู้เล่นลงแข่ง การแก้เกม ความฟิต...คือโหลยโท่ยทุกอย่าง
2. ความฟิตเรายังต่ำอยู่ ในเกมสุดท้ายเห็นได้ชัดเจนมากครับ ครึ่งแรกเรายังฟิต จีนก็ยังไม่เร่งเกมมาก เราทำได้ดีกว่า แต่พอครึ่งหลัง จีนเร่งเกมขึ้นในขณะที่เราเริ่มหมดแรง ผลก็อย่างที่เห็นครับ เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนให้โค้ชเราเหมือนกันครับ คือโค้ชโต่ยอาจจะไม่ได้เห็นในจุดนี้ แต่โค้ชเก๋าๆอย่างลิปปิ้อ่านขาดเลยครับ ทางแก้ต้องส่งเสริมให้ลีกเราเพิ่มสปีดบอลให้มากขึ้น เพื่อให้นักฟุตบอลของเราคุ้นเคยกับความเร็วฟุตบอลที่มันเพิ่มขึ้น ถ้าเราหวังจะเทียบเคียงญี่ปุ่นหรือเกาหลี เราต้องฟิตกว่านี้มาก
3. ประสบการณ์ในเกมชั้นสูง สมาคมต้องหาทีมเคี่ยวๆมาอุ่นเครื่องบ่อยๆครับ ทีมสโมสรที่ได้เล่น ACL สำคัญมาก ต้องพยายามเลือกนักฟุตบอลที่มีประสบการณ์ ACL มาติดทีมชาติ และต้องหาแมทช์อุ่นเครื่องบ่อยๆ โดยเฉพาะกองหลัง เรายังลนลานอยู่อย่างมากครับ
4. ความละเอียดของแทคติก ต้องยอมรับว่าโค้ชไทยยังอ่อนประสบการณ์กับเกมชั้นสูง ดังนั้นแทคติกอาจจะไม่ละเอียดพอ ไม่เพียงแค่แทคติกในเกม รวมถึงนอกเกมด้วย อย่างเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเราได้ใบเหลืองมากเกินไป และสุดท้ายทำให้ผู้เล่นในตำแหน่งสำคัญของเราขาดไป มีผลถึงแพ้เลยครับ แต่ครั้งนี้ผมไม่โทษโค้ชโต่ยครับ เพราะเพิ่งมาคุมได้แต่ 2 นัด เรียกว่าต้องรีดทุกอย่างที่มีเพื่อให้เข้ารอบไว้ก่อน ถ้าเราเลือกโค้ชถูกที่มีแทคติกเหมาะกับเราตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องรีดทุกอย่างเพื่อเข้ารอบแบบนี้ เราควรชนะอินเดียได้ไม่ยาก แล้วเสมอหรือชนะอีก 1 นัดเพื่อเข้ารอบแบบสบายๆ ยิ่งพูดยิ่งเจ็บใจเนอะ
5. นอกเหนือจากเอเชี่ยนคัพ ก็คือผลงานของเยาวชนทุกชุดที่ผ่านมา ที่แย่กว่าผลงานที่ไม่เอาอ่าวก็ทรงฟุตบอลนี่ล่ะครับ นอกจาก U14 แล้ว ไม่มีชุดไหนมีทรงเลย สมาคมต้องหาทางแก้ไขด่วนแล้วครับ หากต้องการเป็นทีมชั้นนำในเอเชียในอีก 8-12 ปีข้างหน้า