จำได้เลย ตอนอายุ 25... ช๊อคซีนีม่าต้องลาออกจากงานที่กำลังไปได้ดี เพื่อกลับมาทำงานทางบ้านเพื่อรอรับหน้าเจ้าหนี้ ทั้งจาก ธนาคาร ซัพพลายเออร์ และกรมสรรพากร..... มีวันนึงถูกทวงหนี้จนน้ำตาซึม... จนถึงจุดที่ว่า..ไม่เป็นไร..ถึงทุกอย่างจะหมดไปแต่อย่างน้อยยังเหลือชีวิตที่ไม่มีใคนเอาจากเราไปได้..
ปัญหาเดินมาถึงจุดที่.. เป็นทั้งหนี้ซัพพลายเออร์ เป็นทั้งหนี้ธนาคาร เป็นทั้งหนี้กรมสรรพากร เป็นทั้งหนี้บัตรเครดิต เป็นทั้งหนี้เวินกู้ส่วนบุคคล เป็นทั้งหนี้การขายเช็ค เป็นทั้งหนี้ญาติมิตร... นอกจากมีปัญหาทางด้านการเงินแล้ว.. มันยังสะท้อนถึงปัญหาความสามารถในด้านการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด การผลิต และการบริหาร.....
เคยคิดเลยว่า.. หนี้ทั้งหมดคงเป็นเงินอนาคตที่เราเอามาใช้ในการเติบโตและได้รับการศึกษาที่ดี... ถึงแม้ในตอนนั้นคิดเลยว่าทำไมมันจะมหาศาลอลังการอะไรขนาดนี้
เมื่อเรามาเริ่มต้นจากกองซาก.. และการติดลบ... มีเพียงส่วนบวกเดียวเท่านั้น คือลูกค้าเก่า บางคนไม่ได้ซื้อขายกันมานานแล้ว ลูกค้ารายใหญ่เหลือเพียงหนึ่งรายที่ครองยอดการสั่งซื้อของเราไว้ 80%...ซึ่งในทางกลับกันก็ทำให้เราต้องทำการลดราคาลงไปอย่างมาก... สิ่งที่ทำให่เป็นจุดเปลี่ยนคงเริ่มจากการที่เราเริ่มนำเข้าสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเข้ามาจากประเทศจีน..
บ้าน โรงงาน ที่มีอยู่ เพียงรอวันขายทอดตลาดเท่านั้น สิ่งที่พอจะทำได้คือพยายามยืดเวลาให้ทอดยาวออกไปมากที่สุด..
ตอนนั้นจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุน จากการขอเก็บเงินล่วงหน้าจากลูกค้า แหล่งเงินจากการแลกเช็ค...
อย่างไรก็ดี แหล่งเงินที่มีต้นทุนถูกที่สุดคือแหล่งเงินจากธนาคารพาณิชย์... เราจึงทำการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่โดยมีเราเป็นกรรมการ... เป็นบริษัทที่ใช้ทรัพย์สินเก่าที่รอการขายทอดตลาด...
ผ่านไป 2 ปี.. ทางบริษัท สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารได้เป็นครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้เวลา 3 ปี สำหรับธนาคารอื่น... สินเชื่อที่เข้าถึงครั้งแรกนั้น เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน.. โดยรับเป็นเงินก้อนและทยอยจ่ายคืนทุกเดือนเป็นเวลา 12เดือน... ถึงแม้จะมีดอกเบี้ย ประมาณ15% ต่อปี.. แต่ถือว่ายังถูกกว่าการขายลดเช็คโดยทั่วไป...
หลังจากผ่าน 3 ปีแรกอันลำบากไปแล้ว.. ก็สามารถเข้าสู่เงินกู้ ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทุกอันเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ทั้งในแบบ Term Loan.และ สินเชื่อเพื่อการนำเข้า.... และยังมีสินเชื่ออีกประเภทคือ สินเชื่อ Factoring... โดยการนำสำเนาใบส่งสินค้าไปกู้เงินโดยทำการโิอนสิทธิ์การรับชำระไปให้ผู้ให้กู้....
เวลาที่ยื้อในการใช้ทรัพย์สินเพื่อรอการขายทอดตลาดใกล้เข้ามา... ทางเราต้องมีการเตรียมตัวเอาไว้.. โดยเริ่มทำการหาที่ดินเพื่อเตรียมสร้างโรงงานเอาไว้ก่อน... ตอนนั้นทางคนจัดสรรการขายที่ดินคงมีการร่วมมือกับธนาคารเอาไว้แล้ว... ทางบริษัทจึงสามารถกู้ซื้อที่ดินเปล่าได้... หลังจากนั้นอีก 1 ปี ก็ทำการกู้เพื่อสร้างโรงงานส่วนหนึ่งบนที่ดินที่ซื้อไว้...
รวมเวลาทั้งหมด ใช้เวลาไปประมาณ 5 ปี โดยอาจเป็นโชคดีหรือเปล่า.. เพราะตอนนั้นทรัพย์ที่ใช้อยู่ก็ได้ทำการขายทอดตลาดไปพอดี... จึงขอผู้ซื้อทรัพย์ได้.ขอเวลาย้าย 3 เดือน ซึ่งเค้าโอเค...
ช่วงแรกเริ่มในการก่อตั้งธุรกิจนั้น สำคัญมากคือลูกค้า และการบริหารทางด้านการเงิน... จากประสพการณ์ที่ผ่านมานั้น.. อยากนำเสนอสิ่งที่เคยอยากได้ตอนนั้น คือ..
1.) อยากให้มี การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วง 2-3 ปีแรกสำหรับ SME.เพราะช่วงแรกของการสร้างกิจการนั้น กระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญ... และอยากให่พิจารณา การยืดเวลาชำระ ภพ.30(ส่วนต่างระหว่างภาษีซื้อและขาย) โดยอาจมีเครดิตเป็น 60วัน... นั่นเพราะ สำหรับ SME.นั้น เมื่อขายสินค้ามีการเปิดบิล กว่าจะได้รับชำระจริงนั้น ต้องรออีกหลายเดือน
2.) ปกติ ทางธนาคารจะให้นิติบุคคล กู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับประกอบการในรูป TermLoan. โดยมีการผ่อนชำระ 5-7 ปี. ซึ่งระยะเวลาการผ่อนที่สั้นนั้น ทำให้กระแสเงินสดต้องถูกดึงออกไปเพื่อทำการผ่อนชำระทุกเดือนเป็นจำนวนมาก หากสามารถปรับการผ่อนชำระเป็น 10 ปี ยอดการผ่อนชำระต่อเดือนจะลดลงมาก..
..................
วันหลังมาเล่าต่อว่า หลังจากนั้น เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัวแล้ว สิ่งต่อไปอะไรคืออุปสรรค และอยากให้มีการปรับระบบอะไรเพิ่มเติม
EP1.. ผมเป็น.SME.นักกู้..
ปัญหาเดินมาถึงจุดที่.. เป็นทั้งหนี้ซัพพลายเออร์ เป็นทั้งหนี้ธนาคาร เป็นทั้งหนี้กรมสรรพากร เป็นทั้งหนี้บัตรเครดิต เป็นทั้งหนี้เวินกู้ส่วนบุคคล เป็นทั้งหนี้การขายเช็ค เป็นทั้งหนี้ญาติมิตร... นอกจากมีปัญหาทางด้านการเงินแล้ว.. มันยังสะท้อนถึงปัญหาความสามารถในด้านการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด การผลิต และการบริหาร.....
เคยคิดเลยว่า.. หนี้ทั้งหมดคงเป็นเงินอนาคตที่เราเอามาใช้ในการเติบโตและได้รับการศึกษาที่ดี... ถึงแม้ในตอนนั้นคิดเลยว่าทำไมมันจะมหาศาลอลังการอะไรขนาดนี้
เมื่อเรามาเริ่มต้นจากกองซาก.. และการติดลบ... มีเพียงส่วนบวกเดียวเท่านั้น คือลูกค้าเก่า บางคนไม่ได้ซื้อขายกันมานานแล้ว ลูกค้ารายใหญ่เหลือเพียงหนึ่งรายที่ครองยอดการสั่งซื้อของเราไว้ 80%...ซึ่งในทางกลับกันก็ทำให้เราต้องทำการลดราคาลงไปอย่างมาก... สิ่งที่ทำให่เป็นจุดเปลี่ยนคงเริ่มจากการที่เราเริ่มนำเข้าสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเข้ามาจากประเทศจีน..
บ้าน โรงงาน ที่มีอยู่ เพียงรอวันขายทอดตลาดเท่านั้น สิ่งที่พอจะทำได้คือพยายามยืดเวลาให้ทอดยาวออกไปมากที่สุด..
ตอนนั้นจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุน จากการขอเก็บเงินล่วงหน้าจากลูกค้า แหล่งเงินจากการแลกเช็ค...
อย่างไรก็ดี แหล่งเงินที่มีต้นทุนถูกที่สุดคือแหล่งเงินจากธนาคารพาณิชย์... เราจึงทำการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่โดยมีเราเป็นกรรมการ... เป็นบริษัทที่ใช้ทรัพย์สินเก่าที่รอการขายทอดตลาด...
ผ่านไป 2 ปี.. ทางบริษัท สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารได้เป็นครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้เวลา 3 ปี สำหรับธนาคารอื่น... สินเชื่อที่เข้าถึงครั้งแรกนั้น เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน.. โดยรับเป็นเงินก้อนและทยอยจ่ายคืนทุกเดือนเป็นเวลา 12เดือน... ถึงแม้จะมีดอกเบี้ย ประมาณ15% ต่อปี.. แต่ถือว่ายังถูกกว่าการขายลดเช็คโดยทั่วไป...
หลังจากผ่าน 3 ปีแรกอันลำบากไปแล้ว.. ก็สามารถเข้าสู่เงินกู้ ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทุกอันเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ทั้งในแบบ Term Loan.และ สินเชื่อเพื่อการนำเข้า.... และยังมีสินเชื่ออีกประเภทคือ สินเชื่อ Factoring... โดยการนำสำเนาใบส่งสินค้าไปกู้เงินโดยทำการโิอนสิทธิ์การรับชำระไปให้ผู้ให้กู้....
เวลาที่ยื้อในการใช้ทรัพย์สินเพื่อรอการขายทอดตลาดใกล้เข้ามา... ทางเราต้องมีการเตรียมตัวเอาไว้.. โดยเริ่มทำการหาที่ดินเพื่อเตรียมสร้างโรงงานเอาไว้ก่อน... ตอนนั้นทางคนจัดสรรการขายที่ดินคงมีการร่วมมือกับธนาคารเอาไว้แล้ว... ทางบริษัทจึงสามารถกู้ซื้อที่ดินเปล่าได้... หลังจากนั้นอีก 1 ปี ก็ทำการกู้เพื่อสร้างโรงงานส่วนหนึ่งบนที่ดินที่ซื้อไว้...
รวมเวลาทั้งหมด ใช้เวลาไปประมาณ 5 ปี โดยอาจเป็นโชคดีหรือเปล่า.. เพราะตอนนั้นทรัพย์ที่ใช้อยู่ก็ได้ทำการขายทอดตลาดไปพอดี... จึงขอผู้ซื้อทรัพย์ได้.ขอเวลาย้าย 3 เดือน ซึ่งเค้าโอเค...
ช่วงแรกเริ่มในการก่อตั้งธุรกิจนั้น สำคัญมากคือลูกค้า และการบริหารทางด้านการเงิน... จากประสพการณ์ที่ผ่านมานั้น.. อยากนำเสนอสิ่งที่เคยอยากได้ตอนนั้น คือ..
1.) อยากให้มี การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วง 2-3 ปีแรกสำหรับ SME.เพราะช่วงแรกของการสร้างกิจการนั้น กระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญ... และอยากให่พิจารณา การยืดเวลาชำระ ภพ.30(ส่วนต่างระหว่างภาษีซื้อและขาย) โดยอาจมีเครดิตเป็น 60วัน... นั่นเพราะ สำหรับ SME.นั้น เมื่อขายสินค้ามีการเปิดบิล กว่าจะได้รับชำระจริงนั้น ต้องรออีกหลายเดือน
2.) ปกติ ทางธนาคารจะให้นิติบุคคล กู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับประกอบการในรูป TermLoan. โดยมีการผ่อนชำระ 5-7 ปี. ซึ่งระยะเวลาการผ่อนที่สั้นนั้น ทำให้กระแสเงินสดต้องถูกดึงออกไปเพื่อทำการผ่อนชำระทุกเดือนเป็นจำนวนมาก หากสามารถปรับการผ่อนชำระเป็น 10 ปี ยอดการผ่อนชำระต่อเดือนจะลดลงมาก..
..................
วันหลังมาเล่าต่อว่า หลังจากนั้น เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัวแล้ว สิ่งต่อไปอะไรคืออุปสรรค และอยากให้มีการปรับระบบอะไรเพิ่มเติม