
คณะวิจัยทางวัฒนธรรม สถาบันสังคมศาสตร์จีน ได้เดินทางมาศึกษาวิจัยการเผยแพร่ “อนุตรธรรม”หรือ “อี้ ก้วน เต้า” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 โดยมูลนิธิเทิดพระคุณ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นตัวแทนของไทยให้การต้อนรับ
“อี้ ก้วน เต้า” เกิดขึ้นที่จีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ “อี้ ก้วน เต้า” จึงได้อพยพหลบลี้หนีภัยไปไต้หวัน แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลไปอีกหลายแห่ง กระจายไปกว่า 80 ประเทศ และได้เข้ามาเจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุดบนผืนแผ่นดินไทย แต่ก็ไม่แปลกแต่อย่างใด แม้แต่วัฒนธรรมของอินเดีย ก็ได้เข้ามาเจริญรุ่งเรือง จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลกไปแล้ว เป็นธรรมดาที่ “อี้ ก้วน เต้า” ได้เข้ามาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วบนผืนแผ่นดินไทยใช้เวลาแค่ 30-40 ปี เพราะคนไทยนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล ทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทำนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
การเดินทางมาทำการศึกษาวิจัยวัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”ของจีนในครั้งนี้ ใช้ทีมวิจัยหลายสิบคน ซึ่งในจำนวนนี้มีอาจารย์ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์ถึง 4 คน ถือได้ว่าจีนให้ความสำคัญต่อ “อี้ ก้วน เต้า”อย่างมากทีเดียว “อี้ ก้วน เต้า”แม้เคยถูกกวาดล้างทำลายด้วยเหตุผลทางการเมือง นอกจากไม่ได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว แต่กลับแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างอัศจรรย์ และกำลังจะเดินทางย้อนกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแน่นอน คนไทยที่ได้ฝึกฝน “อี้ ก้วน เต้า”จนเชี่ยวชาญระดับแนวหน้า ก็จะได้มีโอกาสได้ทำงานนี้
เราคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่ไทยเราได้กลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลกอย่างแท้จริงตลอดไปตราบนานเท่านาน ทั้งนี้เพราะเราได้รวมเอาวิถีธรรมทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นั่นเอง เราไม่เสียใจ แม้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่อินเดีย แต่ศาสนาพุทธก็มาเจริญรุ่งเรื่องบนผืนแผ่นดินไทย เข้ามานานจนเราคิดว่า พระพุทธเจ้าคือคนไทยไปแล้ว เราไม่เสียใจ แม้ “อี้ ก้วน เต้า”เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ “อี้ ก้วน เต้า”ซึ่งผ่านอุปสรรคขวากหนามชนิดที่แทบเอาตัวไม่รอด จนกล้าแกร่งดั่งเพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือเลิศ ก็เข้ามาเติบโตอย่างรวดเร็วล้ำหน้าใครอื่นทั้งโลกบนผืนแผ่นดินไทยอีกเช่นกัน เพราะเรารู้จักประยุกต์ของเก่าเก็บแต่เข้มขลัง กับของใหม่สดใสดั่งเพชรเม็ดงามให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่แบบไทย ๆ ที่สมควรเรียกว่า “ของขลังฝังเพชร”โดยแท้ เรากราบไหว้เทิดทูนบูชาพระพุทธเจ้าด้วยชีวิตและจิตใจ จึงมีผู้บำเพ็ญสำเร็จเป็นพระอรหันต์บนผืนแผ่นดินไทยมากที่สุดในโลก ขณะเดียวกันเราก็กราบไว้เทิดทูนบูชาพระพุทธะจี้กง พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านไป๋ สุ่ย เซิ่ง ตี้ รวมทั้งอาจารย์วังเตี่ยน ฉวน ซือ ด้วยชีวิตและจิตใจเช่นกัน ถึงกระนั้น เราลูกหลานไทยก็ไม่ลืมกราบสำนึกในการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพชนไทยทุกพระองค์ทุกท่าน ที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยและรักษามรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้ เลือดทุกหยด น้ำตาทุกหยด และหยาดเหงื่อทุกหยดของท่านเหล่านั้น ได้หล่อหลวมความเป็นไทยที่ไม่เหมือนชนชาติใดในโลกเอาไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าพายุร้ายเคยโหมกระหน่ำโลกใบนี้มาแล้วกี่ครั้งกี่หน แต่ชนชาติไทยก็ยังฟันฝ่ามาได้ทุกครั้ง เราลูกหลานไทยจึงต้องแบกรับภารกิจอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่นี้ต่อไป ให้อนุชนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์และส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง ชนชาติไทยต้องอยู่คู่ฟ้าดิน หากโลกใบนี้ต้องถึงกาลอวสาน ชนชาติไทยจะเป็นชาติสุดท้ายที่แตกดับพร้อมโลกใบนี้
การปกป้องผืนแผ่นดินไทยและการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมไทย เป็นภารหน้าที่อันสำคัญยิ่งก็จริง แต่ก็ยังมีภารหน้าที่ที่สำคัญกว่ารอคอยอยู่ แผ่นดินไทยเคยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก และขณะนี้แผ่นดินไทยกำลังแบกรับภารหน้าที่ในการเผยแพร่วัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”แบบไทย ๆ ให้เข้าถึงทุกครัวเรือน ทั่วทุกมุมโลก ตามโองการฟ้า ที่ปรารถนาให้ “อี้ ก้วน เต้า”ฉุดช่วยพี่น้องเวไนยที่กำลังเผชิญมหันตภัยใกล้ตัว กาลฟ้าคับขันต้องเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลา เร่งรีบแยกหยกที่หมกอยู่กับหิน เร่งรีบคัดกรองคนดีที่มีอยู่ในหมู่คนเลว เร่งรีบบ่มเพาะ “เมล็ดพันธุ์บุญ”เก็บไว้ใช้ในอนาคตกาล ใช้ในยุคพระศรีอารียเมตไตรย ทรงมีมหาปณิธานแปรเปลี่ยนโลกเป็นดินแดนดอกบัวบาน ปลูกดอกบัวท่ามกลางกองเพลิงแห่งกิเลสตัณหา นำพาสันติภาพกลับคืนสู่โลกดังเดิม พระองค์คือพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในกัปป์นี้ แล้วเว้นวรรคอีกยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ เมื่อสิ้นธรรมกาลยุคของพระองค์ มนุษย์จะถูกเก็บ ต่อมาแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็จะถูกเก็บ เทวดาและพระพรหมที่สิ้นบุญแล้วก็หมดโอกาสลงไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างที่เคยทำ มีหนทางเดียวคือลงสู่นรกภูมิอย่างแน่นอน อยู่ที่นั่นยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ จะโทษใครได้ ในเมื่อในนรกไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลหรือบำเพ็ญธรรม นี่คือข่าวดี สำหรับท่านทั้งหลายที่ได้ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จมรรคผลสักที พึงตระหนักสำเหนียกให้จงดี จงเร่งรีบจับสายทองแห่งมหาธรรมตามโองการฟ้า บุญกุศลเดิม ๆ ที่เคยทำมาหาเพียงพอไม่ นี่คือโอกาสสุดท้าย ชักช้าจักต้องเสียใจ เมื่อมหันตภัยใกล้เข้ามา
มหันตภัยกำลังกระจายไปทั่วโลก เศรษฐกิจตกต่ำ ยาเสพติดแพร่ระบาด ภัยธรรมชาติทำลายล้างครั้งละหลายพันหลายหมื่นชีวิต เจ็บป่วยรักษาไม่หายตายผ่อนส่ง สงครามก่อการร้ายรุนแรง นี่คือการกวาดล้างความอำมหิตผิดบาปให้สูญสิ้นไปจากโลก เพื่อคืนความสะอาด สว่าง สงบให้แก่โลกดังเดิม เพื่อให้ “เมล็ดพันธุ์บุญ”ที่ได้คัดสรรไว้แล้ว ได้อยู่อย่างสงบร่มเย็น สามารถบำเพ็ญธรรมอย่างราบรื่นจนสำเร็จมรรคผลต่อไป ผู้ที่ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญธรรม สวรรค์นั้นมีตา ฟ้าจักปกป้องคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัย ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดนั้น ก็คือการเตรียมการรองรับ ยุคพระศรีอารียเมตไตรยในอนาคตกาลอย่างเต็มรูปแบบ นั่นเอง
เมื่อแยกย่อยโลกลงไปเป็นประเทศ สังคม ชุมชน และท้ายสุดก็คือ ครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด เราพบว่า ครอบครัวแตกร้าวไร้ไออุ่น วัยรุ่นถึงทางตัน สามี-ภรรยา พ่อแม่-ลูก พี่-น้อง ต่างหลงลืมละเลยบทบาทหน้าที่ที่มีต่อกัน
“อี้ ก้วน เต้า”จึงย่างก้าวเข้าสู่ครัวเรือน ใช้ธรรมะพิชิตความอำมหิตผิดบาปที่นำมาซึ่งภัยพิบัติ บำเพ็ญธรรมในวันนี้ ไม่ต้องออกบวช เพราะไม่ทันการณ์ บำเพ็ญอยู่ภายในบ้าน แต่ผลรับนั้นเหมือนกัน ทว่าสะดวกสบายกว่ามาก เริ่มจากฟื้นฟูบทบาทหน้าที่ภายในครอบครัวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นำครอบครัวคือเสาหลัก การบำเพ็ญธรรมอาศัยหลัก อู่ หลุน ปา เต๋อ (คุณสัมพันธ์ห้า,คุณธรรมแปด) สามีปกป้องคุ้มครองภรรยา พ่อลูกผูกพัน พี่น้องปรองดอง เพื่อนพ้องมีสัจจะ เจ้านายเอื้ออาทรและเป็นธรรมกับลูกน้อง มุ่งเน้นกตัญญู รู้คุณ จงรักภักดี สุจริตธรรม และละอายต่อบาป เมื่อออกจากครอบครัวเข้าสู่ชุมชนและสังคม ก็ใช้หลักคุณธรรมพื้นฐานห้า กล่าวคือ เมตตา มโนธรรม จริยะ สัจจะ และปัญญา ซึ่งคล้ายศีลห้า แต่กว้างกว่าและลึกกว่า ส่วนผู้ที่ปรารถนาสำเร็จมรรคผลนิพพานภายในชาตินี้ ก็ต้องผ่านกระบวนการทดสอบการบำเพ็ญบ่มเพาะทางจิตจากฟ้าเป็นระยะเป็นขั้นเป็นตอน ท้ายสุดต้องปล่อยวางทางโลกอย่างสิ้นเชิง จนดวงจิตประภัสสร พิสุทธิ์ผ่องใสไร้กิเลสตัณหา ตามหลัก “ความว่างเปล่า”ของพระพุทธเจ้า นั่นเอง
นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูงสุดอย่างครบถ้วนกระบวนความ นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่เป็นแบบไทย ๆ เปรียบดัง “ของขลังฝังเพชร” นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่จะฉุดช่วยพี่น้องเวไนยทุกคน ทุกครัวเรือน ทุกมุมโลก ให้กลับคืนนิพพานบ้านเดิม
เมื่อครอบครัวอบอุ่น วัยรุ่นอยู่ติดบ้าน สังคมก็สงบปลอดภัยไร้โจรขโมย ประเทศชาติก็มั่งคั่งมั่นคง ท้ายสุดโลกก็เกิดสันติภาพตามมา วันเวลานั้นมาถึงเมื่อใด ก็ถือได้ว่า ภารกิจของ “อี้ ก้วน เต้า”ได้สำเร็จสมบูรณ์ ตามเจตนารมณ์แห่งฟ้าแล้ว
ใคร่ขอท้าทุกท่านพิสูจน์...โองการฟ้าจริง พระวิสุทธิอาจารย์จริง ถ่ายทอดวิถีธรรมจริง แต่ยังขาด “คนจริง” ถ้าท่านคือ “คนจริง” จงเข้ามาพิสูจน์ แล้วท่านจะพบความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของท่านเอง
นี่ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นวัฒนธรรมแห่งโลกในอนาคตอันใกล้ เพื่อพี่น้องเวไนยที่มีรากบุญแยกออกจากหมู่คนเลวที่ต้องตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติกวาดล้างอย่างไม่มีทางเลือก ท่านยังคงไปวัด ไปโบสถ์ ไปสุเหล่าหรือประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เหมือนเดิม หากท่านปรารถนาเช่นนั้น แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปอาศัยเวลาอยู่บ้าง แล้วท่านจะตัดสินใจเลือกเดินทางใดด้วยตัวของท่านได้เอง ไม่ว่าท่านจะเลือกทางใด ตัวท่านเพียงคนเดียวคือผู้ที่ได้รับผลของการตัดสินใจนี้ ถ้าเลือกผิด ก็หมดสิทธิแก้ตัว ทุกคนรู้วันเกิด แต่ไม่รู้วันตายไม่มีใครรู้ว่า วันพรุ่งนี้ กับเคราะห์กรรม ใครจะแซงหน้ามาก่อน
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป ผู้อยู่อาศัยต้องเปลี่ยนตาม พายเรือตามกระแสน้ำ ย่อมสบายกว่าพายทวนกระแส อย่างแน่นอน !!
อี้ ก้วน เต้า....วัฒนธรรมโลกในอนาคตอันใกล้(ฉบับสมบูรณ์)
คณะวิจัยทางวัฒนธรรม สถาบันสังคมศาสตร์จีน ได้เดินทางมาศึกษาวิจัยการเผยแพร่ “อนุตรธรรม”หรือ “อี้ ก้วน เต้า” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 โดยมูลนิธิเทิดพระคุณ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นตัวแทนของไทยให้การต้อนรับ
“อี้ ก้วน เต้า” เกิดขึ้นที่จีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ “อี้ ก้วน เต้า” จึงได้อพยพหลบลี้หนีภัยไปไต้หวัน แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลไปอีกหลายแห่ง กระจายไปกว่า 80 ประเทศ และได้เข้ามาเจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุดบนผืนแผ่นดินไทย แต่ก็ไม่แปลกแต่อย่างใด แม้แต่วัฒนธรรมของอินเดีย ก็ได้เข้ามาเจริญรุ่งเรือง จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลกไปแล้ว เป็นธรรมดาที่ “อี้ ก้วน เต้า” ได้เข้ามาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วบนผืนแผ่นดินไทยใช้เวลาแค่ 30-40 ปี เพราะคนไทยนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล ทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทำนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
การเดินทางมาทำการศึกษาวิจัยวัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”ของจีนในครั้งนี้ ใช้ทีมวิจัยหลายสิบคน ซึ่งในจำนวนนี้มีอาจารย์ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์ถึง 4 คน ถือได้ว่าจีนให้ความสำคัญต่อ “อี้ ก้วน เต้า”อย่างมากทีเดียว “อี้ ก้วน เต้า”แม้เคยถูกกวาดล้างทำลายด้วยเหตุผลทางการเมือง นอกจากไม่ได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว แต่กลับแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างอัศจรรย์ และกำลังจะเดินทางย้อนกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแน่นอน คนไทยที่ได้ฝึกฝน “อี้ ก้วน เต้า”จนเชี่ยวชาญระดับแนวหน้า ก็จะได้มีโอกาสได้ทำงานนี้
เราคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่ไทยเราได้กลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลกอย่างแท้จริงตลอดไปตราบนานเท่านาน ทั้งนี้เพราะเราได้รวมเอาวิถีธรรมทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นั่นเอง เราไม่เสียใจ แม้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่อินเดีย แต่ศาสนาพุทธก็มาเจริญรุ่งเรื่องบนผืนแผ่นดินไทย เข้ามานานจนเราคิดว่า พระพุทธเจ้าคือคนไทยไปแล้ว เราไม่เสียใจ แม้ “อี้ ก้วน เต้า”เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ “อี้ ก้วน เต้า”ซึ่งผ่านอุปสรรคขวากหนามชนิดที่แทบเอาตัวไม่รอด จนกล้าแกร่งดั่งเพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือเลิศ ก็เข้ามาเติบโตอย่างรวดเร็วล้ำหน้าใครอื่นทั้งโลกบนผืนแผ่นดินไทยอีกเช่นกัน เพราะเรารู้จักประยุกต์ของเก่าเก็บแต่เข้มขลัง กับของใหม่สดใสดั่งเพชรเม็ดงามให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่แบบไทย ๆ ที่สมควรเรียกว่า “ของขลังฝังเพชร”โดยแท้ เรากราบไหว้เทิดทูนบูชาพระพุทธเจ้าด้วยชีวิตและจิตใจ จึงมีผู้บำเพ็ญสำเร็จเป็นพระอรหันต์บนผืนแผ่นดินไทยมากที่สุดในโลก ขณะเดียวกันเราก็กราบไว้เทิดทูนบูชาพระพุทธะจี้กง พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านไป๋ สุ่ย เซิ่ง ตี้ รวมทั้งอาจารย์วังเตี่ยน ฉวน ซือ ด้วยชีวิตและจิตใจเช่นกัน ถึงกระนั้น เราลูกหลานไทยก็ไม่ลืมกราบสำนึกในการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพชนไทยทุกพระองค์ทุกท่าน ที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยและรักษามรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้ เลือดทุกหยด น้ำตาทุกหยด และหยาดเหงื่อทุกหยดของท่านเหล่านั้น ได้หล่อหลวมความเป็นไทยที่ไม่เหมือนชนชาติใดในโลกเอาไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าพายุร้ายเคยโหมกระหน่ำโลกใบนี้มาแล้วกี่ครั้งกี่หน แต่ชนชาติไทยก็ยังฟันฝ่ามาได้ทุกครั้ง เราลูกหลานไทยจึงต้องแบกรับภารกิจอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่นี้ต่อไป ให้อนุชนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์และส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง ชนชาติไทยต้องอยู่คู่ฟ้าดิน หากโลกใบนี้ต้องถึงกาลอวสาน ชนชาติไทยจะเป็นชาติสุดท้ายที่แตกดับพร้อมโลกใบนี้
การปกป้องผืนแผ่นดินไทยและการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมไทย เป็นภารหน้าที่อันสำคัญยิ่งก็จริง แต่ก็ยังมีภารหน้าที่ที่สำคัญกว่ารอคอยอยู่ แผ่นดินไทยเคยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก และขณะนี้แผ่นดินไทยกำลังแบกรับภารหน้าที่ในการเผยแพร่วัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”แบบไทย ๆ ให้เข้าถึงทุกครัวเรือน ทั่วทุกมุมโลก ตามโองการฟ้า ที่ปรารถนาให้ “อี้ ก้วน เต้า”ฉุดช่วยพี่น้องเวไนยที่กำลังเผชิญมหันตภัยใกล้ตัว กาลฟ้าคับขันต้องเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลา เร่งรีบแยกหยกที่หมกอยู่กับหิน เร่งรีบคัดกรองคนดีที่มีอยู่ในหมู่คนเลว เร่งรีบบ่มเพาะ “เมล็ดพันธุ์บุญ”เก็บไว้ใช้ในอนาคตกาล ใช้ในยุคพระศรีอารียเมตไตรย ทรงมีมหาปณิธานแปรเปลี่ยนโลกเป็นดินแดนดอกบัวบาน ปลูกดอกบัวท่ามกลางกองเพลิงแห่งกิเลสตัณหา นำพาสันติภาพกลับคืนสู่โลกดังเดิม พระองค์คือพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในกัปป์นี้ แล้วเว้นวรรคอีกยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ เมื่อสิ้นธรรมกาลยุคของพระองค์ มนุษย์จะถูกเก็บ ต่อมาแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็จะถูกเก็บ เทวดาและพระพรหมที่สิ้นบุญแล้วก็หมดโอกาสลงไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างที่เคยทำ มีหนทางเดียวคือลงสู่นรกภูมิอย่างแน่นอน อยู่ที่นั่นยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ จะโทษใครได้ ในเมื่อในนรกไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลหรือบำเพ็ญธรรม นี่คือข่าวดี สำหรับท่านทั้งหลายที่ได้ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จมรรคผลสักที พึงตระหนักสำเหนียกให้จงดี จงเร่งรีบจับสายทองแห่งมหาธรรมตามโองการฟ้า บุญกุศลเดิม ๆ ที่เคยทำมาหาเพียงพอไม่ นี่คือโอกาสสุดท้าย ชักช้าจักต้องเสียใจ เมื่อมหันตภัยใกล้เข้ามา
มหันตภัยกำลังกระจายไปทั่วโลก เศรษฐกิจตกต่ำ ยาเสพติดแพร่ระบาด ภัยธรรมชาติทำลายล้างครั้งละหลายพันหลายหมื่นชีวิต เจ็บป่วยรักษาไม่หายตายผ่อนส่ง สงครามก่อการร้ายรุนแรง นี่คือการกวาดล้างความอำมหิตผิดบาปให้สูญสิ้นไปจากโลก เพื่อคืนความสะอาด สว่าง สงบให้แก่โลกดังเดิม เพื่อให้ “เมล็ดพันธุ์บุญ”ที่ได้คัดสรรไว้แล้ว ได้อยู่อย่างสงบร่มเย็น สามารถบำเพ็ญธรรมอย่างราบรื่นจนสำเร็จมรรคผลต่อไป ผู้ที่ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญธรรม สวรรค์นั้นมีตา ฟ้าจักปกป้องคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัย ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดนั้น ก็คือการเตรียมการรองรับ ยุคพระศรีอารียเมตไตรยในอนาคตกาลอย่างเต็มรูปแบบ นั่นเอง
เมื่อแยกย่อยโลกลงไปเป็นประเทศ สังคม ชุมชน และท้ายสุดก็คือ ครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด เราพบว่า ครอบครัวแตกร้าวไร้ไออุ่น วัยรุ่นถึงทางตัน สามี-ภรรยา พ่อแม่-ลูก พี่-น้อง ต่างหลงลืมละเลยบทบาทหน้าที่ที่มีต่อกัน
“อี้ ก้วน เต้า”จึงย่างก้าวเข้าสู่ครัวเรือน ใช้ธรรมะพิชิตความอำมหิตผิดบาปที่นำมาซึ่งภัยพิบัติ บำเพ็ญธรรมในวันนี้ ไม่ต้องออกบวช เพราะไม่ทันการณ์ บำเพ็ญอยู่ภายในบ้าน แต่ผลรับนั้นเหมือนกัน ทว่าสะดวกสบายกว่ามาก เริ่มจากฟื้นฟูบทบาทหน้าที่ภายในครอบครัวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นำครอบครัวคือเสาหลัก การบำเพ็ญธรรมอาศัยหลัก อู่ หลุน ปา เต๋อ (คุณสัมพันธ์ห้า,คุณธรรมแปด) สามีปกป้องคุ้มครองภรรยา พ่อลูกผูกพัน พี่น้องปรองดอง เพื่อนพ้องมีสัจจะ เจ้านายเอื้ออาทรและเป็นธรรมกับลูกน้อง มุ่งเน้นกตัญญู รู้คุณ จงรักภักดี สุจริตธรรม และละอายต่อบาป เมื่อออกจากครอบครัวเข้าสู่ชุมชนและสังคม ก็ใช้หลักคุณธรรมพื้นฐานห้า กล่าวคือ เมตตา มโนธรรม จริยะ สัจจะ และปัญญา ซึ่งคล้ายศีลห้า แต่กว้างกว่าและลึกกว่า ส่วนผู้ที่ปรารถนาสำเร็จมรรคผลนิพพานภายในชาตินี้ ก็ต้องผ่านกระบวนการทดสอบการบำเพ็ญบ่มเพาะทางจิตจากฟ้าเป็นระยะเป็นขั้นเป็นตอน ท้ายสุดต้องปล่อยวางทางโลกอย่างสิ้นเชิง จนดวงจิตประภัสสร พิสุทธิ์ผ่องใสไร้กิเลสตัณหา ตามหลัก “ความว่างเปล่า”ของพระพุทธเจ้า นั่นเอง
นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูงสุดอย่างครบถ้วนกระบวนความ นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่เป็นแบบไทย ๆ เปรียบดัง “ของขลังฝังเพชร” นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่จะฉุดช่วยพี่น้องเวไนยทุกคน ทุกครัวเรือน ทุกมุมโลก ให้กลับคืนนิพพานบ้านเดิม
เมื่อครอบครัวอบอุ่น วัยรุ่นอยู่ติดบ้าน สังคมก็สงบปลอดภัยไร้โจรขโมย ประเทศชาติก็มั่งคั่งมั่นคง ท้ายสุดโลกก็เกิดสันติภาพตามมา วันเวลานั้นมาถึงเมื่อใด ก็ถือได้ว่า ภารกิจของ “อี้ ก้วน เต้า”ได้สำเร็จสมบูรณ์ ตามเจตนารมณ์แห่งฟ้าแล้ว
ใคร่ขอท้าทุกท่านพิสูจน์...โองการฟ้าจริง พระวิสุทธิอาจารย์จริง ถ่ายทอดวิถีธรรมจริง แต่ยังขาด “คนจริง” ถ้าท่านคือ “คนจริง” จงเข้ามาพิสูจน์ แล้วท่านจะพบความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของท่านเอง
นี่ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นวัฒนธรรมแห่งโลกในอนาคตอันใกล้ เพื่อพี่น้องเวไนยที่มีรากบุญแยกออกจากหมู่คนเลวที่ต้องตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติกวาดล้างอย่างไม่มีทางเลือก ท่านยังคงไปวัด ไปโบสถ์ ไปสุเหล่าหรือประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เหมือนเดิม หากท่านปรารถนาเช่นนั้น แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปอาศัยเวลาอยู่บ้าง แล้วท่านจะตัดสินใจเลือกเดินทางใดด้วยตัวของท่านได้เอง ไม่ว่าท่านจะเลือกทางใด ตัวท่านเพียงคนเดียวคือผู้ที่ได้รับผลของการตัดสินใจนี้ ถ้าเลือกผิด ก็หมดสิทธิแก้ตัว ทุกคนรู้วันเกิด แต่ไม่รู้วันตายไม่มีใครรู้ว่า วันพรุ่งนี้ กับเคราะห์กรรม ใครจะแซงหน้ามาก่อน
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป ผู้อยู่อาศัยต้องเปลี่ยนตาม พายเรือตามกระแสน้ำ ย่อมสบายกว่าพายทวนกระแส อย่างแน่นอน !!