Guangzhou No Sunny Mostly Cloudy * กว่างโจวนี้ไม่มีแดด ฉบับ Mùsīlín Tàiguórén.

"แก ไป Guangzhou กัน"
"ไปๆๆ แต่เราพูดจีนกันไม่ได้เลยนะ"
"ไม่เป็นไร ค่อยซื้อหนังสือฝึกอ่านเอา"

สวัสดีค่ะ ทริปนี้เป็นการแบคแพคไป Guangzhou ประเทศจีน ช่วงวันที่ 15 - 20 พฤศจิกายน 2561 ทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
และจากพยากรณ์อากาศที่ว่า จะมีหมอกและฝนตกเกือบตลอดทริป ! ฝนตก


ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง
- ตั๋วเครื่องบิน Air asia ไปกลับ + นน.กระเป๋า 30 kg คนละ 5615 บาท
- ค่า visa จีน แบบเข้าออก 1 ครั้ง คนละ 1000 บาท
- ที่พัก 5 คืน (ไม่รวมอาหารเช้า ) จองผ่าน booking.com คนละ 3375 บาท
- ค่า Sim2Fly คนละ 399 บาท

เตรียมตัวก่อนเดินทาง
- Visa จีน เนื่องจากพวกเราอยู่ภาคใต้ เลยไปทำวีซ่ากันที่สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดสงขลาค่ะ
สำหรับการขอวีซ่าที่ สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา ไปถึงให้แจ้งพี่ยามว่ามาทำวีซ่า
พี่เขาจะให้แลกบัตร แล้วเดินไปตัวอาคาร ผ่านเครื่องสแกนเข้าไป แล้วฝากของไว้ที่ล้อกเกอร์ค่ะ เอาเข้าไปได้แค่ปากกาและเอกสาร (โทรศัพท์ก็ห้ามค่ะ) วันนั้นพวกเราไปถึงสงขลาช่วงเที่ยง เลยได้ยื่นเอกสารรอบบ่ายค่ะ (14.30-17.00น.) เมื่อเข้ามาด้านในบริเวณที่ขอวีซ่า จะมีช่องให้ยื่นเอกสาร มี จนท.สองคนทำการอยู่ รอคิวตรวจเอกสาร แล้วรอรับใบรับวีซ่าค่ะ
ค่าธรรมเนียมจ่ายตอนมารับนะคะ ของพวกเราขอแบบครั้งเดียว รอสามวันทำการ ก็ 1000 บาทค่ะ

เอกสารในการขอวีซ่าท่องเที่ยว
1.แบบฟอร์ม Form V.2013 ดาวน์โหลดจาก www.visaforchina.org มี 4 หน้า
(ตัวอย่างการกรอกหาดูได้ตามเวปรีวิวต่างๆ และที่สถานกงสุลเองก็มีติดแนะนำการกรอกไว้ค่ะ)
2.รูปถ่าย ขนาด 33 มม. × 48 มม. พื้นขาว จำนวน 1 รูป
3.สำเนาพาสปอร์ต 1 ชุด (รับรองสำเนาด้วย)
4.ใบจองตั๋วเครื่องบิน (ระบุวันเวลาเดินทาง และสถานที่ที่ไปกลับพร้อมชื่อผู้โดยสาร)
5.ใบจองที่พัก (ถ้ามาด้วยกัน พักที่เดียวกัน ในใบจองต้องมีชื่อผู้เข้าพักทุกคน)
6.แพลนในแต่ละวัน (เราปริ้นมาเผื่อ จนท.ก็เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย)

- แผนที่ใน Guangzhou
เราใช้ Google map ในการ Save สถานที่ที่เราจะไป เช่น แหล่งช้อปปิ้ง, ร้านอาหาร,มัสยิด มันก็จะเยอะแยะตามรูปเลย

- Sim ที่เลือกใช้ครั้งนี้ คือ Sim2Fly ของ AIS ค่ะ
เป็นแบบที่ใช้ในเอเชีย ซึ่งซิมจะมีอายุ 8 วัน เล่นเนตโรมมิ่ง 4G/3G แบบ Non-Stop ได้4 GB
ซื้อได้ที่ AIS Buddy ที่สนามบินดอนเมือง ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับชาตรามือ ใกล้ๆห้องละหมาดของสนามบินดอนเมืองค่ะ
เราเปลี่ยนซิมที่จีนเลยค่ะ จากการใช้งานตลอดทริป สัญญาณเนตใช้ได้ทุกที่ยกเว้นเวลาลงใต้ดินลึกๆไปสองสามชั้น อันนี้จะหายเลย
แต่ในพื้นที่ปกติ สามารถเข้าได้ทั้ง Facebook, Line, Instragram, Google. ซึ่งสะดวกมากๆ


เดินทางกันเลย
Day 1 : 15 November 2018
Weather : 26c / 21c Mostly Cloudy
พวกเราบินไปกว่างโจว จากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia เวลา 00.55 น. ค่ะ ผ่านขั้นตอนการ Check-in, โหลดกระเป๋า, ผ่าน ตม. ก็มีเวลาเดินเล่นก่อนไปหน้า Gate อีก สักชั่วโมงพอดีๆ ถึงเวลา Boarding ก็ทะยอยกันขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องค่ะ เพื่อนร่วมไฟลท์ถือว่าโอเคเลยค่ะ ไปจีนครั้งแรกเลยนึกภาพไว้ก่อนว่า ต้องเสียงดังโช้งเช้งแน่ๆ แต่นี่ไม่มีเลย แอบดีใจ ฮ่าๆ
หลังจากบินไปราวๆ 1 ชั่วโมงก็ถูกปลุกด้วยอาหาร กินข้าวกันตอนตีสองกว่าๆเลยค่ะ แล้วก็นอนหลับๆตื่นๆไปตลอดการบินที่เหลือ
พนง.จะแจกใบ ตม.ของจีนด้วยนะคะ ก็เขียนกันให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะลงจอด
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดก็ดังขึ้น เครื่องบินกำลังจะแลนด์ดิ้งลง Baiyun International Airport .....
ราวๆตี 4.30 น.เวลาท้องถิ่นของกวางโจว เราสองคนกำลังเดินไป ตม. ด้วยสภาพงัวเงียแต่ใจเต้นตึกตัก เพราะไม่มีใครพูดจีนเป็นเลย
แถมบรรยากาศก็ดูเข้มงวดยังไงไม่รู้ สิ่งแรกที่เจอ คือ เครื่องสแกนนิ้วหน้าตาแบบนี้ สแกนเสร็จยื่นกระดาษให้ ตำรวจ ตม.ดู
แล้วเดินต่อจนไปถึงด่าน ตม.
อันนี้ใจเต้นหนักขึ้นไปอีก เพราะเฮียเขาตรวจ passport นานมากกกก พลิกนั้นดูนี่ ชะโงกซ้ายขวา ดูจอคอม สแกนนิ้ว มองกล้อง
ตม.ก็ดู passport อีก พลิกไปมา แต่ไม่ได้ถามอะไรเลยนะ ยืนอยู่เกือบ 10 นาทีอะ ถึงปั้มผ่านให้ แต่ยังไม่จบ
โดนเชิญไปเจอหัวหน้า ตม.ที่อยู่ข้างหลังอีก ยื่นเอกสาร เฮียก็ถามมากี่คน นั่นเพื่อนคุณใช่ไหม (เพื่อนเราโดนเรียกมาก่อนหน้านี้)
ก็ตอบไป รอเฮียชะโงกดูหน้าซ้ายทีขวาที ดู passport ที นานมาก เกือบ 10 นาที ถึงปล่อยผ่าน รีบเดินลงบันไดเลื่อนแทบไม่ทัน ฮ่าๆ

* สันนิษฐานเอาเองนะคะว่า อาจเพราะเราสองคนเป็นมุสลิม รูปที่ติดใน passport กับตอนส่งทำ Visa
ก็แต่งกายคลุมฮิญาบตามศาสนาตามระเบียบที่ทางการจีนอนุญาต แต่คนทั่วไปรูปถ่ายต้องเห็นหูทั้งสองข้าง
และเห็นโครงหน้าทั้งหมด พอเจอเราสองคน ตม.เลยตรวจกันนานหน่อยแค่นั้นเอง *
รับกระเป๋าเสร็จ ตรวจดูเอกสาร แล้วมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้วค่า ใบ ตม.ขาออกของเรา หายยยย รื้อนั้นนี่อยู่สักพัก ก็นึกได้ว่า
หัวหน้า ตม.ไม่ได้ให้คืนแน่ๆ วิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปหา ตม. พูดแบบกล้าๆกลัวๆ "ยูไม่ได้คืนใบขาออกให้ไออะ" เฮียก็หาๆ แล้วหยิบ
ใบขาออกเรามาถามว่า นี่หรอ นี่ชื่อคุณหรอ ? (หน้าเข้มไปไหน ฮรื่อ ㅜ.ㅜ) เยสค่า อิท มายยยย. รีบเก็บแล้วรีบเดินลงมาเลยค่ะ
กลัวเขาไม่ให้เข้าประเทศ 55555 (ตอนนั้นกระต่ายตื่นตูมมาก เดินขาขวิดเพื่อให้ออกจากจุดนั้นโดยเร็ว 55)

จากนั้นพวกเราก็หาที่นั่งเพื่อทำการเปลี่ยน Sim จะได้ติดต่อกลับไปทางบ้านว่าถึงจีนแล้วโดยปลอดภัย

ในชุด ก็จะมี Sim ตัวกดช่องใส่ซิม และถุงพลาสติกเล็กๆสำหรับเก็บซิมเดิมของเรา รวมถึงวิธีการเปิดใช้งาน
หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน พวกเราก็เดินเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะยังเช้าอยู่มากและรถไฟกับรถบัสเข้าเมืองยังไม่เปิดให้บริการ
พวกเราเลยเดินข้ามไปฝั่ง Departure hall
เดินไปมา จนเจอร้านอาหารฮาลาลด้วยค่ะ

ร้านนี้จะอยู่ฝั่ง Departure hall นะคะ เป็นร้านบะหมี่ร้านใหญ่เลยทีเดียว แต่เราสองคนไม่ได้กินนะคะ มันเช้าเกินไป ยังไม่หกโมงเช้าเลย
เลยด้อมๆมองๆอย่างเดียว รอเวลารถบัสวิ่ง เดินเล่นกันสักพักก็ข้ามฝั่งกลับมาที่ฝั่ง Arrival hall
* จริงๆ ถ้าเราเดินออกจากโซนรับกระเป๋า มาตามทางเรื่อยๆ จะเจอป้ายบอกทางแบบนี้ค่ะ *
จะเห็นว่า Bus stationไปที่ gate. A4 ให้เดินออกไปข้างนอกตัวอาคารนะคะ จะเห็นจุดขายตั๋วกับชานชลาจอดรถบัส
เราหาข้อมูลมาก่อนแล้วว่า ที่พักของเราจะต้องนั่ง Airport bus สาย 2B ไปลงที่โรงแรม Crownd plaza รถเที่ยวแรกคือ 7.10 น.
ถึงเวลาก็เดินไปค่ะ 7.00 ที่หน้าจุดขายตั๋ว แจ้งว่าจะไปลง Crownd plaza จนท.ไม่เข้าใจค่า เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย
เลยเปลี่ยนเป็นบอกชื่อสถานีรถไฟใกล้ๆ เขาก็ อ๋อ โอเค งั้นตั๋วสองใบค่ะ (เอ้อเก้อ)~ เจ้บอก อาฮะ มีรอบ 10.10 นะ

เดี๋ยวๆๆๆ ไหนในเวปไซต์บอกว่า รอบแรก คือ 7.10 ไง ทำไมถึงเป็น 10 โมงไปได้ !!!! จนท.บอก เหม่ยโย่วๆ (ไม่มีๆ) เนี่ยมีรอบ 10.10
พร้อมชี้ไปที่ตารางรถบัส ... ใจสลาย เข่าทรุดมาก T.T ยืนอึ้งกันพักนึง เลยตัดสินใจกลับเข้าไปในอาคาร เพื่อไปหารถไฟใต้ดิน...
ตามป้ายบอกทางไป Metro กันเลยค่ะ
ที่ไม่ได้เลือกรถไฟใต้ดินตั้งแต่แรก ก็เพราะว่า พวกเรามีกระเป๋าคนละ 2 ใบ แล้วต้องเปลี่ยนสายสองรอบจึงจะถึงสถานีใกล้ที่พัก มันค่อนข้างวุ่นวาย เลยหันไปเลือกรถบัส กะจะนั่งยาวๆ แล้วลงทีเดียวเลยดีกว่า แต่...อย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้น รถบัสไม่เป็นใจ T.T
เลยต้องเดินกลับมาที่ใต้ดิน

ณ ทางเข้าทางไปสถานี Airport south (Terminal 1) นั้น มีคนมหาศาลมากเลยจ้า ยืนงงในดงจีนกันเลยทีเดียว แถมหาจุดขาย
บัตร Yang Cheng Tong ไม่เจอด้วย เลยไปซบตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ กดเลือกภาษาอังกฤษ กดๆๆ จนได้เหรียญมาคนละอัน รอดแล้วค่า~
* ค่าโดยสารคนละ 7 หยวน หรือราวๆ 35 บาทค่ะ *
สภาพตอนนั่งรถไฟเข้าเมือง
นั่งตั้งแต่ต้นสาย คนก็อัดแน่นเข้ามาทุกสถานี เหมือนเจอเวลา Rush hour พอดีอะ เบียดมาก เบียดสุดๆ นั่งมาลง Guangzhou
Railway station แล้วเปลี่ยนเป็น Line.5 ไป Xiaobei อีก 1 ป้าย
ตอนจะออกจากขบวนนี่โหดสุด คนเข้าก็จะเข้า คนจะออกก็ดันออก ไฟท์มาก พวกเรานี่ทั้งดันทั้งลากกระเป๋าชนใครบ้างไม่รู้
ขอออกไปให้ได้ก่อนนนน อย่าเบียดสิ จะร้องแล้วนะ T.T แถมเดินเปลี่ยนสายนี่ก็โหด คนเยอะ บันไดแยะ กระเป๋าก็หนัก
นับตั้งแต่ลงจากเครื่อง เวลาผ่านกันมา 5 ชั่วโมง พวกเราก็ถึงที่พักแล้วค่า !
เราพักโรงแรม Xin Yue Xin ไม่ไกลจากสถานี Xiaobei Exit.C เป็นโรงแรมแบบสามดาว ใต้โรงแรมมี Starbucks ด้วย
ตอนมา Check in ก็ยื่นใบจองกับ passport ให้ พนง.แล้วชำระเงิน ที่นี่มีค่ามัดจำ 100 หยวนด้วย เก็บใบเสร็จกันไว้ดีๆ
ห้ามหายเด็ดขาด ไว้รับคืนตอน Check out และที่พักก็ถูกใจเราทั้งสองคน อย่างน้อยทริปนี้ก็นอนสบายหายห่วงแล้ว 555

หลังนอนเอาแรงกันสักพัก ก็ออกมาสำรวจ หาอะไรกินแถวๆที่พัก ย่านที่เราพักเรียกว่า Xiaobei บริเวณนี้จะมีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวแอฟริกันอยู่กันเยอะมากๆ และยังเป็นย่านที้มีอาหารฮาลาลอีกด้วย เราสองคนลิงโลดมาก เดินสำรวจ Muslim street หรือเราเรียกกันเองว่า African town
อย่างสนอกสนใจ และเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อแรกในกวางโจวของเรา
และนี่คือเมนูที่เราได้เจอ...
สั่งไม่เป็นจ้า ตามองตา เราสองคนพูดอังกฤษ คนในร้านกะพริบตาใส่ แล้วพูดจีน ฮรื่อออ เมนูก็มีแต่ภาษาจีน อยากกินเนื้อวัว ไม่กล้าเสี่ยงเนื้ออื่นๆ  เพื่อนเตือนมาแล้วว่า เนื้อสัตว์ที่นี่ค่อนข้างมีกลิ่นและรสชาติไม่โอเค พวกเราก็เลยดูรูปแล้วชี้สั่งมาสองเมนู กำชับด้วยว่า
ขอเนื้อวัวนะ พนง.ก็พยักหน้าแล้วตะโกนสั่งพ่อครัว ไฟลุกโช้งเช้งอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่