พอถึงข้างบนซึ่งเป็นช่วงค่ำแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นสบาย แตกต่างจากข้างล่างมากๆ ที่นี้เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีคาสิโนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบคัน คือเหมือนเมืองอีกเมืองนึงเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือราคาของถูกกว่าข้างล่างด้วย ถ้าจะช้อปแนะนำให้ช้อปจากข้างบนลงมา ข้างล่างมาเที่ยวแบบชิลๆ พอ จากนั้นผมเริ่มมองหาโรงแรมที่จองไว้ ก็คือ First World Hotel หาอยู่สักพักอยู่เหมือนกันเพราะคนเยอะมาก
ผมก็ลุกแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว และ check-out ออกจากโรงแรมเวลาประมาณเที่ยงจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ แพลนสำหรับวันที่ 3 คือ เราจะไปแค่ Central market และ China Town เท่านั้น! ไม่เที่ยวเยอะกว่านี้เพราะเหนื่อย ฮ่าๆๆ ผมนั่งรถไฟฟ้าจาก Dang Wangi ไปลงที่ Pasar Seni ก็จะถึง China Town พอดี ภาพที่เห็นคือนี้ China Town จริงป่ะว่ะ ? ทำไมมีแต่คนอินเดีย ? ฮ่าๆๆ
[CR] กัวลาลัมเปอร์ 3 วัน 2 คืน กับงบ 5,000 บาท
สำหรับมาเลเซียแล้วถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ใครๆ ก็สามารถแวะไปเยือนได้ทุกเมื่อ เพราะใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ผม คุณแม่ผม และเพื่อนอีกหนึ่งคนก็มายืนงงๆ ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ซะงั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก เมื่อเพื่อนส่งไลน์มาบอกว่า “ตั๋วของสายการบินสีแดงลด ตอนนี้ไปมาเลถูก” ผมก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า “เอ้า! รออะไรหละ รีบจองโว้ยย..” ผมและเพื่อนต่างคนต่างจองตั๋วของตัวเอง โดยส่วนตัวแล้วเมื่อเจอตั๋วถูกและเป็นเมืองหรือประเทศที่เราอยากไปอยู่แล้วผมก็จะรีบจองไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยคิดใกล้ๆ วันที่จะเดินทาง อย่างเช่นทริปนี้แพลนก่อกำเนิดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเดินทางเท่านั้น ผมกับเพื่อนอยากเที่ยวชิวๆ สบายๆ ผ่อนคลาย ไม่เหนื่อย ไม่อยากเที่ยวแบบไปออกรบ แพลนก็เลยออกมาแบบงงๆ มีแต่เฉพาะ landmark ที่จะไปเท่านั้น ส่วนวันและเวลาอยากจะไปที่ไหนก่อนหลังก็ไป๊! เมื่อถึงวันเดินทางแม่ผมก็มีถามบ้างว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง ผมก็ได้แต่ตอบว่า “ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวถึงแล้วค่อยคิด” แม่ก็ถามขึ้นมาอีกว่า “แล้วโรงแรมหละ ?” ผมบอก “ยังไม่มีจร้า” นางได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วอุทานเสียงเบาๆว่า “เอ๊า !!” ฮ่าๆๆๆๆ
หลังจากที่เครื่อง Take off เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราถึง KLIA2 เวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ กว่าจะผ่าน ตม. อะไรเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 11 โมง (จริงๆ ขั้นตอนไม่เยอะครับแค่แสกนลายนิ้วมือ แต่แถวยาวมากกก) หลังจากผ่าน ตม. เสร็จเรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือบอกให้โลกรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน ก็เลยซื้อซิมโทรศัพท์เปลี่ยนในสนามบินเลยครับ (ราคาสำหรับแพ็คเกจ 7 วัน ประมาณ 120 บาท) เรียบร้อยหลังจากนั้นก็ทานข้าวกลางวันให้เสร็จสับก่อนที่จะเดินทางต่อ
เป็นเวลาเกือบบ่าย 2 โมงแล้วที่เรายังไม่ได้ออกจากสนามบิน ฮ่าๆๆๆ วันแรกก็เลยตกลงกันว่าเราจะไป Tabu Caves ก่อน หลังจากนั้นค่อยเดินทางไปพักที่ Genting Highland ในคืนแรก
การเดินทางจากสนามบิน KLIA2 ไป Tabu Caves ในตอนแรกตัดสินใจว่าจะไปโดย KL Express ไปลงที่ KL Central แล้วจาก KL Central ก็ต่อรถไฟฟ้าไป Tabu Caves สถานีปลายทาง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนแพลนเพราะราคา KL Express แพงเกินไป เลยเปลี่ยนเป็นนั่งรถบัสแทน ราคาถูกกว่ากันเยอะมาก (KL Express จาก KLIA2 ไป KL Central ราคาประมาณ 400 กว่าบาท แต่ถ้าโดยรถบัสจะประมาณ 100 กว่าบาทครับ)
ผ่านมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง KL Central เป็นที่เรียบร้อย (ตรงนี้เหมือนเป็นสถานี transit ขนาดใหญ่ ประหนึ่งว่าถ้ามาขึ้นตรงนี้สามารถไปได้ทุกสาย ฮ่าๆๆๆ) จาก KL Central ผมนั่ง KTM Komuter สายสีส้มเพื่อไปสถานีปลายทาง Batu Caves รถไฟจะจอดที่วัดพอดีครับ
ประมาณ 20 นาทีผ่านไป เราก็มาถึง Batu Caves เป็นที่เรียบร้อย ทำได้เพียงเดินดูรอบๆ และถ่ายรูป ถือว่ามาถึงแล้ว เพราะจากที่เห็นบันไดแล้วบอกได้เลยว่า ไม่ขึ้นแน่นอน ฮ่าๆๆๆ ใครจะขึ้นไปดูข้างบนเชิญเลยครับ
ทีนี้มาคิดต่อว่าจะไป Genting Highland ยังไงดี ? จากที่ดูคราวๆ เราสามารถไปได้ 2 วิธี คือ
1. ไปโดยแท็กซี่ คือนั่งแท็กซี่จาก Tabu Caves ไป Genting Highland เลย
2. นั่งแท็กซี่จาก Tabu Caves ไปต่อรถไฟฟ้าที่ Gombak และลงที่สถานี Putra จากนั้นก็นั่งรถบัสต่อไป
สรุป! วิธีแรกง่ายสุด ฮ่าๆๆ ก็เลยมองหาแท็กซี่ทันที พอกวาดสายตาไปรอบๆ WHAT !! คนขับแท็กซี่เป็นคนอินเดียทั้งนั้นเลย คิดในใจอยู่ว่า “โดนโกงแน่ๆ กู” ฮ่าๆๆๆ พอไปถามตอนแรกคนขับบอกเอา 100 ริงกิต ผมเลยบอกแพงไปลดให้หน่อย เขาก็ทำท่าเหมือนจะไม่ไป ผมก็เลยไม่สนใจ พออีกคนเดินมาถาม ผมก็เลยพูดภาษาฮินดี้กับเขาดู เขาบอก 90 ได้มั้ยเพราะเขาต้องเสียค่าทางด่วน ผมเลยบอกว่าผมเคยไป 70 นะ ฮ่าๆๆๆ (เด่วๆ เพิ่งมาครั้งแรกนิอ่ะ!) สุดท้ายตกลงกันที่ 80 ริงกิต ผมก็โอเครแต่ให้เขาจ่ายค่าทางด่วนเอง ฮ่าๆ
จากนั้นประมาณ 40 นาที เราก็มาถึง Genting Highland Cables เป็นที่เรียบร้อย ผมซื้อทั้งตั๋วขาไปและขากลับของพรุ่งนี้เช้าเลย จะได้ไม่เสียเวลา (ราคาทั้งไปและกลับประมาณ 30 ริงกิต หรือประมาณ 200 กว่าบาทต่อคน)
พอถึงข้างบนซึ่งเป็นช่วงค่ำแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นสบาย แตกต่างจากข้างล่างมากๆ ที่นี้เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีคาสิโนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบคัน คือเหมือนเมืองอีกเมืองนึงเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือราคาของถูกกว่าข้างล่างด้วย ถ้าจะช้อปแนะนำให้ช้อปจากข้างบนลงมา ข้างล่างมาเที่ยวแบบชิลๆ พอ จากนั้นผมเริ่มมองหาโรงแรมที่จองไว้ ก็คือ First World Hotel หาอยู่สักพักอยู่เหมือนกันเพราะคนเยอะมาก
เมื่อ check-in เรียบร้อยแล้วก็เข้าห้องพัก พักผ่อนตามอัธยาศัยเพราะเหนื่อยมาก ฮ่าๆๆ ประมาณ 2 ทุ่มก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอาหารเย็นทาน เดินเที่ยว ช้อปปิ้ง และลงท้ายด้วยความเมา กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี 3 แล้ว จบสำหรับวันแรก….
9 โมงกว่าแล้ว!!! อาบน้ำ แต่งตัว ออกหากิน เราต้องกิน กิน กิน!! ฮ่าๆๆๆๆ เวลาประมาณเที่ยง ผมนั่ง Cables จากด้านบนลงมาด้านล่างเพื่อมาต่อรถบัสเข้า KL Central และต่อรถไฟฟ้าไปยัง Dang Wangi คืนนี้เราจะพักที่ The Idaris KLCC กัน
เวลาประมาณบ่าย 3 โมง ผมมาถึงโรงแรมและทำเรื่องเช็คอินเรียบร้อย จากนั้นเราก็นั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี KLCC ที่ที่มี landmark ของกัวลาลัมเปอร์อยู่ นั้นก็คือตึกแฝด (Petronas Twin Tower), สวนสาธารณะ KLCC, Golden Triangle และ Menara Kuala Lumpur
ผมใช้เวลาที่นี้เกือบทั้งวันสำหรับการกิน เดินเที่ยว ถ่ายรูป พอตกเย็นก็ไป Night market ที่ Bukit Bintang ต่อ จากนั้นก็กลับที่พัก อาบน้ำ แต่งตัว เพราะเราต้องไปต่อ เราจะต้องไม่หยุดพัก ฮ่าๆๆๆๆ เพราะสำหรับคนที่ชอบดูดบารากุแล้วละก็ห้ามพลาด Publika เป็นอันขาด เพราะที่นี้คุณจะได้ดูดบารากุในราคาเตาละ 160 บาทเท่านั้น ถูกโคตรรร ดูดกันคนละเตาไปเล๊ย เอาให้ปอดพัง! เวลาที่เหลือตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 3 เราใช้เวลาที่นี้อย่างคุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ…..
ไหนว่ามาเที่ยวแบบไม่เหนื่อยไง มาแบบชิวๆ เน้นนั่งร้านกาแฟ พักผ่อนโง่ๆ แต่ทำไมมันเหนื่อยและสุดทุกคืนขนาดนี้ !!! 9 โมงเช้าเหมือนเดิม เสียงแม่มาปลุกและบอกว่า “9 โมงแล้วววว ตื่นๆๆๆ” แม่เนี่ยปลุกเก่ง! ขยันปลุกสุด!
ผมก็ลุกแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว และ check-out ออกจากโรงแรมเวลาประมาณเที่ยงจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ แพลนสำหรับวันที่ 3 คือ เราจะไปแค่ Central market และ China Town เท่านั้น! ไม่เที่ยวเยอะกว่านี้เพราะเหนื่อย ฮ่าๆๆ ผมนั่งรถไฟฟ้าจาก Dang Wangi ไปลงที่ Pasar Seni ก็จะถึง China Town พอดี ภาพที่เห็นคือนี้ China Town จริงป่ะว่ะ ? ทำไมมีแต่คนอินเดีย ? ฮ่าๆๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้