เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่นั้นมักจะมีตัวเลือกที่อยู่ในใจอยู่แล้วว่าอยากจะไปเรียนที่ไหน และผมเชื่อว่าตัวเลือกของคนส่วนมากมักจะไม่มีประเทศอินเดียอยู่ในนั้น หลายคนมองข้ามประเทศนี้ไปเพราะหลายๆ เหตุผล แต่เชื่อไหมว่ามีนักเรียนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดินทางไปเรียนที่อินเดีย ในช่วงปิดซัมเมอร์ หรือแม้กระทั่งช่วงอื่นๆ ตลอดทั้งปี เหตุผลหลักๆ ที่หลายๆคนเลือกที่จะไปเรียนที่นี้ก็มีอยู่ไม่กี่ข้อหรอกครับ หลักๆ ก็คือ

1. ค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง อินเดียถือเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพไม่แพงมาก หรือพูดได้ว่าพอๆ กับประเทศไทยเลยก็ว่าได้
2. ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางราชการ หนึ่งในเหตุผลที่คนเลือกไปเรียนที่นี้ก็คือเรื่องของภาษา เนื่องจากอินเดียเคยถูกครอบครองโดยอังกฤษมาก่อน ระหว่างนั้นการติดต่อทางราชการจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารจนปัจจุบันนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าร้อยละ 80 ของประเทศอินเดียสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฝึกภาษาอังกฤษระหว่างที่เรียนอยู่ที่นั้น ไม่เพียงแต่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
3. เพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งแน่นอนว่าการไปเรียนในสถาบันสอนภาษาที่นั้นมักจะมีแต่ชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ เช่น อาหรับ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน มองโกเลีย และอีกหลายๆ ประเทศ

แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยแปดเหตุที่คุณอาจจะเลือกมาเรียนที่นี้ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเหตุผลที่ผมกล่าวข้างต้นก็ได้ แต่รับรองได้ว่าการมาเรียนที่นี้ สิ่งที่คุณจะได้กลับไปมันมีค่ามากกว่าความรู้แน่นอน

สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเริ่มเรียนที่ไหนดี ? วันนี้ผมมีสถาบันสอนภาษาอังกฤษมาแนะนำ รวมไปถึงหอพักใกล้สถาบันด้วย สำหรับสถาบันสอนภาษา EMI หรือที่มีชื่อเต็มว่า English Master Institution เป็นสถาบันที่เปิดสอนมาอย่างยาวนาน และเปิดสอนให้กับเด็กนักเรียนไทยมาแล้วรุ่นต่อรุ่น สถาบันตั้งอยู่บนถนน Mosque Road ใน Frazer Town หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในอีกชื่อว่า Cox Town บรรยากาศภายในสถาบันก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ด้วยความสนิทสนมกลมเกลียวกันของทั้งอาจารย์ผู้สอนและนักเรียนด้วยแล้วทำให้สถาบันดูอบอุ่นขึ้นมาถนัดตา

สถาบัน EMI ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสตูดิโอโยคะ หากมาจากร้าน KFC Mosque Road ให้เดินตรงมุ่งหน้าไปทางร้าน Coffee Day ประมาณ 50 เมตร แล้วเลี้ยวขาวเข้าถนน Robertson Road อาคารที่ 2-3 คุณจะสังเกตเห็นป้ายของสถาบันติดอยู่  จากนั้นเดินเข้าไปช่องทางเดินข้างอาคาร และขึ้นไปยังชั้น 2 (ขึ้นไปอีก 2 ชั้น) จากนั้นให้เดินออกไปที่ระเบียงและสังเกตทางด้านซ้ายมือจะเจอป้ายสถาบันติดอยู่



ส่วนแรกที่เจอจะเป็นโต๊ะ  Reception ของทางสถาบัน ถัดไปข้างๆ จะเป็นโต๊ะเรียนแบบ individual class หรือการเรียนแบบตัวต่อตัว ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 3 ล็อคด้วยกัน และมี partition กั้นแต่ละล็อคด้วย



ส่วนที่เหลือของสถาบันจะเป็นของเรียนแบบ Group Class มีทั้งหมด 5 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะจุนักเรียนได้ประมาณ 5-6 คน ซึ่งในจำนวนนี้ถือว่าไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป



ซึ่งโดยปกติแล้วทางสถาบันจะจัดชั่วโมงเรียนให้กับนักเรียนทุกคนวันละ 4 ชั่วโมง แบ่งเป็นการเรียนแบบกลุ่ม (Group Class) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และการเรียนแบบตัวต่อตัว (Individual Class) อีก 1 ชั่วโมงในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ซึ่งแต่ละคนก็จะเข้าเรียนในเวลาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถาบันว่าจะจัดเวลาเรียนให้ช่วงใด อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับระดับการเรียนของนักเรียนด้วย ซึ่งภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงนี้ทางสถาบันจะแบ่งการสอนออกเป็น Grammar (แกรมม่า), Vocabulary (คำศัพท์), Conversation (การสนทนา), Reading & Writing Skills (ทักษะการอ่านและเขียน) เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาครบทั้ง 4 ทักษะในทุกๆ วัน

หอพัก

สำหรับหอพักนั้นจะอยู่ไม่ไกลจากสถาบัน นักเรียนสามารถเดินมาเรียนได้โดยใช้เวลาโดยประมาณ 5 นาทีในการเดิน ตึกหอพักค่อยข้างใหม่และสะอาดอีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าอยู่ด้านล่างตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งระบบการปิดเปิดประตูห้องหรือลิฟต์ส่วนกลางยังเป็นระบบคีย์การ์ด ซึ่งใครที่ไม่ได้พักอยู่ในอาคารก็จะไม่สามารถขึ้นไปยังอาคารได้ นอกเสียจากแม่บ้านที่จะขึ้นมาทำความสะอาดห้องของทุกๆ วัน

ภายในห้องพักจะแบ่งออกเป็น 2 เตียงนอนพร้อมระเบียงและห้องน้ำในตัว ตู้เย็นขนาดเล็ก ทีวี แผ่นทำความร้อนไฟฟ้าสำหรับทำอาหารและตู้เสื้อผ้า



มีบริเวณโซนตรัวในตัวที่คุณสามารถทำอาหารทานเองที่ห้องได้ และที่สำคัญคือบริเวณโดยรอบของหอพักและสถาบันนั้นรอบล้อมไปด้วยร้านอาหาร ซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ ร้านยาและคลินิก รวมไปถึงโรงแรมและอื่นๆ อีกมากมาย