สำหรับความเดิมตอนที่แล้ว ติดตามได้ที่นี่ค่ะ

Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 1 สายการบิน ที่พัก และทริปวันแรก-->https://pantip.com/topic/38411311
Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 2 กินติ๋มซำลดราคายังไง ไป Tamar Park ที่ไม่ค่อยมีใครเที่ยวกัน และทริปวันที่สอง -->https://pantip.com/topic/38419577
Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 3 Tsz Shan Monastery, Harbour City, Kai Tak Cruise Terminal + ทริปวันที่สามกับสี่-->https://pantip.com/topic/38438732




*******************************


สำหรับ Part 4 นี้จะเป็น Part สุดท้ายสำหรับทริปนี้แล้วค่ะ คือวันที่ห้าและวันสุดท้ายของทริป เราจะไปไหน กินอะไรกันบ้าง ตามมาเล้ยยย

วันที่ 9 ธันวาคม 2561

เนื่องจากเราเดิน(และกิน)กันเกือบร่างแหลกมา 4 วันแล้ว วันนี้ก็เลยเป็นวันที่นอนตื่นสาย ไปไหว้เจ้า ช้อปเบา ๆ กินข้าวเย็นแค่นั้น

เริ่มมื้อแรกด้วยร้านประจำอีกร้านของเราคือ Tsui Wah Restaurant

Tsui Wah Restaurant

เป็นร้านอาหารที่มีอาหารหลากหลายทั้งสไตล์ตะวันตกและสไตล์จีน มีหลายสาขาทั่วฮ่องกง สาขาที่เราไปกินกันคือสาขา Tsim Sha Shui

พิกัดร้านอยู่ตรงถนน Carnarvon Road ซึ้งเลี้ยวเข้ามาจากถนน Nathan Road นิดเดียว หน้าร้านอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Tsim Sha Shui Exit D2 คือออกจาก Exit D2 มามองมาทางฝั่งซ้ายมือจะเจอเลย

อาหารที่เป็นหนึ่งใน Signature ของเค้าคือ Fish Balls & Fish Cakes w/ Flat Rice Noodles in Fish Soup ซึ่งก็คือเส้นหมี่ลูกชิ้นปลานั่นเอง ทำไมพอชื่อเป็นภาษาอังกฤษแล้วย้าวยาววว

ความอร่อยมันอยู่ตรงลูกชิ้นปลาเด้ง ๆ ไม่คาว น้ำซุปร้อน ๆ กลมกล่อม กับเส้นที่มีความเหนียวนุ่มไม่เละ ลองเถอะค่ะคุณขา แล้วคุณจะฟินไปข้ามเดือนข้ามปีเหมือนเรา



อีกจานเป็นเซ็ทอาหารเช้าแบบตะวันตก Fish Fillet Cutlet with Scrambled Egg Served with Baked Beans and Buttered Crispy Bun แปลเป็นไทยสั้น ๆ ว่า ปลาทอด ไข่กวน ถั่วอบ และขนมปังกรอบ ซึ่งเซ็ทนี้จะมีเครื่องดื่มให้เลือกด้วย 1 อย่าง เราเลือกเป็นกาแฟให้น้าค่ะ รสชาติโดยรวมก็ใช้ได้น๊า ปลาทอดก็กรอบนอกนุ่มใน ซอสจะออกเปรี้ยวหวานหน่อย ทำให้ไม่เลี่ยน ไข่จะนุ่ม ๆ ชุ่มเนย ขนมปังปิ้งก็รสชาติเหมือนขนมปังทั่วไป ปริมาณเยอะแบบกินมื้อนี้ตอนเช้า อยู่ได้ถึงเย็นเลย



นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอื่น ๆ ที่เราเคยกินแล้วเราว่าอร่อย เช่น แกงกะหรี่ไก่ราดข้าว ข้าวอบชีสซีฟู้ด ไปลองเถอะค่ะ งานดี

เมื่อท้องอิ่ม แต่กระเป๋าแห้ง เราจึงต้องไปขอกู้เงินจากเจ้าแม่กวนอิมที่ Hung Hom กันต่อ

Hung Hom Kwun Yam Temple

พิกัดอยู่ที่ Hong Hom สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีเขียวลงที่สถานีปลายทาง Whampoa เลย ซึ่งจะเดินใกล้กว่า หรือสายสีฟ้าอ่อนกับสายสีชมพูเข้ม ก็ให้ลงที่สถานี Hong Hom ซึ่งจะเดินไกลกว่า Whampoa

จริง ๆ แล้วในช่วงที่อากาศดี ๆ ร่างกายฟิต ๆ เราสามารถเดินจากที่พักแถว Tsim Sha Shui ไปถึงสถานี Hung Hom ได้เลย (แค่ 1 กม.กว่า ๆ เอง ) แล้วจากสถานี Hung Hom รวมที่เดินในสถานีรถไฟฟ้าด้วยไปถึงวัดอีกเกือบ ๆ กิโลเอ๊งงง (แต่ถ้าเดินจากสถานี Whampoa จะแค่ประมาณ 500 เมตร) แต่อย่างที่บอกงัย ว่าเที่ยวร่างแหลกมา 4 วันแล้ว วันนี้ขอนั่งรถไฟฟ้าไปเถอะ

เราเดินจากร้านอาหาร ไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้มที่สถานี East Tsim Sha Shui นั่งไปแค่สถานีเดียว ไปลงที่ Hung Hom ให้ออกที่ทางออก B1 ซึ่งวิธีการเดินไปถึงวัดเจ้าแม่กวนอิมนี้เราคัดลอกบางส่วนมาจากกระทู้ของคุณ thebestbonus ที่เคยเขียนไว้ในห้องบลูนี้นะคะ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ถ้าไม่ได้กระทู้นั้น เราคงไปไม่เป็น เอาแค่ออกจากรถไฟฟ้าแล้วขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงข้างบนก็งงแล้ว ไม่รู้จะออกทางไหน

จากสถานี Hung Hom Exit B1 เดินไปตรงสะพาน แล้วเดินมาตามทางจนสุดทางข้ามถนน  ระหว่างทางเดินบนสะพานลอย ถ้าเจอแบบนี้แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว แต่เราไม่ได้ลงตรงทางลาดนี้นะ ต้องเดินตรงไปอีกจนสุดสะพานลอยเลยจ้า แล้วลงทางลาดด้านซ้ายมือ



เมื่อเดินบนสะพานลอยจนสุดทางแล้ว ให้เดินลงทางซ้ายที่เป็นทางลาด ไปจนถึงหัวมุมที่ตรงข้ามกับโรงแรม Bridal Tea House เมื่อถึงหัวมุมก็เลี้ยวขวามาทางถนน Gillies Avenue South เมื่อเดินมาตามถนน Gillies Avenue South แล้ว ก็จะมาเจอถนน Wuhu Street ก็ให้เลี้ยวขวามาตามถนน Wuhu Street เมื่อเราเลี้ยวมาตามถนน Wuhu Street แล้ว ทางฝั่งตรงข้ามที่เยื้องออกไปนิดหน่อย จะเห็นร้านขายธูปที่ป้ายสีเหลืองค่ะ นั่นก็คือปากทางถนนเข้าวัดแล้วค่ะ (เปิดเวลา 8.00 – 17.45 น.)

มาถึงวัดแล้ววววว



บรรยากาศในวัดนี้จะคนจะแน่นกว่าวัดอื่น ๆ ที่เคยไปมา อาจจะเพราะสถานที่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด คนก็มากันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเจอคนไทยที่นี่เยอะมาก บางทีมาเป็นกรุ๊ปมีไกด์มาคอยสอนวิธีไหว้ด้วย

ไม่ต้องกลัวว่าเราจะทำพิธีไม่เป็นหรือสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ เพราะเจ้าหน้าที่พูดไทยได้ทุกคน ตอนไปซื้อชุดไหว้เจ้าหน้าที่จะยื่นกระดาษที่เขียนวิธีไหว้เป็นภาษาไทยให้เลย บ่งบอกว่าคนไทยเรามากันเยอะขนาดไหน หรือไม่ถ้าเจอกรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์มาสอนไหว้ ก็ตามเค้าเลยจ้าา

ที่วัดจะมีชุดไหว้หลายแบบ ถ้าชุดใหญ่ไฟกระพริบก็จะราคาประมาณ 168 เหรียญจะเป็นกระดาษไหว้ที่พับเป็นดอกบัวช่อใหญ่ (แต่ไม่มีไฟกระพริบนะจ๊ะ) รองลงมาก็เป็นชุด 68 เหรียญซึ่งจะเป็นกระดาษไหว้ที่พับเป็นดอกบัวช่อเล็ก ส่วนเราก็เลือกชุดไหว้ให้สมกับฐานะ คือชุด 38 เหรียญเป็นชุดกระดาษไหว้ที่ต้องมาพับเอง



ตอนรับชุดไหว้มาก็งง ๆ ว่าต้องทำอะไรยังไง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ใบที่บอกวิธีไหว้มา(เป็นกระดาษแข็งที่ใช้เสร็จต้องเอาไปคืนเค้า ให้คนอื่นใช้ต่อ) ก็อาศัยดูจากคนฮ่องกงที่เค้ามาไหว้แล้วซื้อชุดไหว้เหมือนเรา เค้าเอากระดาษไหว้แต่ละชิ้นมากางออกแล้วก็วางซ้อน ๆ กันเป็นชั้น แล้วก็เอากระดาษสีทองมาพับเป็นรูปทรงคล้าย ๆ แท่งทอง คือจริง ๆ แล้วเค้าพับสวยกว่าเรามากอ่ะนะ ในรูปนี้คือฝีมือเราเอง



หลังจากนั้นก็ไปจุดธูป อย่างที่เห็นจากรูปด้านบน ธูปอันใหญ่มาก ๆ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยใช้แก้สพ่นเพื่อจุดธูปให้ แต่ตอนเราจะจุด เจ้าหน้าที่ไม่อยู่เลยต้องไปจุดเองที่ตะเกียง วิธีการจุดให้เอาธูปแตะ ๆ น้ำมันหน่อยจะทำให้จุดได้ง่ายขึ้น ไม่งั้นต้องจุดนานมากกว่าจะติด

เอาธูปไปไหว้และปักธูปให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาเอาชุดไหว้ที่เป็นกระดาษไปอธิษฐาน แล้วเอาไปเผาที่เตาเผา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยเราเอาไปเผาให้

จากนั้นก็ทำพิธีขอกู้เงิน โดยเตรียมซองแดงมาจากบ้าน ใส่แบ๊งค์ไว้ในซอง แล้วเขียนหน้าซองถึงยอดเงินที่ต้องการ เช่น ถ้าต้องการ 100 ล้านบาท ก็ให้เขียนว่า เจ้าแม่ให้กู้เงิน 100 ล้านบาท แล้วอธิษฐานโดยระบุชื่อนามสกุลตัวเอง ว่ามาขอกู้เงินเจ้าแม่จำนวน เท่านั้นเท่านี้ก็ว่าไป ถ้าปีหน้าได้เงินจำนวนนี้จริง จะเอามาคืนเจ้าแม่จำนวนเท่าไหร่ก็ระบุไปตามศรัทธา เสร็จแล้วก็เอาซองแดงวนรอบควันธูปในกระถาง 3 รอบ เท่าที่เราอ่านจากรีวิวคนอื่น ๆ มา เค้าบอกว่าเป็นอันเสร็จพิธี แต่เราแอบเห็นคนฮ่องกงเค้าเอาขี้ธูปในกระถางมาโรยใส่ในซองด้วย ก็เลยทำตามเค้าไป เผื่อจะมีพลังเทอร์โบเร่งให้ได้ตังค์เร็วขึ้น

ทีนี้ถ้าปีหน้าสมมติเราได้ตังค์ตามที่ขอกู้เจ้าแม่ไปจริง ๆ ก็ต้องกลับมาคืนให้ท่านด้วยการทำบุญให้ที่วัดตามจำนวนเงินที่เราเคยอธิษฐานไว้นั่นเอง

ในวัดจะมีธูปเป็นขด ๆ และดอกบัวแขวนไว้มากมาย





เอาจริง ๆ นะ ความรู้สึกหลังจากไปทำพิธีมา ทุกครั้งที่เรานึกถึงซองแดงนั้น มันจะคิดว่าถ้าเรามัวแต่นั่งสวย ๆ ไม่ทำอะไรเลย เจ้าแม่คงไม่ได้ช่วยให้เงินงอกออกมาเองหรอก ถ้าอยากได้เงินตามที่ขอเจ้าแม่ไว้ ต้องคิดหาทางหาโอกาส พยายามมองหาลู่ทางทำอย่างอื่นเพิ่มเติมดูบ้างจากงานประจำ (เช่น ซื้อหวยบ้างไรบ้าง...เค้าล้อเล่นนะ อย่าจริงจัง) หวังว่าเจ้าแม่จะช่วยให้ความพยายามประสบผลสำเร็จที่ดี แล้วปีหน้าจะได้ไปทำบุญคืนเจ้าแม่ มันคงเป็นกุศโลบายอย่างนึงของคนจีนเค้า ที่จะกระตุ้นให้คนขยันทำมาหากินมากขึ้นอ่ะนะ

เราออกจากวัด เดินไปป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 8 (ไม่ใช่สาย 8 แฮปปี้แลนด์ในตำนานนะ อันนั้น Thailand Only ) จากหน้าประตูวัดเดินตรงออกมาทางเส้นทางเดิมที่เป็นร้านขายเครื่องไหว้เจ้า ตรงข้ามสี่แยกไป เดินตรงไปจนถึงสามแยกถนน Bulkeley Street จะเห็นร้านซักผ้าหยอดเหรียญแบบนี้ที่มุมถนน (สรุปสั้น ๆ คือ จากหน้าวัดเดินตรงอย่างเดียวจนสุดทางที่เป็นสามแยก)



ข้ามถนนมาจะเป็นป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 8



ไปลงที่ป้าย Cameron Road แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เดินเข้าไปในซอยซึ่งก็คือถนน Cameron Road เราแวะซื้อขนมของฝากที่ร้าน Best Mart 360 หลักในการเลือกขนมของเราคือ อะไรที่เมืองไทยไม่มี แล้วมันมีโปร 1 แถม 1 หรือซื้อ 2 ถูกกว่า ก็จัดแบบนั้นมาเลย

ร้านสมุนไพรจีน 樓上 (HK JEBN)

ส่วนน้าเราอยากได้โสมเพื่อบำรุงสุขภาพตามสไตล์คนจีน ซึ่งมีญาติเคยซื้อมาฝากจากร้าน 樓上 แล้วน้าเราชอบมาก ก็เลยไปซื้อกันที่ร้าน 樓上 (ภาษากวางตุ้งอ่านว่า "โหลว เสยือง" ออกเสียงยากหน่อย ชื่อบริษัทเค้าเป็นภาษาอังกฤษคือ HK JEBN ถ้าหาจาก google เสิร์ชจากคำว่า HK JEBN ได้เลยจ้า) ร้านนี้มีหลายสาขา สาขาที่เราไปซื้อคือสาขา Tsim Sha Shui Branch 1, อยู่ที่ชั้น 13 Carnarvon Plaza ทางขึ้นลิฟท์จะเป็นแบบนี้ค่ะ อยู่ติดกับร้าน Bonjour ร้านใหญ่ ซึ่งมีขนมขายด้วย



กดลิฟท์มาชั้น 13 เปิดมาก็จะเจอร้านแบบนี้เลย





เป็นร้านขายสมุนไพรแบบ supermarket แนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อสมุนไพรจีน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงอะไรดี มาที่นี่เดินเลือกได้ตามสบาย มีป้ายราคาติด พนักงานก็พอพูดภาษาอังกฤษได้ ถ้าจำไม่ผิด ผู้สูงอายุที่เกิน 65 ปี มีส่วนลดให้ด้วยนะคะ

มีต่อข้างล่างจ้าา
v
v
v
v