สังคม ศาสนา กิเลส และความซึมเศร้า

ไม่ใช่ทุกที่ ที่เหมาะกับเรา บางสังคมที่อยู่ ก็ทำให้ตะกอนในใจขุ่นมัว เติมตะกอนเข้าไปในใจให้ใจยิ่งขุ่นมัว เมื่อเรากลายน้ำที่ขุ่นมัวแล้วก็คอยแต่จะเติมตะกอนให้คนอื่นๆไปด้วย สังคมที่มีความสุข ก็จะส่งความสุขกัน มีความทุกข์ก็จะส่งต่อความทุกข์กัน มีความโกรธก็จะส่งต่อความโกรธกัน วัฒนธรรมองค์กร นิสัยองค์กร ล้วนส่งต่อกันได้ เราต้องไม่ประมาท

นั่งศึกษาเกี่ยวกับกิเลสเพิ่มเติม กิเลสเป็นธรรมชาติที่ทำให้ใจเรา เร่าร้อน ทำให้ใจเราเศร้าหมอง มีกี่อย่างก็ว่ากันไป ไม่อยากให้ใจเราเร่าร้อน ไม่อยากให้ใจเราเศร้าหมอง ก็ต้องไปเห็นไปละ กิเลสเสียบ้าง โดยเฉพาะกิเลสที่กระทบต่อชีวิตประจำวันที่เห็นอยู่ง่าย เช่นความโกรธ ความเกลียด ความริษยา เป็นต้น

แม้โดยธรรมชาติ เราจะจัดการกับกิเลสตัวเองได้ แต่เราก็ต้องไม่ประมาทด้วย เพราะสังคมที่เราอยู่จะเป็นตัวเร่งจากเดิมโกรธยาก อยู่ในสังคมที่มีแต่จัดชุดใหญ่กัน ก็จะกลายพลอยเป็นคนโกรธง่ายไปด้วย เพราะจิตเราชินอยู่กับความโกรธ เสพติดอยู่กับความโกรธ ในท้ายที่สุดเราก็จะกลายเป็นสิ่งเดียวกัน

ดังนั้นจากข้อสุรปเดิมในปีที่แล้ว การย้ายสังคมเป็นเรื่องใหญ่สุด สำหรับคนที่กำลัง หรือรุ้ตัวว่า มีสภาพจิตใจที่กำลังอ่อนแอ มีความทุกข์ใจอยู่ มีความเศร้าหมองอยู่ มีความเร่าร้อนอยู่ การย้ายออกมาก่อน จะดีที่สุดเพื่อให้ลดตัวกระตุ้นใดๆลง เมื่อย้ายสังคมออกมาแล้ว อาจจะชั่วคราวก็ดี ถาวรก็ดี ก็จะมีเวลาพิจรณาสภาพจิตใจตัวเองมากขึ้น ถ้าไม่สะดวกที่จะย้ายสังคมก็ควรสร้าง โลกที่ตัดขาดออกมาหรือ เรียกว่าโดโจ อันหมายถึง สถานที่ที่ใช้ฝึกวิถีต่างๆ อาจจะเป็นยิม หรือ สระว่ายน้ำ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราได้ตัดขาดออกจากโลกเดิมสักพักใหญ่ๆ เพื่อได้มีเวลากับสภาพจิตใจของตัวเอง เช่นนี้ ก็จะพอช่วยแก้ไขได้บ้าง

จากนั้นก็เป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาสติ เพื่อพิจรณาให้เห็นตัวเอง ให้เห็นความเร่าร้อนของตัวเอง ให้เห็นความเศร้าหมองของตัวเอง ให้เห็นความป่วยไข้ของตัวเอง ถ้าพิจรณาเห็นว่าความเศร้าหมองของเราเกิดได้โดยไม่มีตัวกระตุ้น อยุ่นานเกินสองสัปดาห์เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป กรณีนี้คือเป็นความป่วยไข้ทางกายแล้ว ก็ต้องรีบไปทำการรักษาร่วมไปด้วย อาการซึมเศร้า ไม่สามารถรักษาได้ด้วยศาสนาเพียงอย่างเดียวและ จารีตในศาสนาหลายครั้งจะยิ่งส่งเสริมอาการขึ้น อยากให้จำเรื่องนี้ให้ดี

ใจที่อ่อนแอ ไม่มีกำลัง สามารถพัฒนาให้มีกำลังได้โดยอาศัยหลักเข้าใจหลัก พละ 5  คือ ไปเพิ่มสติ  , ไปเพิ่มศรัทธาคู่กับปัญหาให้เสมอกัน ,ไปเพิ่มความเพียรกับสมาธิให้เสมอกัน  , สังเกตว่าตัวแรกคือสติสามารถเพิ่มเดี่ยวๆได้โดยไม่ต้องมีตัวคู่ แต่อีกสองตัวนั้น ต้องจูนให้เท่ากัน ถ้าไม่เท่ากัน ก็จะเกิดปัญหา เช่นมีสมาธิแผนการมากมายแต่ไม่มีความเพียร ก็เกิดความเซื่องซึมเกียจคร้าน , มีความศรัทธา แต่ไม่มีปัญญาประกบที่เสมอกัน ก็จะกลายเป็นคนหลงเชื่อง่ายว่าไงว่าตาม หลงเชื่อง่าย ก็จะมีโกรธง่ายตามมา  นั่นเป็นเหตุผลที่ การมุ่งจารีตตามศาสนาอย่างเดียวทำให้ยิ่งทำให้จิตใจอ่อนแอ และเสริมอาการซึมเศร้า เพราะตัวศรัทธาที่ล้นเกินทำให้เกิดความเร่าร้อนเศร้าหมองขึ้นในจิต มากกว่าปกติ  ผู้เป็นซึมเศร้าควรเน้นที่การพัฒนาสติและเลี่ยงจารีตทางศษสนาในช่วงต้น เป็นต้น


สรุป ให้เข้าใจว่า กิเลสเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเกิดแล้วทำให้ใจเศร้าหมองบ้างก็เร่าร้อน กิเลสส่งต่อกันกระตุ้นกันได้ในสังคม การพักออกจากสังคมที่เร่งกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ พักแล้ว ถ้าจิตใจอ่อนแอให้เริ่มจากพัฒนาสติอย่าไปพัฒนาศรัทธา หรือปัญญา ให้เริ่มที่สติ ฝึกสติให้เห็นตัวเองก่อนเป็นเรื่องแรก เช่นนี้ สิ่งรบกวนในจิตใจเบื้องต้นก็จะคลายลงได้นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่