วันสงกรานต์ (บันทึกจากความทรงจำส่วนตัว ตอนที่ 1) (บทความ)

กระทู้สนทนา
วันสงกรานต์ (บันทึกจากความทรงจำส่วนตัว ตอนที่ 1)




          ช่วงเทศกาลที พอเปิดดูข่าว ไม่ว่าช่องไหน ๆ ต่างก็เริ่มต้นรายงานบรรยากาศรถที่ออกต่างจังหวัดจากเมืองหลวง ตามด้วยรายละเอียดต่าง ๆ หากเป็นช่วงปีใหม่ ก็จะเป็นบรรยากาศฉลองและนับถอยหลัง ส่วนสงกรานต์ ก็เป็นบรรยากาศการเล่นน้ำ ถนนข้าว…ทั้งหลายต้องปรากฏ คลอด้วยเพลงของวง  สุนทราภรณ์ ซึ่งเปิดเป็นประจำทุกปี ไม่แพ้เพลงคริสต์มาส เปิดวนไปอย่างนั้นจนจบเทศกาล

          ที่ผมเกริ่นนำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเพลงสุนทราภรณ์นะครับ แต่เพราะผมเข้าใจว่าหลายคนคงรู้สึกไม่ต่างกัน คือบางที ก็รู้สึกเบื่อหน่าย

          ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มเบื่อหน่ายกับเทศกาลวันหยุดยาวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คงเหมือนหลาย ๆ คน ที่พอโตขึ้น สิ่งที่เราเคยร่วม เคยสนุกสนาน ก็กลับไม่สนุกสนาน

          บทความนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปยังช่วงเวลาตอนเป็นเด็ก ประมาณสิบห้าปีได้ สมัยที่เทศกาลสงกรานต์ เป็นสิ่งที่ผมตั้งตารอคอยมาทั้งปี เพราะเป็นวันที่ผมและเพื่อน ๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ในละแวกบ้าน เราจะรวมตัวกัน แบกถึงน้ำขนาดใหญ่ ขึ้นรถไปเล่นน้ำที่ซอยโชคชัย ๔ ตั้งแต่ตกบ่าย เพราะซอยนั้นเคยเป็นบ้านที่ผมอยู่ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งอายุห้าขวบ ตอนนี้เป็นบ้านของป้า
  
          ผมกล้าพูดเลยว่า ซอยโชคชัย ๔ ในสมัยนั้น เป็นหนึ่งในที่เล่นน้ำที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ แล้ว

          แม้ว่าจะรถติด เพราะรถแต่ละคันก็บรรทุกถังน้ำ และจอดให้คนที่อยู่ทั้งด้านบนและล่าง สาดน้ำกันสนุกสนาน จะไปให้ถึงบ้านญาติทั้งที จากรามอินทรา ปกติไม่เกินครึ่งชั่วโมง (สมัยนั้นยังไม่มีถนนเกษตร-นวมินทร์ มีแค่ถนนรามอินทรา ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย แล้วกลับรถเพื่อเข้าซอยสุคนธสวัสดิ์ ก่อนจะออกโชคชัย ๔) แต่พอเข้าวันสงกรานต์ มีไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง เพราะรถติดตั้งแต่สุดซอยหมู่บ้านเสนา ต้นถนนโชคชัย๔ ยาวไปจนถึงแยกส.น.โชคชัย กลับกัน รถที่วิ่งมาจากต้นถนน ก็จะติดจนถึงต้นซอยหมู่บ้านเสนา

          เรียกได้ว่า ติดทั้งขาไปและมา

          ส่วนใหญ่ผมไม่ได้ประจำการอยู่หลังรถเหมือนพวกพี่ ๆ เพราะผมเป็นน้องเล็กสุดในบรรดากลุ่มเด็กวัยรุ่น ภูมิต้านทานต่ำ กลัวจะเจ็บป่วยเสียก่อน จึงนั่งในรถข้างหน้าข้าง ๆ พ่อ ที่มักเป็นสารถี พาพวกเรามาเล่นน้ำทุกปี ผมเฝ้าดูการเล่นน้ำนอกหน้าต่างรถอย่างสนุกสนาน จนรถมาจอดถึงหน้าร้านเฮียเส็ง ซอยโชคชัย ๔๗ นี่แหละครับ ผมถึงค่อยลงมาเล่นกับเขาหน้าร้าน เอาถังจากบนรถมาตั้งหน้าร้าน

          ร้านเฮียเส็งเป็นร้านที่อยู่มาก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีกครับ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เย็นตาโฟ ขายดี สลับกับขายได้เรื่อย ๆ ตลอดวัน ส่วนทางบ้านผมก็รู้จักกับร้านเฮีย ไปมาหาสู่กันบ่อยอยู่แล้ว เลยพาเด็ก ๆ ในหมู่บ้านตั้งฐานบัญชาการเล่นน้ำข้างหน้าไม่มีปัญหาที่หน้าร้าน เราเอาปืนฉีดสูบน้ำในถัง แล้วเล็งเป้าคนที่อยู่บนรถ ซึ่งตั้งใจจอดให้เล่นน้ำ ก่อนจะเคลื่อนตัวช้า ๆ คันแล้วคันเล่า จนมืดค่ำ ผู้คนและรถเริ่มบางตา ถึงจะขนของกลับ

          อย่างที่ผมเคยกล่าวไป โชคชัย ๔ เคยเป็นหนึ่งในสถานที่เล่นน้ำช่วงสงกรานต์ที่สนุกที่สุดในความทรงจำของผม หรือความทรงจำของใครหลายคน

          แต่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป หลายสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง สงกรานต์ที่โชคชัย ๔ ไม่น่าเล่นเหมือนเมื่อก่อน ตำรวจเปลี่ยนนโยบาย ห้ามนำรถบรรทุกถังน้ำเข้ามาเล่น คนเลยจำกัดการเล่นอยู่แถว ๆ กองปราบ ไม่ได้เลยมาถึงตลาด ต. รวมโชค ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร (ร้านเฮียเส็งอยู่ใกล้ตลาด ต. รวมโชคมากกว่า) เลยทำให้สงกรานต์บริเวณนี้ เงียบเหงาไปเรื่อย ๆ

          แม้ช่วงหลัง ตำรวจจะเปิดให้รถยนต์กลับมาเล่นได้บนถนนอีกครั้ง แต่โชคชัย ๔ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การเล่นน้ำที่นี่อันตรายขึ้นทุกปี มีคนทะเลาะ มีเรื่อง เลยเถิดจนฆ่ากันตายทุกปี อีกทั้งมีพวกมอเตอร์ไซด์บิดส่งเสียงดังไปมา คล้ายจะยกพวกตีกัน ว่ากันอย่างง่าย โชคชัย ๔ ช่วงหลังเถื่อนมากครับ

          ส่วนพรรคพวก พี่ ๆ ในหมู่บ้านที่เคยเล่นน้ำด้วยกัน บัดนี้ พวกเขาล้วนเติบโตขึ้น และแยกย้ายไปตามเส้นทางของตน กลายเป็นคนแปลกหน้า กลายเป็นคนนอกของกันและกัน หลุดโคจรไปเรียบร้อย

          หากให้นึกถึงใบหน้า ความทรงจำมันเลือนรางเหลือเกิน

          การเล่นน้ำครั้งล่าสุดของผม เกิดขึ้นเมื่อแปดปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๔) หากไม่ใช่เพราะเพื่อนสนิทชวนกัน ผมคงไม่ไป แต่วันนั้น ผมพักผ่อนและตื่นนอนด้วยความเบิกบาน ตกบ่าย พวกเรานั่งรถแท็กซี่และลงไปเล่นน้ำจุดแรกที่ถนนโชคชัย ๔ บริเวณตลาด ต. รวมโชคนี่เอง แต่อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้า ผมเล่นไปก็กลัวไป กลัวว่าพวกเราจะมีเรื่องกับใคร หรือมีใครมาเรื่องกับพวกเรา รีบเล่น รีบเดินดีกว่า

          พอถึงหน้าร้านเฮียเส็ง ผมอดใจหายไม่ได้ เพราะร้านเฮียเส็งปิดกิจการ ย้ายร้านไปแถวบางบัวทองก่อนหน้าหลายปีแล้ว

          หากร้านเฮียเส็งยังเปิดอยู่ ผมคงชวนเพื่อนมัธยมอยู่เล่นน้ำที่นี่ หรืออย่างน้อยที่สุด ผมก็คงยื้อเวลาพวกเพื่อน ๆ ให้หยุดอยู่ตรงนี้นานกว่านี้สักหน่อย หาซื้อน้ำท่ามากิน พักผ่อนกันก่อน

          ผมมองไปยังประตูรั้วของร้านเฮียอีกครั้ง ก่อนจะเดินต่อไป จนถึงปากซอย

          ด้วยเวลาที่เราใช้ไปไม่นานนัก พวกเราเห็นว่าควรจะหาสถานที่อื่น ๆ เล่นต่อ เลยชวนกันขึ้นรถประจำทาง นั่งไปลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว ด้วยสภาพเปียกปอน เราต้องเจอกับอากาศหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศทั้งในสถานีและบนขบวนรถไฟฟ้า แต่พวกเราก็อึดใช้ได้ อายุสิบเจ็บสิบแปด ภูมิต้านทานแข็งแกร่ง

          กว่าจะรู้ตัว กายหยาบของพวกเราก็พาตัวเองไปอยู่บนสถานีสีลมเสียแล้ว ภาพของถนนสีลมไม่ต่างจากที่ปรากฏบนโทรทัศน์ คลื่นมนุษย์ไหลไปตามเส้นทาง จากแยกศาลาแดง จนถึงสุดถนน แต่พวกเราไม่ได้เดินจนถึงสุดถนน หากจะเดินแบบนั้น มืดแล้วก็คงไม่ได้กลับ เพราะคนแน่นมาก แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ ต้องวกกลับหลังจากผ่านตึกสีลมคอมเพล็กซ์ไม่นาน

          กลับมานั่งพักกินข้าวไข่เจียว รายการอาหารยอดนิยมแถว ๆ สวนลุมพินี ที่นั่งก็พอมีให้กินบ้าง ตามประสาคนเล่นน้ำทั่วไป ใช้พลังงานเยอะ ก็ย่อมต้องการเยอะเช่นกัน

          ระหว่างนั้น พวกเพื่อน ๆ ของผมก็คุยกัน ตกลงกันต่อว่าหลังจากนี้จะไปเล่นน้ำที่ไหนกันอีกหรือเปล่า หากจะเล่นน้ำกันต่อ ก็มีสถานที่มากมาย ไม่พ้นแถวอาร์ซีเอ ข้าวสาร ฯลฯ หากดึกหน่อยก็คงต้องไปอาร์ซีเอ ที่นี่ เวลาพลบค่ำคงเพิ่งเล่นน้ำกัน

          แต่หลายคนก็บอกว่าพอแล้ว เพราะเหน็ดเหนื่อย ล้าจากแสงแดด โดนทั้งลมทั้งน้ำ จนจะสังเคราะห์เป็นต้นไม้ไปแล้ว

          ผมเองจำไม่ได้แล้วว่าตอบอะไรไป

          พวกเราเลยตกลงกันว่ากลับบ้าน เรานั่งรถไฟฟ้ากลับมาสถานีลาดพร้าว ก่อนนั่งแท็กซี่กลับไปบ้านเพื่อน ทุกคนตกลงกันว่าก่อนจะกลับบ้านของตนเอง ก็ควรอยู่สังสรรค์ที่บ้านเพื่อนต่อเสียหน่อย เทศกาลทั้งที กลับบ้านตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรมากนอกจากนอน

          ท้ายสุดผมกลับบ้านหลังจากเวลาผ่านไปเที่ยงคืน หลับสนิทราวกับคนตาย

          นั่นก็เป็นเรื่องราวล่าสุดของเทศกาลสงกรานต์ที่ผมมีส่วนร่วมด้วย ความสนุก ความอยากมันหดหายลงเรื่อย ๆ

          แม้ผมจะพอหาคำตอบได้ว่า เหตุที่มันหมดสนุก คงเป็นเพราะวุฒิภาวะที่มากขึ้น หรืออาจจะเข็ดหลาบกับการอยู่ในสถานที่ซึ่งคนเยอะ แออัด
แต่บ่อยครั้งที่ได้ยินเพลงที่ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อเปิดเฉพาะช่วงเทศกาล ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังเหมือนเดิม

          ผมอยากให้ใครสักคนเปลี่ยนเพลงบ้าง

                                                    --------------------------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่