เริ่มต้นจากเพื่อนในการทำงานต่างสาขาด้วยความที่เราเองอายุงานเยอะกว่า(8ปี)และเขาเป็นผู้จัดการฝึกหัดจึงทำให้เขาเลือกเราเป็นที่ระบายและปรึกษาในทุกๆเรื่องทั้งส่วนตัวและงานและเคยโทรมาร้องไห้ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอยู่ตลอด
จนวันนี้เป็นเวลาล่วงมาแล้ว2ปีกว่าๆที่เราคุยกันทุกวันช่วงแรกๆคุยกันเกือบทั้งวันแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆหลังเลิกงานแล้วเขาก็จะโทรหาทุกคืนแม้กระทั่งเขาขับรถกลับบ้านเขาก็โทรตลอกจนกว่าเขาจะถึงบ้านถึงวางสายไป
ด้วยสังคมของผมในองค์กรที่กว้างกว่าผมจึงแนะนำเขาให้รู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆในกรุ๊ปที่ผมมีอยู่แล้วและพวกเราเลยสนิทกัน(เขาไม่ได้สนิทใจกับคนอื่นแต่สนิทกับผมแค่คนเดียว)(ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง)สังคมรอบข้างเขาเป็นผู้หญิงและเพศทางเลือกทั้งหมด(รวมผมด้วย)มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว
เรา2คนไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกอาทิตย์ที่หยุดตรงกันเอาเป็นว่าทุกครั้งที่หยุดอยู่ด้วยกันตลอกกินข้าวดูหนังเที่ยวต่างจังหวัด(กางเต้นท์)แบบลุยๆเป็นสิ่งที่เราทั้ง2ชอบอยู่แล้ว บางครั้งที่เรา2คนไปคนในกรุ๊ปไม่มีใครรู้เลยแต่เรา2คนก็ไม่เคยบอกใครว่าเราไปไหนกันบ้างก็จะเก็บเงียบ(เวลาเพื่อนถามก็ได้แต่ยิ้ม2คนและไม่พูดเหมือนเราไม่ได้ไป)บางครั้งเพื่อนในกรุ๊ปชวนไปบ้างแต่เราก็ทำตัวปกติ
เราสนิทกันจนเพื่อนในกรุ๊ปทั้งหมดคิดว่าเราเป็นแฟนกัน(ได้ฉายาเป็นคู่จิ้น)ทุกคนเชียร์ให้เรา2คนคบเป็นแฟนกันช่วงแรกๆเราเฉยๆเพราะเขาเป็นผู้ชายที่เขาเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและบางครั้งเขายังชมผู้หญิงอยู่บ่อยๆผม แต่เขาเป็นลูกคนเดียวเลยทำให้เราและทุกคนมองว่าเขาเป็นเกย์เขาเป็นคนตัวเล็กๆขาวๆเพศทางเลือกหรือเกย์ต่างมักให้ความสนใจเขาแต่ทุกครั้งที่มีคนชอบเขาพวกเจาเหล่านั้นมักจะต้องโทรมาหรือถามผมตลอดว่าจีบได้ไหมเพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นแฟนของผม
ช่วงแรกๆผมไม่รู้สึกอะไรแต่ช่วงคุยกันได้สักพักประมาน3เดือนผมเริ่มหวั่นใจให้เขาจนทักวันมันหนักขึ้นเราทำให้เขาเกือบทุกอย่างเขาจำสัญญาที่เราที่ผมเองเคยชวนเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แต่ผมเป็นคนพูดผมกลับลืมมันไปรายละเอียดชีวิตผมเขาก็จำได้ว่าชอบกินอะไรของโปรดอะไรและผมเองชอบกินข้าวไม่เป็นเวลาซึ้งทำให้ผมมีอาการเป็นลมบ่อยๆเขามักจะโทรมาบอกน้องทีร้านหรือเล่าให้คนอื่นฟังอยู่บ่อยๆและเขามักจะชอบบ่นเวลาที่ควรกินแล้วผมไม่อยากกินเขาก็จะออกแล้วประชดว่าถ้าจะมาขอร้องให้จอดรถแวะปั๊มจะไม่แวะให้เราก็เลยต้องกินซึ้งเรา2คนต่างก็จดจำกันได้ทั้งคู่ จนช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาเขาโทรหาผมบอกว่าวันหยุด2วันที่ตรงกันเราไปเที่ยวกางเต้นท์นอนกันไหมไอเราก็ที่ความว่าอยากคลายเครียดกับงานจึงไม่ได้รังเรอะไรจึงตอบตกลง แต่ปกติแล้วเราจะถามว่าชวนใครไปบ้างเขาบอกว่าไปกัน2คนและเขาก็เป็นคนเตรียมทุกอย่างคนเดียวหม้อถังกะละมังตลอดจนซื้อของกินและเขาก็ขับรถมารับและไปด้วยกันนนที่สวนผึ้ง
ระหว่างที่เดินทางออกจากกทม.น้องที่ร้านโทรมาแจ้งงานซึ้งทำให้เขารู้ว่าคนที่มาแทนเราในวันนี้เป็นน้องผู้หญิงอีกสาขานึงซึ้งตอนนั้นเขาจึงได้ขอคุยกับน้องที่รัานว่าให้ซื้อน้ำให้พี่คนนั้นกินด้วยน่ำอะไรก็ได้และเลือบตามามองที่เราแต่ตอนนั้นเราทำหน้าไม่พอใจมากไม่รู้ว่าเขารู้หรือป่าวจนเราหงุดหงิดไปก็แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเขาจึงไม่ได้อะไร เราเองนั่งคิดมาตลอดทางว่าถ้าเค้าจีบกันจริงๆเราจะทำยังไงตอนนั้นรู้สึกอึดอัดมาก
ถึงตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราชอบเขามากแค่ไหนแต่ด้วยความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนสนิทเราไม่กล้าที่จะพูดความรู้สึกดีดีที่เรามีให้เขาตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเพราะกลัวจะเสียเพื่อนไปถ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับเราจริงๆและยังมีการที่จะยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปจากที่เราได้พูดความรู้สึกที่เรามีให้เขา
ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรอึดอัดมากที่ต้องทำตัวให้ตัวเองดูเก่งและแสดงออกอยู่ตลอดว่าตัวเองมีความสุขเหมือนคนปกติทั่วไปแต่ในใจแล้วรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลยถ้าวันนึงเค้าต้องห่างจากเราไปจริงๆ
พวกคุณคิดว่าเราเราควรความรู้สึกที่เรามีให้เขาได้รับรู้ดีหรือเปล่าหรือมีวิธีไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเราบอกไปแล้วแล้วเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดวิธีไหนจะทำให้เรารู้สึกว่าเรายังเป็นเพื่อนเขาได้โดยไม่ติดค้างในใจและใช้ชีวิตได้ปกติโดยไม่ต้องเจ็บหรือเจ็บน้อยที่สุด
แอบรักเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายด้วยกัน
จนวันนี้เป็นเวลาล่วงมาแล้ว2ปีกว่าๆที่เราคุยกันทุกวันช่วงแรกๆคุยกันเกือบทั้งวันแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆหลังเลิกงานแล้วเขาก็จะโทรหาทุกคืนแม้กระทั่งเขาขับรถกลับบ้านเขาก็โทรตลอกจนกว่าเขาจะถึงบ้านถึงวางสายไป
ด้วยสังคมของผมในองค์กรที่กว้างกว่าผมจึงแนะนำเขาให้รู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆในกรุ๊ปที่ผมมีอยู่แล้วและพวกเราเลยสนิทกัน(เขาไม่ได้สนิทใจกับคนอื่นแต่สนิทกับผมแค่คนเดียว)(ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง)สังคมรอบข้างเขาเป็นผู้หญิงและเพศทางเลือกทั้งหมด(รวมผมด้วย)มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว
เรา2คนไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกอาทิตย์ที่หยุดตรงกันเอาเป็นว่าทุกครั้งที่หยุดอยู่ด้วยกันตลอกกินข้าวดูหนังเที่ยวต่างจังหวัด(กางเต้นท์)แบบลุยๆเป็นสิ่งที่เราทั้ง2ชอบอยู่แล้ว บางครั้งที่เรา2คนไปคนในกรุ๊ปไม่มีใครรู้เลยแต่เรา2คนก็ไม่เคยบอกใครว่าเราไปไหนกันบ้างก็จะเก็บเงียบ(เวลาเพื่อนถามก็ได้แต่ยิ้ม2คนและไม่พูดเหมือนเราไม่ได้ไป)บางครั้งเพื่อนในกรุ๊ปชวนไปบ้างแต่เราก็ทำตัวปกติ
เราสนิทกันจนเพื่อนในกรุ๊ปทั้งหมดคิดว่าเราเป็นแฟนกัน(ได้ฉายาเป็นคู่จิ้น)ทุกคนเชียร์ให้เรา2คนคบเป็นแฟนกันช่วงแรกๆเราเฉยๆเพราะเขาเป็นผู้ชายที่เขาเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและบางครั้งเขายังชมผู้หญิงอยู่บ่อยๆผม แต่เขาเป็นลูกคนเดียวเลยทำให้เราและทุกคนมองว่าเขาเป็นเกย์เขาเป็นคนตัวเล็กๆขาวๆเพศทางเลือกหรือเกย์ต่างมักให้ความสนใจเขาแต่ทุกครั้งที่มีคนชอบเขาพวกเจาเหล่านั้นมักจะต้องโทรมาหรือถามผมตลอดว่าจีบได้ไหมเพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นแฟนของผม
ช่วงแรกๆผมไม่รู้สึกอะไรแต่ช่วงคุยกันได้สักพักประมาน3เดือนผมเริ่มหวั่นใจให้เขาจนทักวันมันหนักขึ้นเราทำให้เขาเกือบทุกอย่างเขาจำสัญญาที่เราที่ผมเองเคยชวนเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แต่ผมเป็นคนพูดผมกลับลืมมันไปรายละเอียดชีวิตผมเขาก็จำได้ว่าชอบกินอะไรของโปรดอะไรและผมเองชอบกินข้าวไม่เป็นเวลาซึ้งทำให้ผมมีอาการเป็นลมบ่อยๆเขามักจะโทรมาบอกน้องทีร้านหรือเล่าให้คนอื่นฟังอยู่บ่อยๆและเขามักจะชอบบ่นเวลาที่ควรกินแล้วผมไม่อยากกินเขาก็จะออกแล้วประชดว่าถ้าจะมาขอร้องให้จอดรถแวะปั๊มจะไม่แวะให้เราก็เลยต้องกินซึ้งเรา2คนต่างก็จดจำกันได้ทั้งคู่ จนช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาเขาโทรหาผมบอกว่าวันหยุด2วันที่ตรงกันเราไปเที่ยวกางเต้นท์นอนกันไหมไอเราก็ที่ความว่าอยากคลายเครียดกับงานจึงไม่ได้รังเรอะไรจึงตอบตกลง แต่ปกติแล้วเราจะถามว่าชวนใครไปบ้างเขาบอกว่าไปกัน2คนและเขาก็เป็นคนเตรียมทุกอย่างคนเดียวหม้อถังกะละมังตลอดจนซื้อของกินและเขาก็ขับรถมารับและไปด้วยกันนนที่สวนผึ้ง
ระหว่างที่เดินทางออกจากกทม.น้องที่ร้านโทรมาแจ้งงานซึ้งทำให้เขารู้ว่าคนที่มาแทนเราในวันนี้เป็นน้องผู้หญิงอีกสาขานึงซึ้งตอนนั้นเขาจึงได้ขอคุยกับน้องที่รัานว่าให้ซื้อน้ำให้พี่คนนั้นกินด้วยน่ำอะไรก็ได้และเลือบตามามองที่เราแต่ตอนนั้นเราทำหน้าไม่พอใจมากไม่รู้ว่าเขารู้หรือป่าวจนเราหงุดหงิดไปก็แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเขาจึงไม่ได้อะไร เราเองนั่งคิดมาตลอดทางว่าถ้าเค้าจีบกันจริงๆเราจะทำยังไงตอนนั้นรู้สึกอึดอัดมาก
ถึงตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราชอบเขามากแค่ไหนแต่ด้วยความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนสนิทเราไม่กล้าที่จะพูดความรู้สึกดีดีที่เรามีให้เขาตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเพราะกลัวจะเสียเพื่อนไปถ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับเราจริงๆและยังมีการที่จะยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปจากที่เราได้พูดความรู้สึกที่เรามีให้เขา
ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรอึดอัดมากที่ต้องทำตัวให้ตัวเองดูเก่งและแสดงออกอยู่ตลอดว่าตัวเองมีความสุขเหมือนคนปกติทั่วไปแต่ในใจแล้วรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลยถ้าวันนึงเค้าต้องห่างจากเราไปจริงๆ
พวกคุณคิดว่าเราเราควรความรู้สึกที่เรามีให้เขาได้รับรู้ดีหรือเปล่าหรือมีวิธีไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเราบอกไปแล้วแล้วเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดวิธีไหนจะทำให้เรารู้สึกว่าเรายังเป็นเพื่อนเขาได้โดยไม่ติดค้างในใจและใช้ชีวิตได้ปกติโดยไม่ต้องเจ็บหรือเจ็บน้อยที่สุด