วันแรก เป็นวันเที่ยวเล่นเก็บภาพและเก็บแรงไว้ไต่เขาในวันพรุ่งนี้ จึงไม่รีบไม่เร่ง เนิบ เนิบ ตามอากาศที่เย็นสบายๆ ในตัวเมืองน่าน
"วัดพระธาตุแช่แห้ง" วัดคู่บ้านคู่เมืองชาวน่าน เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๑ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ วันที่เราไปทางวัดกำลังจัดเตรียมพิธีสืบชาตาหลวง เป็นแบบพิธีล้านนาเสริมสิริมงคล วาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ค่ะ
ก่อนเข้าสักการะพระธาตุต้องถอดรองเท้านะคะ และทางวัดได้ทำที่รองวางรองเท้าพร้อมมีหมายเลขให้ด้วย กันลืม ^^
ใกล้เที่ยง เราขับรถไปอำเภอปัว เพื่อเข้าที่พัก จากตัวเมืองไปก็ประมาณเกือบ 60 กม.
สำหรับที่พักนั้นเราหาใน Airbnb ซึ่งคือดีมากกกก ขอแนะนำเลย "Botanic garden nan guest house"
ราคา 500/คืน (ไม่มีอาหารเช้าไม่มี wifi) แต่มีชากาแฟโอวัลตินร้อนๆ ให้กินฟรีตลอด
เราโทรไปจองกับเจ้าของโดยตรง ลุงใจดี แถมไปถึงมีป้าคอยให้การต้อนรับดีมาก

อำเภอปัว เป็นเมืองสีเขียวในหุบที่เต็มไปด้วยไร่นาเขียวขจีห้อมล้อมด้วยขุนเขา แม้ในซอกซอยที่เชื่อมหากันได้ทั้งหมด ถูกซุกซ่อนชีวิตเรียบง่ายและเป็นหนึ่งเดียวกัน ธรรมชาติ วิวสวย อากาศดี แล้วจะพลาดได้อย่างไร
เราออกสำรวจพื้นที่รอบๆ และตั้งใจที่จะไปสถานที่แห่งหนึ่งด้วย นั้นคือ ...
"วัดภูเก็ต"




วัดภูเก็ต ได้ตั้งชื่อไว้ตามหมู่บ้านเก็ต เพราะว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งทางเหนือเรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อว่าวัดภูเก็ต
วัดตั้งอยู่บนภูมหัศจรรย์ มีฮวงจุ้ยถูกหลักทักษาพยากรณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน
มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรมฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือหลวงพ่อพุทธเมตตา"
องค์ศักดิ์สิทธิ์ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก เพ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ใต้เชิงดอย เป็นพื้นที่ทำนาของชาวบ้าน
ข้างล่างเชิงเขามีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งเป็นน้ำซับซึมมาจากใต้ดินไหลรินรวมกัน เป็นลำธารให้ฝูงปลาและสัตว์น้ำอยู่อาศัย เป็นเขตอภัยทาน
วันแรกผ่านไป ....
เรากลับที่พักเพื่อมาเตรียมพร้อมของยาน นำยานออกมาสูบลม แล้วออกมาเทสปั่นเล่นๆ 10 กม. ก่อนจะเอาจริงในวันพรุ่งนี้

สวัสดี "ดอยภูคา"
เช้าวันที่สอง เราออกจากที่พักโดยยานแม่ที่รัก ตามแผนที่วางไว้ หกโมงควงขา อากาศช่างเป็นใจ ไม่หนาวจนจับใจแต่สัมผัสได้ถึงความเป็นฤดูหนาว
เราปั่นผ่านชุมชมเล็กๆเข้าไป พร้อมเนินซึมๆ ไปเรื่อยๆ บ้านผู้คนลดน้อยลง เริ่มเห็นเนินชันๆ ชัดขึ้น
และแล้ว... เวลาแห่งความกระชากใจให้พุงสูงก็เริ่มขึ้น





เราไม่ใช่ผู้หญิงเก่ง และเราก็ไม่ถนัดไต่เขาสักเท่าไหร่ ยิ่งเจอป้ายบอกทาง 8% ข้างทางทีไร มันบีบหัวใจเหลือเกินน ฮ่าๆๆๆๆๆ
มันไม่ใช่แค่ 8% แน่ๆ อะ สิ่งที่ทำได้คือก้มหน้ามองพื้นแล้วควงขาไปต่อ!!!
จังหวะไหน HR ขึ้นสูงมากๆ ก็จอดกินน้ำ แล้วก้มหน้ามองพื้นและควงขาไปต่อ วนแบบนี้นับไม่ถ้วน
ในใจไม่ได้ถามตัวเองนะว่าตูมาทำอะไรที่นี่ แต่เสียงที่ดังในหัวตลอดเวลาคือ ไหลลงมั้ย ไหลลงมั้ย ไหลเลยดีมั้ยยยย >.<
แต่ก็ยังแอบดื้อนะ ยังอยากไปให้ถึงยอด ตูต้องไปถ่ายรูปกับป้ายให้ได้ แล้วก้มหน้ามองพื้นและควงขาต่อไป
ระหว่างที่ปั่นนั้น ไม่พบยานลำอื่นแม้แต่ลำเดียว จะมีก็คนบ้าสองคนเนี่ยแหละ
และในที่สุด ... ก็จบอยู่ที่ยอด 1,200 พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระมหามุนีศรีภูคา
ความรู้สึกคือโล่งมากกก แบบว่าลงจากอานขาเบาหวิว ฮ่าๆๆๆ
ยกมือไหว้พระสถูปเจดีย์ แล้วนั่งกินน้ำกินแซนวิชที่ติดหลังมาให้สบายใจก่อน
แต่!! เหลือแรงไว้สำหรับขากลับด้วยนะคะ เพราะไม่ได้แค่ไหลลงอย่างเดียว มีไต่บางอีกเป็นระยะ
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะตอนแรกกลัวว่าความยากจะทำให้จบช้า
เราคำนวณเวลาแล้ว หาก 10:30 น. แล้วยังไม่ถึงยอด ได้แค่ไหนแค่นั้น ไหลลงทันที
เพราะใช้เวลานาน อาจกลับไป Check-Out ไม่ทัน และไปกระทบกับแผนเดินทางอื่นอีก
Route ก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ

เรื่องอาหารการกินนั้น เราเป็นคนกินง่ายๆ ค่ะ แบบไม่เน้นกระแสนิยม
กินมันตามข้างทางแบบคนในพื้นที่กินอะค่ะ เลยไม่มีมาแชร์ (แต่เก็บทุกภาพที่กินนะ) ^^
-------------------------
หลงรักจริงๆ นะ โอบล้อมโดยธรรมชาติแบบรอบตัว
บ้านเรายังมีอะไรให้ซึมซับอีกเยอะจริงๆ นะไปเถอะ คุ้มค่าแก่การเดินทาง
และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชม ท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมหรือแชร์ได้เลยนะคะ เราเพิ่งเคยมาแชร์ครั้งแรก
หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ ^^
แล้วเจอกันอีกครั้ง .. น่าน
ตอน ไป ปั่น ปัว

::Review NAN:: อยาก อยู่ น่าน นาน นาน ตอน "..ไป ปั่น ปัว.."
ที่มาคือวางแผนจะกลับบ้านที่เชียงราย ต้องก็ไม่พลาดที่จะเอายานแม่ที่รักแนบกายไปด้วย ไหนๆ ก็จะไปด้วยกันแล้ว ต้องเอาให้คุ้มหน่อย
ปั่นส่งท้ายปีให้เป็นที่จดจำไปเลยยย อิอิ
ปลายสัปดาห์สุดท้ายของปี
"วัดพระธาตุแช่แห้ง" วัดคู่บ้านคู่เมืองชาวน่าน เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๑ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ วันที่เราไปทางวัดกำลังจัดเตรียมพิธีสืบชาตาหลวง เป็นแบบพิธีล้านนาเสริมสิริมงคล วาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ค่ะ
เป็นวัดเก่าแกที่อยู่บนเขา มองลงมาจะเห็นวิวของจังหวัดน่าน มีพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ คือพระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2542 ถือเป็นจุดเดียวที่มองเห็นเมืองน่านจากมุมสูง จุดนี้ยังแสดงให้เห็นถึงลักษณะการตั้งเมืองของภาคเหนือ ที่มักเลือกทำเลที่ตั้ง บนที่ราบลุ่ม และหุบเขา หน้าวัดเป็นทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น ถ้าเดินไม่ไหวก็มีเส้นทางขับรถขึ้นไปค่ะ ห่างจากพระธาตุแช่แห้งประมาณ 6 กม. ค่ะ
สำหรับที่พักนั้นเราหาใน Airbnb ซึ่งคือดีมากกกก ขอแนะนำเลย "Botanic garden nan guest house"
ราคา 500/คืน (ไม่มีอาหารเช้าไม่มี wifi) แต่มีชากาแฟโอวัลตินร้อนๆ ให้กินฟรีตลอด
เราโทรไปจองกับเจ้าของโดยตรง ลุงใจดี แถมไปถึงมีป้าคอยให้การต้อนรับดีมาก
"วัดภูเก็ต"
วัดภูเก็ต ได้ตั้งชื่อไว้ตามหมู่บ้านเก็ต เพราะว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งทางเหนือเรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อว่าวัดภูเก็ต
วัดตั้งอยู่บนภูมหัศจรรย์ มีฮวงจุ้ยถูกหลักทักษาพยากรณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน
มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรมฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือหลวงพ่อพุทธเมตตา"
องค์ศักดิ์สิทธิ์ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก เพ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ใต้เชิงดอย เป็นพื้นที่ทำนาของชาวบ้าน
ข้างล่างเชิงเขามีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งเป็นน้ำซับซึมมาจากใต้ดินไหลรินรวมกัน เป็นลำธารให้ฝูงปลาและสัตว์น้ำอยู่อาศัย เป็นเขตอภัยทาน
เรากลับที่พักเพื่อมาเตรียมพร้อมของยาน นำยานออกมาสูบลม แล้วออกมาเทสปั่นเล่นๆ 10 กม. ก่อนจะเอาจริงในวันพรุ่งนี้
เช้าวันที่สอง เราออกจากที่พักโดยยานแม่ที่รัก ตามแผนที่วางไว้ หกโมงควงขา อากาศช่างเป็นใจ ไม่หนาวจนจับใจแต่สัมผัสได้ถึงความเป็นฤดูหนาว
เราปั่นผ่านชุมชมเล็กๆเข้าไป พร้อมเนินซึมๆ ไปเรื่อยๆ บ้านผู้คนลดน้อยลง เริ่มเห็นเนินชันๆ ชัดขึ้น
และแล้ว... เวลาแห่งความกระชากใจให้พุงสูงก็เริ่มขึ้น
มันไม่ใช่แค่ 8% แน่ๆ อะ สิ่งที่ทำได้คือก้มหน้ามองพื้นแล้วควงขาไปต่อ!!!
จังหวะไหน HR ขึ้นสูงมากๆ ก็จอดกินน้ำ แล้วก้มหน้ามองพื้นและควงขาไปต่อ วนแบบนี้นับไม่ถ้วน
ในใจไม่ได้ถามตัวเองนะว่าตูมาทำอะไรที่นี่ แต่เสียงที่ดังในหัวตลอดเวลาคือ ไหลลงมั้ย ไหลลงมั้ย ไหลเลยดีมั้ยยยย >.<
แต่ก็ยังแอบดื้อนะ ยังอยากไปให้ถึงยอด ตูต้องไปถ่ายรูปกับป้ายให้ได้ แล้วก้มหน้ามองพื้นและควงขาต่อไป
ระหว่างที่ปั่นนั้น ไม่พบยานลำอื่นแม้แต่ลำเดียว จะมีก็คนบ้าสองคนเนี่ยแหละ
ความรู้สึกคือโล่งมากกก แบบว่าลงจากอานขาเบาหวิว ฮ่าๆๆๆ
ยกมือไหว้พระสถูปเจดีย์ แล้วนั่งกินน้ำกินแซนวิชที่ติดหลังมาให้สบายใจก่อน
แต่!! เหลือแรงไว้สำหรับขากลับด้วยนะคะ เพราะไม่ได้แค่ไหลลงอย่างเดียว มีไต่บางอีกเป็นระยะ
เราคำนวณเวลาแล้ว หาก 10:30 น. แล้วยังไม่ถึงยอด ได้แค่ไหนแค่นั้น ไหลลงทันที
เพราะใช้เวลานาน อาจกลับไป Check-Out ไม่ทัน และไปกระทบกับแผนเดินทางอื่นอีก
Route ก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ
กินมันตามข้างทางแบบคนในพื้นที่กินอะค่ะ เลยไม่มีมาแชร์ (แต่เก็บทุกภาพที่กินนะ) ^^
-------------------------
หลงรักจริงๆ นะ โอบล้อมโดยธรรมชาติแบบรอบตัว
บ้านเรายังมีอะไรให้ซึมซับอีกเยอะจริงๆ นะไปเถอะ คุ้มค่าแก่การเดินทาง
และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชม ท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมหรือแชร์ได้เลยนะคะ เราเพิ่งเคยมาแชร์ครั้งแรก
หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ ^^
แล้วเจอกันอีกครั้ง .. น่าน
ตอน ไป ปั่น ปัว