คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เดาว่าเป็นธุรกิจขายตรงมั้ง...คือดูจากค่าคอมมิชชั่นที่จ่าย...คนแรกมีค่าคอม 80% / คนที่สองมีค่าคอม 50% / ค่าคอมเฉลี่ย 35%
ยังไม่หักค่าดำเนินการ ฯลฯ ของบริษัทอีกเยอะแยะ...ธุรกิจอะไรจะมีGP สูงขนาดนี้บ้างนะ
สงสัย...ยอดขายได้เท่ากันคือ 10,000 แต่ทำไมอีกคนต้องได้ค่าคอมมากกว่าถึง 30% ( 80 - 50 )...เพราะตำแหน่งสูงกว่าเหรอ
ถ้าเพราะว่าเก่งกว่าก็แปลกๆในวิธีคิด เพราะ KPI ของฝ่ายขายและค่าคอม หรืออินเซนทีฟต่างๆน่าจะอ้างอิงกับยอดขายที่แต่ละคนทำได้
แต่ถ้าวางเป็น step ว่ากรณีขายได้ 10,000 บาท จะได้ค่าคอม 50%.. ถ้าขายได้ 12,000 บาท จะได้ค่าคอม 60%..ถ้าขายได้ 15,000 บาท
จะได้ค่าคอม 80% อย่างนี้ก็พอเข้าใจได้
สำหรับกรณีนี้...ขออนุญาตเสนอแนวทางคือ
1. คิดค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนค่าคอมที่ได้รับป็นบาท vs ค่าใช้จ่ายรวม..คือ 8,000 และ 5000 ของค่าใช้จ่ายรวม 5,000บาท
( 8,000/13,000 = 61.5% x 5,000 และ 5,000/13,000 = 38.5% )
- แบบนี้อธิบายง่าย เป็นสากล ได้มากก็จ่ายมาก ยอมรับได้ง่าย ข้อขัดแย้งน้อย
2. จขกท.บอกว่าทั้งสองคนใช้ resource ร่วมกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าใครใช้ไปเท่าไร เพียงแต่มีแนวโน้มว่าคนขายมากกว่าน่าจะใช้มากกว่า
2.1 กรณีที่ resource เป็น Fixed Expenses ทั้งก้อน...คิดเท่าๆกันคือหารสอง ( 5,000/2 )
2.2 กรณีที่ resource เป็น Variable Expenses ทั้งก้อน...คิดตามข้อ ( 1 ) ข้างต้น
2.3 กรณีที่ resource มีทั้ง Fixed และ Variable Expenses...
2.3.1 ก้อนแรก... พยายามแยกส่วนที่เป็น Fixed ออกมาให้ได้ แล้วคิดแบบหารสอง เช่น มี Fixed Exp. 2,000 ใน 5,000
บาท ( 2,000/2 = 1,000 / คน )
2.3.2 ก้อนที่สอง...คิดแบบ Variable Exp. คนแรก ( 61.5% x 3,000 )...คนที่สอง ( 38.5% x 3,000 )
2.3.3 เอาทั้งสองก้อนมารวมกัน ก็จะได้ของแต่ละคน
2.3.4 วิธีนี้ถ้ายิ่งแยก Fixedออกมาได้แม่นยำเท่าไรก็ยิ่งยุติธรรมมากขึ้น แต่มีข้อเสียคือเราต้องเสียเวลาในการ
มานั่งแยกแยะคำนวณ และมาคอยอธิบายให้แต่ละคนเข้าใจ
ป.ล. 1. Fixed Expenses... เช่น ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการ ค่าน้ำ - ไฟของสำนักงาน ค่าเช่าออฟฟิศ เป็นต้น
Variable Expenses...เช่น เอกสารโบรชัวร์ต่างๆที่ต้องใช้เสนอลูกค้า ต้นทุนสินค้าตัวอย่าง
ค่าน้ำมันรถในการไปพบลูกค้า เป็นต้น
2. ข้อมูลที่ได้มามีจำกัด อาจทำให้ข้อเสนอแนะไม่เหมาะสมกับธุรกิจของจขกท.ได้
เช่น ไม่ทราบ้อมูลเกี่ยวกับประเภทธุรกิจ และลักษณะของ resource ที่จขกท.กล่าวถึง
จึงใช้วิธีเดาสุ่ม
ยังไม่หักค่าดำเนินการ ฯลฯ ของบริษัทอีกเยอะแยะ...ธุรกิจอะไรจะมีGP สูงขนาดนี้บ้างนะ
สงสัย...ยอดขายได้เท่ากันคือ 10,000 แต่ทำไมอีกคนต้องได้ค่าคอมมากกว่าถึง 30% ( 80 - 50 )...เพราะตำแหน่งสูงกว่าเหรอ
ถ้าเพราะว่าเก่งกว่าก็แปลกๆในวิธีคิด เพราะ KPI ของฝ่ายขายและค่าคอม หรืออินเซนทีฟต่างๆน่าจะอ้างอิงกับยอดขายที่แต่ละคนทำได้
แต่ถ้าวางเป็น step ว่ากรณีขายได้ 10,000 บาท จะได้ค่าคอม 50%.. ถ้าขายได้ 12,000 บาท จะได้ค่าคอม 60%..ถ้าขายได้ 15,000 บาท
จะได้ค่าคอม 80% อย่างนี้ก็พอเข้าใจได้
สำหรับกรณีนี้...ขออนุญาตเสนอแนวทางคือ
1. คิดค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนค่าคอมที่ได้รับป็นบาท vs ค่าใช้จ่ายรวม..คือ 8,000 และ 5000 ของค่าใช้จ่ายรวม 5,000บาท
( 8,000/13,000 = 61.5% x 5,000 และ 5,000/13,000 = 38.5% )
- แบบนี้อธิบายง่าย เป็นสากล ได้มากก็จ่ายมาก ยอมรับได้ง่าย ข้อขัดแย้งน้อย
2. จขกท.บอกว่าทั้งสองคนใช้ resource ร่วมกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าใครใช้ไปเท่าไร เพียงแต่มีแนวโน้มว่าคนขายมากกว่าน่าจะใช้มากกว่า
2.1 กรณีที่ resource เป็น Fixed Expenses ทั้งก้อน...คิดเท่าๆกันคือหารสอง ( 5,000/2 )
2.2 กรณีที่ resource เป็น Variable Expenses ทั้งก้อน...คิดตามข้อ ( 1 ) ข้างต้น
2.3 กรณีที่ resource มีทั้ง Fixed และ Variable Expenses...
2.3.1 ก้อนแรก... พยายามแยกส่วนที่เป็น Fixed ออกมาให้ได้ แล้วคิดแบบหารสอง เช่น มี Fixed Exp. 2,000 ใน 5,000
บาท ( 2,000/2 = 1,000 / คน )
2.3.2 ก้อนที่สอง...คิดแบบ Variable Exp. คนแรก ( 61.5% x 3,000 )...คนที่สอง ( 38.5% x 3,000 )
2.3.3 เอาทั้งสองก้อนมารวมกัน ก็จะได้ของแต่ละคน
2.3.4 วิธีนี้ถ้ายิ่งแยก Fixedออกมาได้แม่นยำเท่าไรก็ยิ่งยุติธรรมมากขึ้น แต่มีข้อเสียคือเราต้องเสียเวลาในการ
มานั่งแยกแยะคำนวณ และมาคอยอธิบายให้แต่ละคนเข้าใจ
ป.ล. 1. Fixed Expenses... เช่น ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการ ค่าน้ำ - ไฟของสำนักงาน ค่าเช่าออฟฟิศ เป็นต้น
Variable Expenses...เช่น เอกสารโบรชัวร์ต่างๆที่ต้องใช้เสนอลูกค้า ต้นทุนสินค้าตัวอย่าง
ค่าน้ำมันรถในการไปพบลูกค้า เป็นต้น
2. ข้อมูลที่ได้มามีจำกัด อาจทำให้ข้อเสนอแนะไม่เหมาะสมกับธุรกิจของจขกท.ได้
เช่น ไม่ทราบ้อมูลเกี่ยวกับประเภทธุรกิจ และลักษณะของ resource ที่จขกท.กล่าวถึง
จึงใช้วิธีเดาสุ่ม
แสดงความคิดเห็น
แบ่ง ค่าใช้จ่ายอย่างไรดี ถึงจะยุติธรรม
เช่น
นาย A ได้ 80% ขายได้ 10,000 บาท ได้ 8,000
นาย B ได้ 50% ขายได้ 10,000 บาท ได้ 5,000
จากนั้นมีคจช ที่สองคนนี้ใช้ร่วมกัน 5000 เราจะหักแบ่งให้สองคนนี้แบ่งกันจ่ายอย่างไรให้ยุติธรรม
เพราะถ้า หารสอง จะกลายเป็นว่า คนละ 2500
คนได้มาก เสียรายจ่ายน้อย ส่วนคนได้น้อยเสียรายจ่ายมาก