อยากทราบความเห็นของหลายๆท่านว่า ทำไมอังกฤษพยายามจะก่อตั้งฐานทัพโพ้นทะเลในเอเชียอีกครั้ง มีความเป็นไปได้มากเพียงใดและจะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง
จขกท. เห็นในข่าวต่างประเทศ เกี่ยวกับอนาคตของฐานทัพโพ้นทะเลของอังกฤษ โดยในขณะที่การเจรจาประเด็นต่างๆกับสหภาพยุโรปยังไม่แล้วเสร็จ กระทรวงกลาโหมของอังกฤษได้ประกาศจะสร้างฐานทัพโพ้นทะเลแห่งใหม่ขึ้นอีกสองแห่ง แห่งหนึ่งจะอยู่ในแถบแคริบเบียน อีกแห่งหนึ่งจะอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดกันว่าสิงคโปร์หรือบรูไนซึ่งเคยเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษจะเป็นสถานที่สำหรับการก่อตั้งฐานทัพดังกล่าว โดยสิงคโปร์นั้นเคยเป็นที่ตั้งของกองทัพอังกฤษช่วงก่อนทศวรรษที่ 1970 ส่วนบรูไนในปัจจุบันนั้นยังมีกองพันทหารกุรข่าของอังกฤษตั้งอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลิงค์ข่าวครับ
https://www.bbc.com/thai/thailand-46744792
http://www.atimes.com/article/new-global-britain-sets-naval-sights-on-asia/
ความพยายามของอังกฤษนั้นถือว่าเป็นความพยายามในการกลับมามีอิทธิพลในดินแดน "ตะวันออกของคลองสุเอซ (East of Suez)" อีกครั้ง นับตั้งแต่ที่อังกฤษได้ถอนทหารออกจากภูมิภาคเอเชียในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 เนื่องจากนโยบายการปลดปล่อยดินแดนอาณานิคมให้เป็นอิสระ และนโยบายทางด้านการคลังของอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งแม้ว่าอังกฤษจะถอนทหารออกจากภูมิภาคไปแล้ว ทว่ากองทัพอังกฤษยังมีความสัมพันธ์ทางการทหารกับกองทัพของหลายประเทศในภูมิภาค โดยข้อตกลงที่สำคัญคือ Five Power Defence Agreements ที่อังกฤษมีร่วมกับออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งทั้งห้าประเทศได้มีความร่วมมือหลายอย่าง รวมไปถึงการฝึกซ้อมรบร่วมกันมาโดยตลอด นอกจากนี้ ในปี 2018 ที่ผ่านมา อังกฤษได้พยายามรื้อฟื้นฐานทัพเรือที่บาห์เรน ซึ่งเป็นการก่อตั้งฐานทัพทางตะวันออกของคลองสุเอซเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1971 และจะเปิดฐานการฝึกที่โอมานภายในปี 2019 นี้
ซึ่งความพยามยามทั้งหมดของอังกฤษนั้น หลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามของอังกฤษในการกลับมามีบทบาทในเวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้นโยบาย "Global Britain" ที่อังกฤษพยายามจะนำมาใช้ในนโยบายการต่างประเทศของตนภายหลังจากที่ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้ว
จากข่าวนี้ อาจทำให้เราเห็นว่า ฝ่ายที่ต้องการผลักดันประเด็น Brexit นั้น นอกจากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและประเด็นผู้อพยพแล้ว อีกประเด็นที่น่าจะมีความสำคัญไม่แพ้กันสำหรับพวกเขาคือ ความใฝ่ฝันในการรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของอังกฤษในฐานะประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับสมัยที่อังกฤษเป็นเจ้าจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลก แทนที่จะเป็นเพียงประเทศสมาชิกประเทศหนึ่งของสหภาพยุโรปดังที่เป็นมา โดยความพยายามนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป
คหสต.จขกท.มองว่าสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับอังกฤษพอสมควรคือ เศรษฐกิจและงบประมาณของอังกฤษในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งหากการเจรจากับสหภาพยุโรปยังไม่ลงตัว แล้วอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในรูปแบบที่ไม่มีข้อตกลง หรือ "No Deal" ก็จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ (จากเท่าที่อ่านมา เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงนี้เองก็ไม่ค่อยดีนักอยู่แล้ว) การดำเนินการหลายอย่างก็จะเกิดอุปสรรคตามไปด้วย คหสต.คิดว่าในส่วนนี้อังกฤษอาจแก้ปัญหาโดยการกระชับความสัมพันธ์ในด้านต่างๆกับสหรัฐฯและกลุ่มประเทศเครือจักรภพ ในช่วงที่การเจรจาการค้ากับยุโรปและประเทศอื่นๆดำเนินอยู่ เพื่อให้พอบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นไปได้บ้าง ทั้งก็ต้องคอยดูว่า ผลการเจรจากับสหภาพยุโรปนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนประเด็นกองทัพ จขกท.มองว่า (อันนี้รวมกับที่อ่านมาด้วย) ชาติในเอเชียนั้นอาจจะมีผลตอบรับทั้งที่ยินดีและไม่ยินดี ที่ไม่ยินดีคือจีนที่มองว่าการเข้ามาของอังกฤษนั้นจะยิ่งทำให้ข้อพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้นั้นบานปลายมากขึ้น จากการที่จะมีชาติมหาอำนาจนอกภูมิภาคนอกเหนือจากสหรัฐฯเข้ามามีบทบาทในประเด็นดังกล่าว รวมไปถึงหลายประเทศที่เคยมีแนวคิดต่อต้านจักรวรรดินิยมมาก่อนก็อาจจะไม่ยินดีนักกับการกลับมาของกองทัพอังกฤษ ส่วนที่ยินดีคือฝ่ายที่ต้องการมหาอำนาจอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่นและอินเดียในการถ่วงดุลอำนาจกับจีน ฝ่ายที่ว่าคือประเทศที่มีข้อพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้กับจีน คือไต้หวัน มาเลเซีย (อาจจะยอมรับอังกฤษยากในสมัยที่ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งค่อนข้างมีแนวคิดต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตกเป็นผู้นำ) เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบรูไน ในส่วนของสิงคโปร์นั้นแม้จะไม่มีข้อพิพาทโดยตรงกับจีน ทว่าเนื่องจากผลประโยชน์ของสิงคโปร์นั้นขึ้นอยู่กับการค้าและการเดินเรือ ซึ่งต้องพึ่งพาเสรีภาพด้านการเดินเรือ (Freedom of Navigation) อีกทั้งการมีข้อตกลงด้านความมั่นคงกับอังกฤษ ทำให้สิงคโปร์น่าจะยินดีกับการกลับมาของกองทัพอังกฤษด้วยเช่นกัน
ประมาณนี้ หากใครมีความเห็นอย่างไรลองมาแสดงความเห็นกันดูครับ
หากมีส่วนไหนที่ผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ
ทำไมอังกฤษพยายามจะก่อตั้งฐานทัพโพ้นทะเลในเอเชียอีกครั้ง มีความเป็นไปได้มากเพียงใดและจะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง
จขกท. เห็นในข่าวต่างประเทศ เกี่ยวกับอนาคตของฐานทัพโพ้นทะเลของอังกฤษ โดยในขณะที่การเจรจาประเด็นต่างๆกับสหภาพยุโรปยังไม่แล้วเสร็จ กระทรวงกลาโหมของอังกฤษได้ประกาศจะสร้างฐานทัพโพ้นทะเลแห่งใหม่ขึ้นอีกสองแห่ง แห่งหนึ่งจะอยู่ในแถบแคริบเบียน อีกแห่งหนึ่งจะอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดกันว่าสิงคโปร์หรือบรูไนซึ่งเคยเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษจะเป็นสถานที่สำหรับการก่อตั้งฐานทัพดังกล่าว โดยสิงคโปร์นั้นเคยเป็นที่ตั้งของกองทัพอังกฤษช่วงก่อนทศวรรษที่ 1970 ส่วนบรูไนในปัจจุบันนั้นยังมีกองพันทหารกุรข่าของอังกฤษตั้งอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความพยายามของอังกฤษนั้นถือว่าเป็นความพยายามในการกลับมามีอิทธิพลในดินแดน "ตะวันออกของคลองสุเอซ (East of Suez)" อีกครั้ง นับตั้งแต่ที่อังกฤษได้ถอนทหารออกจากภูมิภาคเอเชียในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 เนื่องจากนโยบายการปลดปล่อยดินแดนอาณานิคมให้เป็นอิสระ และนโยบายทางด้านการคลังของอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งแม้ว่าอังกฤษจะถอนทหารออกจากภูมิภาคไปแล้ว ทว่ากองทัพอังกฤษยังมีความสัมพันธ์ทางการทหารกับกองทัพของหลายประเทศในภูมิภาค โดยข้อตกลงที่สำคัญคือ Five Power Defence Agreements ที่อังกฤษมีร่วมกับออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งทั้งห้าประเทศได้มีความร่วมมือหลายอย่าง รวมไปถึงการฝึกซ้อมรบร่วมกันมาโดยตลอด นอกจากนี้ ในปี 2018 ที่ผ่านมา อังกฤษได้พยายามรื้อฟื้นฐานทัพเรือที่บาห์เรน ซึ่งเป็นการก่อตั้งฐานทัพทางตะวันออกของคลองสุเอซเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1971 และจะเปิดฐานการฝึกที่โอมานภายในปี 2019 นี้
ซึ่งความพยามยามทั้งหมดของอังกฤษนั้น หลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามของอังกฤษในการกลับมามีบทบาทในเวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้นโยบาย "Global Britain" ที่อังกฤษพยายามจะนำมาใช้ในนโยบายการต่างประเทศของตนภายหลังจากที่ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้ว
จากข่าวนี้ อาจทำให้เราเห็นว่า ฝ่ายที่ต้องการผลักดันประเด็น Brexit นั้น นอกจากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและประเด็นผู้อพยพแล้ว อีกประเด็นที่น่าจะมีความสำคัญไม่แพ้กันสำหรับพวกเขาคือ ความใฝ่ฝันในการรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของอังกฤษในฐานะประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับสมัยที่อังกฤษเป็นเจ้าจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลก แทนที่จะเป็นเพียงประเทศสมาชิกประเทศหนึ่งของสหภาพยุโรปดังที่เป็นมา โดยความพยายามนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป
คหสต.จขกท.มองว่าสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับอังกฤษพอสมควรคือ เศรษฐกิจและงบประมาณของอังกฤษในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งหากการเจรจากับสหภาพยุโรปยังไม่ลงตัว แล้วอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในรูปแบบที่ไม่มีข้อตกลง หรือ "No Deal" ก็จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ (จากเท่าที่อ่านมา เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงนี้เองก็ไม่ค่อยดีนักอยู่แล้ว) การดำเนินการหลายอย่างก็จะเกิดอุปสรรคตามไปด้วย คหสต.คิดว่าในส่วนนี้อังกฤษอาจแก้ปัญหาโดยการกระชับความสัมพันธ์ในด้านต่างๆกับสหรัฐฯและกลุ่มประเทศเครือจักรภพ ในช่วงที่การเจรจาการค้ากับยุโรปและประเทศอื่นๆดำเนินอยู่ เพื่อให้พอบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นไปได้บ้าง ทั้งก็ต้องคอยดูว่า ผลการเจรจากับสหภาพยุโรปนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนประเด็นกองทัพ จขกท.มองว่า (อันนี้รวมกับที่อ่านมาด้วย) ชาติในเอเชียนั้นอาจจะมีผลตอบรับทั้งที่ยินดีและไม่ยินดี ที่ไม่ยินดีคือจีนที่มองว่าการเข้ามาของอังกฤษนั้นจะยิ่งทำให้ข้อพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้นั้นบานปลายมากขึ้น จากการที่จะมีชาติมหาอำนาจนอกภูมิภาคนอกเหนือจากสหรัฐฯเข้ามามีบทบาทในประเด็นดังกล่าว รวมไปถึงหลายประเทศที่เคยมีแนวคิดต่อต้านจักรวรรดินิยมมาก่อนก็อาจจะไม่ยินดีนักกับการกลับมาของกองทัพอังกฤษ ส่วนที่ยินดีคือฝ่ายที่ต้องการมหาอำนาจอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่นและอินเดียในการถ่วงดุลอำนาจกับจีน ฝ่ายที่ว่าคือประเทศที่มีข้อพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้กับจีน คือไต้หวัน มาเลเซีย (อาจจะยอมรับอังกฤษยากในสมัยที่ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งค่อนข้างมีแนวคิดต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตกเป็นผู้นำ) เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบรูไน ในส่วนของสิงคโปร์นั้นแม้จะไม่มีข้อพิพาทโดยตรงกับจีน ทว่าเนื่องจากผลประโยชน์ของสิงคโปร์นั้นขึ้นอยู่กับการค้าและการเดินเรือ ซึ่งต้องพึ่งพาเสรีภาพด้านการเดินเรือ (Freedom of Navigation) อีกทั้งการมีข้อตกลงด้านความมั่นคงกับอังกฤษ ทำให้สิงคโปร์น่าจะยินดีกับการกลับมาของกองทัพอังกฤษด้วยเช่นกัน
ประมาณนี้ หากใครมีความเห็นอย่างไรลองมาแสดงความเห็นกันดูครับ
หากมีส่วนไหนที่ผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยครับ