ตอนนี้เรารู้สึกว่า เราเข้าใจธรรมมะ มากกว่าสิ่งที่เรียนอยู่ปัจจุบันซะอีก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอย นโยบายต่างประเทศเอย ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ในทางโลกทั้งสิ้น แต่เราก็เห็นแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่พ้นไปจากอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเลย การเปลี่ยนแปลงมันมีทุกวัน ไม่สิ ทุกวินาที ไม่สิ เสี้ยววินาทีเลยดีกว่า เรารู้สึกเหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามความเปลี่ยนแปลงนั้น ความเปลี่ยนแปลงมีขึ้นตลอดเวลา ไม่มีหยุดพัก ทำไมต้องไปไขว่คว้าสิ่งที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา เหมือนจะตามทัน แต่แล้วมันก็วิ่งหนีเราไปอีก ตามให้ตายยังไงก็ไม่ทัน พยายามไขว่คว้ายังไงก็จับไม่ได้หรอก พอเหมือนจะจับได้แล้ว สิ่งนั้นก็สลายไปต่อหน้าต่อตา เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาอีก ก็วิ่งตามจับสิ่งใหม่อีก มันก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น
เราเบื่อ เราเหนื่อย เราไม่เข้าใจว่าหลายคนเขาหลงอะไรกัน สิ่งที่มันไม่เที่ยงนั้นน่ะ ไม่มีอะไรให้ยึดถือเอาได้เลย ทำไมจะต้องดิ้นรนไขว่คว้ามัน ดิ้นรนแล้วดิ้นรนอีก ไม่เหนื่อยกันบ้างรึไง
พอเรารู้สึกอย่างนี้แล้ว พอมาอ่านหนังสือเรียนพวกนี้ เหมือนความรู้เหล่านั้นเข้ามากระทบสมองแล้วก็เด้งกลับหมดเลย สมองมันไม่เก็บพวกนี้มาจำเลย
ผิดกัน เวลาอ่านหนังสือธรรมมะ เรารู้สึกเราเข้าใจพวกนี้ได้ดีกว่า อินกับเนื้อหามากกว่า เข้าถึงมากกว่า
ทั้งที่เมื่อก่อนนี้เราชอบสายที่เรียนนี้นะ แต่พอมารู้จักธรรมในพระพุทธศาสนาแล้ว อย่างอื่นเราไม่เห็นเป็นสาระแก่นสารอีกเลย ทั้งที่เรียนใกล้จะจบแล้วด้วย แต่ตอนนี้มันอ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว นี่เรามีตรงไหนผิดพลาดไปรึเปล่า เราก็คิดว่าเราต้องเคลียร์เรื่องเรียนให้จบก่อน แต่มันอ่านไม่เข้าหัวเลย ทำไงดี
พระอาจารย์บอกว่า ปฏิบัติธรรมช่วยเรื่องการเรียนได้ ช่วยให้สมองดี เรียนเก่ง แต่เราไม่เห็นเป็นงั้นเลย
ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งละวางทางโลก ยิ่งคิดจะสละ ใจไม่เห็นไปทางเรียนเลย คิดแต่ว่าจะทำกิจให้จบสิ้น จะทำชาตินี้ให้เป็นชาติสุดท้าย จะไม่เกิดอีก คิดแต่อย่างนี้ ใจก็ไม่อยากจะเอาทางโลกอีกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีครั้งนึงที่เราฝันร้าย แล้วเราสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ความกลัวมันเกิดขึ้นในจิตใจ ใจสั่นรัวๆ
แล้วทีนี้เราก็เห็นความกลัวที่เกิดขึ้น แล้วเราก็มีสติคิดขึ้นมาได้ว่า "นี่เรามัวทำอะไรอยู่ ชีวิตนี้จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ธรรมแห่งพระพุทธองค์มีอยู่ ทางพ้นทุกข์ยังปรากฏอยู่ ทำไมเราไม่เร่งขวนขวายไป มัวทำอะไรที่มันไม่เป็นสาระอยู่นี้ มัวประมาทอยู่ทำไม ความตายอาจมาถึงที่นี่เดี๋ยวนี้ รีบไป รีบปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ หากรอต่อไป อาจไม่มีโอกาส อย่าประมาทอยู่อีกเลย รีบไป"
แล้วเช้าวันนั้น เราตั้งใจจริงๆว่าเราจะโกนหัวและสละทางโลกแล้ว เราบอกลาทุกคนว่าเราจะบวช จะออกบำเพ็ญจริงๆ จะทิ้งทางโลกแล้ว แต่เราถูกคัดค้านอย่างจริงจัง ทีแรกเหมือนพ่อแม่อนุญาต แต่แล้วพาเราไปหาพระรูปนึง ท่านก็คัดค้านความตั้งใจของเรา ตอนนั้นเราตั้งใจจริงๆว่าจะทำที่สุดแห่งทุกข์ให้ได้ จะทำภพชาติให้สิ้นให้ได้ แต่พอพระท่านคัดค้าน พ่อกับแม่ก็คัดค้าน (มันเหมือนเป็นวิบากกรรมของเราเอง ที่ทำให้ออกไปไม่ได้) ความตั้งใจที่จะทำภพชาติให้สิ้น ในตอนนั้นเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ เราร้องไห้เสียใจอย่างมาก นี่มันวิบากกรรมอะไรกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดที่จะทำภพชาติให้สิ้นยังมีอยู่ เราเริ่มวางแผน เราปฏิบัติธรรมเพื่อเตรียมตัว ถ้าพ่อแม่อนุญาตเมื่อไหร่ เราจะออกบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีเมื่อนั้น ก่อนที่จะถึงวันนั้น เราได้ฝึกสติปัฏฐานมาบ้างแล้ว ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ตามแต่สภาวะ และสติที่เกิด ณ ตอนนั้น เราได้เห็นความเกิดดับ เปลี่ยนแปลง และบังคับไม่ได้ มันเป็นเช่นนั้นกับทุกสภาวะธรรมที่เกิด จนเราเห็นโทษภัยของสังสารวัฏนี้ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เราเบื่อหน่ายที่จะต้องเป็นเช่นนี้อีกต่อไป แต่แล้วเราก็เห็นว่า มันก็เป็นอย่างนี้ของมัน เราก็วางเฉยต่อสภาวะธรรมที่เกิด วางเฉยต่อสิ่งที่เข้ามากระทบ เพราะเข้าใจธรรมชาติของมันว่ามันก็เป็นอย่างนี้ของมันอยู่แล้ว ไปยึดเอาถือเอาก็ทุกข์ นั่นทำให้เราได้สัมผัสความว่างจากกิเลสและกองทุกข์ มันไม่ทุกข์อย่างนี้นี่เอง และธรรมของพระพุทธเจ้าก็สัมผัสใจเรา นิพพานคือความสุขอันไพบูลย์อยู่ตรงนี้แล้ว ทางไปสู่ความสุขอันไพบูลย์ก็อยู่นี้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้แล้ว คือมรรคมีองค์๘ เราต้องเดินตามทางแห่งมรรคนี้ เพื่อก้าวล่วงกองทุกข์ทั้งปวง เพื่อให้พ้นจากสังสารวัฏอันมีภัยน่ากลัวนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องการระลึกชาติก็เป็นเรื่องอาจิณไตย รู้ได้เฉพาะตน เพราะเศษกรรมนั้นทำให้เราเกิดมาในเพศหญิงในสมัยที่ไม่มีพระภิกษุณีตามธรรมวินัยแล้ว ทำให้เราไม่ได้บวชในบวรพระพุทธศาสนา แต่ถึงอย่างนั้น เราตั้งใจเป็นอุบาสิกา ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้ อย่าได้ประมาทกับกิเลส เพราะถ้าเราหลงไปกับมัน เราจะทำกรรมขึ้น และมันจะก่อเกิดเป็นวิบากให้เราได้รับผลนั้น
เรื่องการปฏิบัติธรรมก็เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าบอกอะไร พระอรหันตสาวกรู้อะไร พระอริยสาวกรู้อะไร ให้ลองปฏิบัติดูเอง เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม คุณจะรู้ได้ด้วยตัวคุณเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนพระสงฆ์ที่คัดค้านการออกบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีที่เราตั้งใจแล้วว่าจะทำภพชาติให้สิ้นนั้น
บัดนี้คงเป็นวิบากกรรมของท่านแล้ว ที่ทำให้ท่านไม่สามารถอยู่ในสมณเพศต่อไปได้ เราเจอท่านอีกทีในเพศฆราวาส ท่านบอกทำนองว่า ผ้าเหลืองร้อนแล้ว ทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เบื่อวัด มีแต่ความวุ่นวาย ท่านอยู่ไม่ได้
เรามองดูแล้ว มันคงไม่แค่วุ่นวายที่วัดหรอก แต่ความวุ่นวายนั้นมันอยู่ที่ใจของท่านด้วย ใจท่านถลำไปกับความวุ่นวายนั้น จนแยกมันไม่ออก
เราไม่มีโอกาสได้บวชเหมือนอย่างท่าน หากเรามีโอกาสนั้น เราจะเร่งทำความเพียร ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ให้สิ้นภพสิ้นชาติไปเลย
เราประมาทไม่ได้ เพราะแค่เราเผลอแป๊บเดียว กิเลสเล่นงานเราแล้ว เห็นมั้ย ความวุ่นวายมันอยู่ภายนอก ท่านก็ไปยึดเอามันมาใส่ใจ ทุกข์เลยทีนี้
แต่ถึงเราไม่มีโอกาสเป็นภิกษุณีพุทธสาวิกา แต่เราก็ได้เกิดมาพบพระสัทธรรม ในสมัยที่พระธรรมยังบริบูรณ์อยู่ เราถือตนเป็นอุบาสิกา รักษาศีลอันเป็นเครื่องกั้นจากอกุศลกรรมบถ ถวายการปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องบูชาพระพุทธเจ้า ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะตลอดชีวิต
รบกวนกัลยาณมิตรที่ผ่านมาพบเห็นช่วยแนะนำเราหน่อยค่ะ
เห็นว่าสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่สาระแก่นสารอีกต่อไป เบื่อแล้ว อ่านไงก็ไม่เข้าหัว ทำไงดี
เราเบื่อ เราเหนื่อย เราไม่เข้าใจว่าหลายคนเขาหลงอะไรกัน สิ่งที่มันไม่เที่ยงนั้นน่ะ ไม่มีอะไรให้ยึดถือเอาได้เลย ทำไมจะต้องดิ้นรนไขว่คว้ามัน ดิ้นรนแล้วดิ้นรนอีก ไม่เหนื่อยกันบ้างรึไง
พอเรารู้สึกอย่างนี้แล้ว พอมาอ่านหนังสือเรียนพวกนี้ เหมือนความรู้เหล่านั้นเข้ามากระทบสมองแล้วก็เด้งกลับหมดเลย สมองมันไม่เก็บพวกนี้มาจำเลย
ผิดกัน เวลาอ่านหนังสือธรรมมะ เรารู้สึกเราเข้าใจพวกนี้ได้ดีกว่า อินกับเนื้อหามากกว่า เข้าถึงมากกว่า
ทั้งที่เมื่อก่อนนี้เราชอบสายที่เรียนนี้นะ แต่พอมารู้จักธรรมในพระพุทธศาสนาแล้ว อย่างอื่นเราไม่เห็นเป็นสาระแก่นสารอีกเลย ทั้งที่เรียนใกล้จะจบแล้วด้วย แต่ตอนนี้มันอ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว นี่เรามีตรงไหนผิดพลาดไปรึเปล่า เราก็คิดว่าเราต้องเคลียร์เรื่องเรียนให้จบก่อน แต่มันอ่านไม่เข้าหัวเลย ทำไงดี
พระอาจารย์บอกว่า ปฏิบัติธรรมช่วยเรื่องการเรียนได้ ช่วยให้สมองดี เรียนเก่ง แต่เราไม่เห็นเป็นงั้นเลย
ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งละวางทางโลก ยิ่งคิดจะสละ ใจไม่เห็นไปทางเรียนเลย คิดแต่ว่าจะทำกิจให้จบสิ้น จะทำชาตินี้ให้เป็นชาติสุดท้าย จะไม่เกิดอีก คิดแต่อย่างนี้ ใจก็ไม่อยากจะเอาทางโลกอีกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รบกวนกัลยาณมิตรที่ผ่านมาพบเห็นช่วยแนะนำเราหน่อยค่ะ