มะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด วิธีจัดการกับมะเร็ง...ความจริงที่หมอไม่เคยบอก ,วิธีรักษา ,น้ำมันกัญชาดีจริงมั้ย วันนี้เราจะมาไขคำตอบกัน
ความท้อแท้ ความสิ้นหวัง พร้อมกับคำถามที่ว่า เราจะทำยังงัยต่อไป ทุกๆอย่างในชีวิตเหมือนจะไม่มีค่าอารัยอีกต่อไป นี่คงเป็นความรู้สึกของหลายๆคน ที่โดนวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาหาย เป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับ1 โรคมะเร็ง...... ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนที่รู้ตัวว่าเป็น จะท้อแท้ สิ้นหวัง
ไม้ท้อสิแปลก เพราะหนทางข้างหน้า มีแต่ความเจ็บปวดทรมาน ที่ทุกคนรู้ดีว่ามันจะไปจบที่ไหน เคมีบำบัด ฉายแสง ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำเดียวจากหมอ ไม่มีคำอธิบายใดๆ ถึงสาเหตุ ที่มาที่ไปของโรค ไม่บอกแม้กระทั่งความจริงที่ว่า success rate ของการทำเคมีบำบัด มันต่ำแค่ไหน 20% ครับ.... พูดง่ายๆว่าทุกๆ10คนที่เข้าไปทำเคมีบำบัด ตาย 8คน รอด 2 คน
ใช่แล้วครับ ตัวเลขไม่ผิด แล้วส่วนใหญ่จะตายเพราะ คีโมนะครับ
ไม่ใช่มะเร็ง แค่นั้นยังไม่พอนะครับ เผื่อคุนจะแอบคิดว่า กูเป็นคนเหนือดวง กูอาจจะเป็น1ใน2ผู้โชคดีก้อเป็นได้ คุนจะได้พบกับความจริงที่ว่า ถึงคุนจะโชคดีเป็น2คนที่รอดมาได้ คุนก้อมีโอกาส ที่จะกลับไปเป็นมะเร็งอีกถึง70-80%ครับ (

ยยจิงๆล่ะครับทีนี้)
เพราะว่าอารัยรู้มั้ยครับ ผมไม่ได้บอกว่าการทำคีโมฆ่าเซลมะเร็งไม่ได้นะครับ ฆ่าได้ครับ แต่ในขณะที่มันฆ่าเซลมะเร็งนั้น มันก้อฆ่าเซลที่ดีของเราไปด้วยครับ เพราะฉะนั้นถึงคุนจะฆ่าเซลมะเร็งนั้นได้สำเร็จ ความเสียหายที่คีโมได้ทำไว้มันจะกลับมาหลอกหลอนคุนแน่นอน แล้วถ้าเราได้รู้ความจริงที่ว่าพวกสารเคมีนี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราเป็นมะเร็งตั้งแต่แรก ใช่ครับ สารเคมีต่างๆนี่แหละครับ ที่เป็นตัวการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นที่ปนเปื้อนมาในอาหารแทบจะทุกอย่างที่เรากิน ที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราสูดเข้าไป พอถึงตอนนี้การตัดสินใจฆ่ามะเร็งด้วยสารเคมีฟังดูไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดแล้วใช่มั้ยครับ
ทุกคนเคยสงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมหมอถึงไม่เคยบอกถึงสาเหตุที่ทำให้เราเป็นมะเร็งเลย เพราะผมเชื่ออย่างนึงนะครับว่าถ้าเราจะรักษา ซ่อม หรือแก้ไขอารัย ถ้าเรารู้สาเหตุเราจะรักษามันได้ง่ายขึ้นแล้วก้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนถ้าเรารู้ว่าเราเป็นมะเร็งเพราะสารเคมีหรือพวกสารปนเปื้อน เราก้อคงไม่เอาสารเคมีมารักษามะเร็งจริงมั้ยครับ อันที่จริงแล้วเคมีบำบัดมันไม่ควรจะเป็นทางเลือกแรกในการรักษา ไม่สิ จิงๆมันไม่ควรจะอยู่ในทางเลือกไหนเลยด้วยซ้ำ คิดง่ายๆนะครับ ถ้ามันได้ผลจริงคนเราไม่ตายเพราะมะเร็งเยอะขนาดนี้หรอกครับ ในเมืองไทยเฉลี่ยแล้ว 200คนต่อวันครับ ที่เสียชีวิตจากมะเร็ง แล้วรู้มั้ยครับว่าทั้งโลกนี้อ่ะกี่คน 30,000คนต่อวันครับ ไม่ผิดครับ ลองนึกภาพเครื่องบินขนาดใหญ่ตกวันละ100ลำ ทุกๆวันครับ แล้วส่วนใหญ่ก้อรักษาด้วยคีโมทั้งนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ป่วยทุกคนจะรู้สึกสิ้นหวัง มันเหมือนเป็นการเดิมพันที่คุนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางชนะ คุนไม่มีแม้แต่สิทธ์ที่จะเลือกด้วยซ้ำ ด้านนึงก้อมีหมอที่ถูกสอนมาอย่างเดียวว่า มะเร็ง = คีโม,ฉายแสง รู้แค่นั้นจริงๆครับ หมอที่เราคิดจะฝากชีวิตไว้ โดยไม่เคยสนใจ

ยอารัยเลยว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์เค้าไปถึงไหนแล้ว เค้ารู้หมดแล้วว่ามะเร็งเกิดมาจากอารัย ผมเพิ่งได้มีโอกาสได้ไปที่งานที่จัดขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราชโดยคณะผู้จัดอ้างว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง แต่พอเอาเข้าจิงๆมันคืองานที่จัดขึ้นเพื่อรนรงค์ให้ผู้ป่วยไปรักษาด้วยคีโมและฉายแสง โดยไม่เคยคิดจะบอกเลยว่าการรักษามีผลกระทบยังงัยบ้าง ผมยังจำคำพูดของคุณหมอคนที่ขึ้นไปพูดบนเวทีได้ดี ว่าคีโมเนี่ยมันทำลายทุกสิ่งทั้งเซลมะเร็ง และเซลดี เราแค่ต้องภาวนาให้มันทำลายเซลมะเร็งมากกว่าเซลดี 😳😳😳

ละ...ตกลงการทำคีโมนี่มันมีค่าเท่ากับเราเดินเข้าวัดแล้วไปบนบานศาลกล่าวให้เรามีชีวิตรอดหรือนี่ อ่านมาถึงตอนนี้อย่าเพิ่งตกใจนะครับว่าผมมีแต่เรื่องร้ายๆมาเล่าให้ฟัง ผมสัญญาว่าสุดท้ายแล้วถ้าทุกคนอ่านจนจบ ทุกคนจะได้พบกับทางออกแน่นอน แต่ตอนนี้ขอพักก่อนนะครับ เดี๋ยวเส็ดงานแล้วจะมาพิมต่อครับ
มะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด วิธีจัดการกับมะเร็ง...ความจริงที่หมอไม่เคยบอก,วิธีรักษา,น้ำมันกัญชาดีจริงมั้ย วันนี้เรามา
ความท้อแท้ ความสิ้นหวัง พร้อมกับคำถามที่ว่า เราจะทำยังงัยต่อไป ทุกๆอย่างในชีวิตเหมือนจะไม่มีค่าอารัยอีกต่อไป นี่คงเป็นความรู้สึกของหลายๆคน ที่โดนวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาหาย เป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับ1 โรคมะเร็ง...... ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนที่รู้ตัวว่าเป็น จะท้อแท้ สิ้นหวัง
ไม้ท้อสิแปลก เพราะหนทางข้างหน้า มีแต่ความเจ็บปวดทรมาน ที่ทุกคนรู้ดีว่ามันจะไปจบที่ไหน เคมีบำบัด ฉายแสง ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำเดียวจากหมอ ไม่มีคำอธิบายใดๆ ถึงสาเหตุ ที่มาที่ไปของโรค ไม่บอกแม้กระทั่งความจริงที่ว่า success rate ของการทำเคมีบำบัด มันต่ำแค่ไหน 20% ครับ.... พูดง่ายๆว่าทุกๆ10คนที่เข้าไปทำเคมีบำบัด ตาย 8คน รอด 2 คน
ใช่แล้วครับ ตัวเลขไม่ผิด แล้วส่วนใหญ่จะตายเพราะ คีโมนะครับ
ไม่ใช่มะเร็ง แค่นั้นยังไม่พอนะครับ เผื่อคุนจะแอบคิดว่า กูเป็นคนเหนือดวง กูอาจจะเป็น1ใน2ผู้โชคดีก้อเป็นได้ คุนจะได้พบกับความจริงที่ว่า ถึงคุนจะโชคดีเป็น2คนที่รอดมาได้ คุนก้อมีโอกาส ที่จะกลับไปเป็นมะเร็งอีกถึง70-80%ครับ (
เพราะว่าอารัยรู้มั้ยครับ ผมไม่ได้บอกว่าการทำคีโมฆ่าเซลมะเร็งไม่ได้นะครับ ฆ่าได้ครับ แต่ในขณะที่มันฆ่าเซลมะเร็งนั้น มันก้อฆ่าเซลที่ดีของเราไปด้วยครับ เพราะฉะนั้นถึงคุนจะฆ่าเซลมะเร็งนั้นได้สำเร็จ ความเสียหายที่คีโมได้ทำไว้มันจะกลับมาหลอกหลอนคุนแน่นอน แล้วถ้าเราได้รู้ความจริงที่ว่าพวกสารเคมีนี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราเป็นมะเร็งตั้งแต่แรก ใช่ครับ สารเคมีต่างๆนี่แหละครับ ที่เป็นตัวการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นที่ปนเปื้อนมาในอาหารแทบจะทุกอย่างที่เรากิน ที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราสูดเข้าไป พอถึงตอนนี้การตัดสินใจฆ่ามะเร็งด้วยสารเคมีฟังดูไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดแล้วใช่มั้ยครับ
ทุกคนเคยสงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมหมอถึงไม่เคยบอกถึงสาเหตุที่ทำให้เราเป็นมะเร็งเลย เพราะผมเชื่ออย่างนึงนะครับว่าถ้าเราจะรักษา ซ่อม หรือแก้ไขอารัย ถ้าเรารู้สาเหตุเราจะรักษามันได้ง่ายขึ้นแล้วก้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนถ้าเรารู้ว่าเราเป็นมะเร็งเพราะสารเคมีหรือพวกสารปนเปื้อน เราก้อคงไม่เอาสารเคมีมารักษามะเร็งจริงมั้ยครับ อันที่จริงแล้วเคมีบำบัดมันไม่ควรจะเป็นทางเลือกแรกในการรักษา ไม่สิ จิงๆมันไม่ควรจะอยู่ในทางเลือกไหนเลยด้วยซ้ำ คิดง่ายๆนะครับ ถ้ามันได้ผลจริงคนเราไม่ตายเพราะมะเร็งเยอะขนาดนี้หรอกครับ ในเมืองไทยเฉลี่ยแล้ว 200คนต่อวันครับ ที่เสียชีวิตจากมะเร็ง แล้วรู้มั้ยครับว่าทั้งโลกนี้อ่ะกี่คน 30,000คนต่อวันครับ ไม่ผิดครับ ลองนึกภาพเครื่องบินขนาดใหญ่ตกวันละ100ลำ ทุกๆวันครับ แล้วส่วนใหญ่ก้อรักษาด้วยคีโมทั้งนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ป่วยทุกคนจะรู้สึกสิ้นหวัง มันเหมือนเป็นการเดิมพันที่คุนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางชนะ คุนไม่มีแม้แต่สิทธ์ที่จะเลือกด้วยซ้ำ ด้านนึงก้อมีหมอที่ถูกสอนมาอย่างเดียวว่า มะเร็ง = คีโม,ฉายแสง รู้แค่นั้นจริงๆครับ หมอที่เราคิดจะฝากชีวิตไว้ โดยไม่เคยสนใจ