เกือบตาบอดเพราะพิมเสน บ้าบอมากๆเลยค่ะ.

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิป วันนี้เรามีเรื่องมาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สำหรับใครที่โดนพิมเสนเข้าตาค่ะ (ปล.อย่าว่าเราโง่เลยนะคะ โดนคนรอบข้างว่ามาเยอะแล้ว อิอิ)
   "เรื่องมีอยู่ว่า"
          เมื่อวันที่ 29/11/2561 เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เราปวดหัวไมเกรนข้างซ้าย เป็นปกติที่เวลาเราปวดหัวเราจะเอาพิมเสน (น้ำสีเขียว) มาทาตรงขมับ แล้วคืนนั้นเราดันทาเยอะไปจนมันไหลเข้าตาข้างซ้ายค่ะ แล้วมือเราก็ดันขยี้ตาแบบอัตโนมัติ ตอนนั้นรู้สึกแสบร้อนตามากก (ปวดแสบเหมือนเวลาเราเป็นแผลแล้วเอาแอลกอฮอล์มาราดแผล) แล้วเราก็ล้างตาในน้ำ 2-3 นาที อาการก็ไม่ดีขึ้น มันยิ่งปวดแสบตาจนผ่านไปประมาณ 5 นาที ตาเริ่มมัวมองไม่ชัด เราตกใจมาก ตอนนั้นกลัวตาบอดมากก รีบไปหาหมอทันที
          พอไปถึงโรงพบาล ซึ่งเราใช้สิทธิ์ประกันสังคมแน่นอนว่ารอนานมากกกว่าจะได้เข้าไปพบหมอ เรานั่งรอด้วยความเจ็บปวดน้ำตาไหลซิกๆ อยู่ประมาณ 20 นาที ในที่สุดก็ได้เข้าพบหมอค่ะ หมอก็ถามอาการส่องไฟดูตาแล้วก็ให้เราไปล้างตา ล้างตาอยู่นานพอสมควร ล้างตาเสร็จ หมอก็ถามว่า "ดีขึ้นมั๊ย" "เราบอกว่าดีขึ้น แต่เรายังมองไม่ชัดอยู่เหมือนเดิม" หมอก็เอาตัวหนังสือที่วัดสายตามาให้เราอ่าน ซึ่งอยู่ห่างจากตาเราแค่ 1 ฝ่ามือ เรายังมองไม่ค่อยเห็นเลย พอผ่านไปสักพักเราก็เริ่มปวดแสบร้อนตาอีกครั้ง น้ำตาไหลตลอดเวลา แต่หมอไม่ใช่หมอเฉพาะทางตา หมอก็ไม่รู้จะทำอะไรให้ เลยให้พยาบาลหยอดตา ปิดตา และให้ยาแก้แพ้กับยาแก้ปวดมา แล้วนัดให้เรามาพบหมอตา วันที่ 30/11/61 เวลา 17.30 น. พอเราได้ยาและใบนัดแล้วเราก็กลับบ้าน พอกลับมาห้องเราปวดตามากนอนไม่หลับเลย ดีที่หมอให้ยาแก้แพ้กับยาแก้ปวดมาเราเลยนอนได้
          พอตื่นมาเช้าวันที่ 30/11/2561 เราลืมตาไม่ได้เลย ปวดตามากระดับ 10/10 เราเลยรอนัดหมอช่วงเย็นไม่ไหว ก็รีบแต่งตัวเดินทางไปโรงพยาบาลทันที ถึงรพ.07.00 น. และแน่นอนว่าใช้ประกันสังคม รอนานมาก สักพักทนไม่ไหวเลยเดินไปบอกพยาบาลว่า "พี่หนูปวดตามาก ทำอะไรเบื้องต้นให้ก่อนได้มั๊ยคะ" เขาตอบกลับมาว่า "รอคิวก่อนนะคะ" เราก็ไม่รู้จะทำไงในเมื่อเขาพูดแบบนั้น เราก็ต้องกลับมานั่งรอวนไปค่ะ
            3 ชม.ผ่านไป เป็น 3 ชม. ที่ทรมานมาก ในที่สุดก็ได้เข้าพบหมอแล้วค่ะ แต่เนื่องจากหมอประกันสังคมไม่ใช่หมอเฉพาะทางตาและไม่มีเครื่องมือตรวจเลย หมอบอกกับเราว่า "หมอไม่รู้จะทำอะไรให้นอกจากล้างตาแล้วให้รอพบหมอตา 17.30 น. รอไหวมั๊ย" เราไม่ตอบค่ะ แต่ว่าหน้าเราคงตอบว่าไม่ไหวอ่ะคะคุณหมอมั้งคะ หมอมองหน้าเราสักพักแล้วให้ผู้ช่วยโทรไปหาหมอตาที่นัดเราว่าให้ทำอะไรให้คนไข้ก่อนได้บ้าง หมอตาคนนั้นก็บอกว่า "ไม่ต้องทำอะไรให้" ตอนนั้นโลกของเรามันมืดมิดเลย ความเครียดเข้าครอบงำ เครียดมากกลัวตาบอดค่ะ แต่หมอประกันสังคมพูดว่า "ไม่ทำอะไรให้ได้ไง ตาบวมตุ๋ยขนาดนี้" แล้วหมอประกันสังคมก็บอกให้ผู้ช่วยโทรไปที่แผนกตาเพื่อขอคำแนะนำว่าให้ทำอะไรให้คนไข้ก่อนได้บ้าง แล้วเป็นโชคดีของเราที่มีหมอเฉพาะทางตา(ที่รักษาคนไข้จ่ายเงินเอง) รับเครสเราไปตรวจ เราใจชื้นขึ้นมาก รอเอกสารประมาณ 10 นาทีก็ไปตึกที่หมอตาท่านนั้นอยู่ หมอน่ารักมาก ถามอาการและให้คำแนะนำทุกอย่างเลย หมอก็ส่องกล้องและป้ายสีตาเพื่อดูว่าตามีแผลมั๊ย สรุปหมอบอกว่า "ตาเป็นแผลค่ะ เนื่องจากเราขยี้ตา และใส่คอนเเท๊กตาเลยเป็นแผลใหญ่กว่าคนที่ไม่ได้ใส่คอนเเท๊กค่ะ" หมอทายาป้ายตาให้ และปิดตาไว้ เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าตาและเพื่อไม่ให้เรากระพริบ เพราะเวลากระพริบตาทำให้ตาเป็นแผลมากขึ้น แล้วให้กลับบ้านพรุ่งนี้นัดดูอาการใหม่ค่ะ พอกลับบ้านเราปวดแผลมาก ลืมตาขวาไม่ได้เลย พอลืมตาขวาตาซ้ายก็ลืมตามทำให้ปวดมาก เลยแก้ไขโดยการไม่ลืมตาเลย อยู่แบบคนตาบอด ตอนนั้นเข้าใจความรู้สึกผู้พิการทางสายตามาก จิตใจนี่คิดไปไกลเลยถ้าเราตาบอดจะทำยังไง ร้องไห้ก็ไม่ได้เพราะเวลาร้องไห้จะเเสบตามาก ต้องข่มใจให้เข็มแข็งไว้
             วันที่ 1/12/2561 มาตามนัดหมอ วันนี้เราก็ยังปวดตาอยู่ค่ะไปถึงโรงพยาบาลหมอก็เปิดผ้าปิดตาออก เราลุ้นมากว่าเราจะมองเห็นชัดเหมือนเดิมมั๊ย แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวังค่ะ เรายังมองไม่ชัดค่ะ หมอก็ป้ายยาที่ตาให้ แล้วปิดตาเหมือนเดิมค่ะ พรุ่งนี้หมอนัดมาดูอาการอีกวัน
             วันที่ 2/12/2561 มาตามนัดหมอ วันนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ เรายังมองไม่ชัดเหมือนเดิม หมอก็ป้ายตาและปิดตาให้เหมือนเดิม
             วันที่ 3/12/2561 มาตามนัดหมอ พอหมอเปิดผ้าปิดตาเท่านั้นแหละค่ะดีใจมากกกก เรามองเห็นชัดแล้ววววอมยิ้ม01 แต่เรายังปวดตาอยู่นะคะ น้ำตายังไหลอยู่ และหมอก็บอกว่าไม่ต้องปิดตาแล้ว ให้ยาฆ่าเชื้อกับน้ำตาเทียมมาหยอดแล้วนัดดูอาการอีกวันพรุ่งนี้ค่ะ ดีใจมาก โล่งอกมากกก
             วันที่ 4/12/2561 มาตามนัดหมออีกวัน วันนี้หมอส่องกล้องดูอาการเหมือนเดิมค่ะ หมอบอกว่ายังติดเชื้อและยังอักเสบอยู่ให้หยอดตาอีก 2 อาทิตย์มาดูอาการใหม่ และเป็นอะไรที่ดีมากได้หยุดงาน 1 อาทิตย์ 5555+++ (เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ดีใจหรอกค่ะ ไม่ป่วยดีกว่าเนาะ)
             และตอนนี้หายเป็นปกติแล้วค่ะ เพื่อนคนไหนเคยเจอเหตุการณ์แบบบ้างมาเเชร์กันได้นะคะ
ปล.เราเขียนได้ไม่ดีไม่น่าอ่านเท่าไรต้องขออภัยด้วยนะคะ ไม่เคยเขียนกระทู้ยาวขนาดนี้มาก่อนเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่