(แชร์ประสบการณ์) เที่ยวยุโรป กระเป๋าถูกขโมย เอกสาร Vat Refund และใบเสร็จต่างๆหาย ทำยังไงให้ได้Vat refundคืน

เหตุการณ์เกิดระหว่างการเดินทางโดนรถไฟจากปารีสไปอัมสเตอดัม ผมกับแฟนมีกระเป๋า carry-on กับเป้ คนละใบ รวมทั้งหมด 4ใบวางเอาไว้บนชั้นวางกระเป๋าเหนือที่นั่งของเรา ช่วงใกล้ถึงสถานี Rotterdam ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งเบาะแถวเดียวกันและมีท่าทีแปลกๆ กดมือถือตลอดเวลาแต่เป็นมือถือสมัยก่อนที่ส่งแต่textและโทรออกได้ อารมณ์ประมาณโนเกีย3310และก็มีผู้ชายอีกหนึ่งคนเดินไปเดินมาตลอดเวลาทั้งคู่แต่ตัวดีใส่สูทรเหมือนทำงานออฟฟิศปกติ พอรถไฟใกล้ถึงสถานี Rotterdam ผู้ชายคนที่นั่งแถวเดียวกับผมก็ลุกขึ้นแล้วทำเหรียญหล่นลงพื้นบริเวณใต้เเท้าผมเลยแล้วก็บอกให้ช่วยเก็บเหรียญหน่อย หล่นเยอะมากเก็บเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที แต่แฟนผมเขาระวังตัวอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้ก้มลงเก็บ ขณะเดียวกันตาเขาก็มองผู้ชายคนที่เดินไปเดินมา เนื่องจากว่าก่อนที่เราจะมาเที่ยวแฟนผมอ่านพันทิพย์มาเยอะ ก็ระวังตัวกันอย่างสุดขีด แต่จนแล้วจนเล่าก็พลาดจนได้ ระหว่างที่ผมกำลังเก็บเหรียญอยู แฟนผมก็มองไปที่ผู้ชายอีกคนที่ว่าเดินไปเดินมา แล้วผู้ชายคนนั้นก็ดันพยักหน้าแล้วชี้บอกให้แฟนผมช่วยเก็บเหรียญที่พื้น แฟนผมก็แค่คิดเอะใจว่าทำไมยังเก็บไม่หมดสักที เขาเลยก้มหน้าลงไปหยิบถึงพลาสติกที่วางอยู่ที่เท้าขึ้นเพื่อจะได้ให้หยิบเหรียญง่ายๆ ทันใดนั้นรถไฟก็จอดและผู้ชายสองคนนั้นก็ลงรถไฟไปพอดี พอรถไฟใกล้จะออกผมก็ลุกขึ้นมองไปกระเป๋าบน หัวใจนี่หล่นไปตาตุ่มทันที เลยรีบวิ่งไปที่ประตูรถไฟแล้วชโงกหน้าออกไปดูก็ไม่เจอใครแล้ว กำลังจะวิ่งตามลงไปพนักงานขบวนรถไฟก็บอกให้กลับขึ้นไปพราะรถไฟจะออกแล้ว ผมเลยตะโกนบอกไปว่ากระเป๋าโดนขโมย จะให้ทำยังไง ฉันจะต้องไปตามกระเป๋า พนักงานก็ยืนยันว่ารถไฟจะออกแล้วให้กลับขึ้นบนรถ คิดในใจว่าถึงวิ่งตามก็ไม่น่าจะทันแล้วอีกอย่างเผลอๆตามไปเจอมันหลายคนก็ไม่รู้จะทำยังไงอาจจะแย่กว่าเดิม สรุปคือกระเป๋าของผมหายไปทั้งสองใบเหลือแต่ของแฟนที่ยังอยู่ มันเร็วมาก คิดในใจว่าเราโดนเข้าจนได้ ตอนออกจากปารีสก็ดีใจว่าเราไม่โดนอะไร แต่ก็ไม่ได้นึกว่าจะโดนบนรถไฟ พอกลับขึ้นมานั่งก็มองหน้ากันกับแฟน แฟนก็น้ำตาซึมๆ ผมก็ตระโกนถามคนในโบกี้นั้นว่ามีใครเห็นคนถือกระเป๋าแบบนี้ลงไปบ้างไหม (Carry-on bagของผมกับแฟนแบบเหมือนกัน) ก็มีผู้ชายคนนึงบอกเห็นมีคนถือกระเป๋าแบบนี้เดินลงไปเมื่อกี้ ทุกคนแลดูตกใจกับเหตุการที่เกิดขึ้น หัวหน้าขบวนรถไฟก็เดินมานั่งคุยและสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็แสดงความเสียใจ ขอโทษด้วย แล้วก็บอกว่าโจรพวกนี้มันทำงานเป็นทีม พนักงานรถไฟเองก็พยายามสอดส่องเป็นตาแต่ก็หลุดรอดไปได้ ยิ่งกว่านั้นคือหัวหน้ารถไฟมีรูปถ่ายของคนที่โปรยเหรียญลงพื้นด้วย มันจริงๆด้วยแต่ก็หลุดรอดสายตานางไปได้ นางบอกว่ามีเพื่อนพนักงานแอบถ่ายเอาไว้ซึ่งจริงๆแล้วผิดกฏหมาย นางยังบอกอีกว่าเคสโดนขโมยกระเป๋าล้วนแล้วแต่เป็นเอเชียที่โดน อารมณ์ประมาณว่าหัวดำมาเที่ยวยุโรปต้องมีเงิน ซื้อของแบรนเนม ยังไงๆก็ต้องมีเงิน แล้วพวกนี้ถ้ามันได้หมายหัวไว้แล้วมันก็จะต้องขโมยให้ได้

แล้วผู้ชายคนที่บอกเห็นมีคนถือกระเป๋าแบบของเราลงไป ก็เดินมาคุยแล้วก็แชร์ประสบการณ์ว่าเค้าเองก็เพิ่งโดนล้วงกระเป๋าบนรถไฟเหมือนกัน สักพักก็มีผู้หญิงวัยรุ่นเดินมาพร้อมกับยื่นช็อคโกแลตให้1กล่องแล้วบอกว่า “ฉันหวังว่าอย่างน้อยชอคโกแลตนี้จะช่วยทำให้เธอผ่อนคลายได้บ้าง” น้ำตาจะไหลเลยทีเดียว ผมกับแฟนรับรู้ได้ถึงการที่คนรอบข้างซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนว่าทำไมเขาดีจัง รับรู้ความรู้สึกแย่ของคนรอบข้างด้วย พวกเขาเองก็คงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย อารมณ์เจ้าบ้าน และก็ช่วยในสิ่งที่ช่วยได้ ประทับใจมากครับ เราก็ได้แต่ขอบคุณและยิ้มเจื่อนๆ อย่างน้อยพาสปอร์ตและเงินทั้งหมดก็อยู่กับตัว ถือว่ายังมีบุญ ถ้าพาสปอร์ตหายนี่เรื่องใหญ่ เพราะวันที่เกิดเหตุคือคืนวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์สถานฑูตปิด และเราต้องเดินทางกลับวันจันทร์
ผมเองก็มานั่งนึกว่ามีอะไรบ้างในกระเป๋า มีMacbook, แว่นกันแดด กล้องถ่ายรูป กระเป๋าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ที่ปารีส และกระเป๋าcarry-onเองที่มีมูลค่า
และเอกสาร Vat Refund, Receipts ต่างๆในการยื่นขอ Vat Refund (อยากจะร้องไห้ที่ว่า อุตส่าห์ดีใจซื้อของได้ถูกเพราะจะได้ภาษีคืน กลับกลายเป็นว่าของก็หาย ภาษีก็ไม่ได้คืนอีกเหรอเนี่ยะ) ทำไงได้ มันเกิดขึ้นมาแล้ว เดินหน้าต่อเรา เลยมานั่งคิดกันสองคนต่อว่าจะทำยังไงต่อไป สิ่งไหนที่จะต้องทำหลังจากถึง Amsterdam เพราะไม่มีทางจะได้ของคืนร้อยเปอร์เซ็นอยู่แล้ว แฟนผมนึกได้ว่า บัตรเครดิตที่ใช้ซื้อตั๋วรถไฟมีbenefitคุ้มครองในกรณีกระเป๋าหายหรือโดนขโมย  แล้วเอกสารอะไรบ้างหละที่เราจะต้องการจากที่นี่ก่อนกลับเมกา (ลืมบอกไปว่าผมสองคนอยู่ที่เมกา)
1 police report
2 ติดต่อบริษัทรถไฟ ขอเอกสารรับรองว่าบริษัทรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ก็ตาม

พอลงสถานี เราสองคนก็เดินไปที่ info center ถามพนักงานว่าเราจะได้สถานีตำรวจได้ยังไง โชคดีที่เป็นสถานีใหญ่และมีออฟฟิศตำรวจอยู่ด้านบน เราเลยรีบเดินขึ้นไปและเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง ตำรวจน่ารักมาก พูดจาเพราะให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี เอาเอกสารมาให้เรากรอกรายละเอียดว่ามีอะไรหาย เวลาที่เกิตเหตุ และอื่นๆ จนเราได้ police reportมาซึ่งเป็นภาษา Dutch (แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเขียนว่าอะไร) คุณตำรวจก็มาแปลให้ฟังถึงรายละเอียดและเนื้อหาทั้งหมด (ทีแรกนึกว่า Holland จะไม่ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนฝรั่งเศษ)ผิดคลาดเพราะที่นี่เค้าพูดได้ทุกคนและพูดเหมือนอเมริกันด้วย ฟังง่าย หลังจากออกสถานีตำรวจ เราก็เช็คอินเข้าที่พักแบบซึมๆ และมองหน้ากันด้วยความสงสารซึ่งกันและกัน

ปล.แฟนผมโทรไปบริษัทเครดิตและถามว่าเอกสารที่จะต้องใช้เคลมมีอะไรบ้าง เราก็จะได้รวบรวมเอกสารก่อนเดินทางกลับให้ได้มากที่สุด

ลืมบอกไปว่าผมมีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้นแต่งงานอยู่ที่Amsterdam พอวันรุ่งขึ้นเพื่อนก็มารอที่โรงแรม และนางก็พาไปที่จองตั๋วรถไฟบริษัทที่ผมนั่งมาจากปารีสเพื่อที่จะให้ทางบริษัทออกเอกสารว่าได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อแฟนผมจะได้เอาไปยื่นตอนเคลมกับบริษัทบัตรเครดิต แต่พนักงานบอกว่าบริษัทใหญ่อยู่ที่ฝรั่งเศษ ที่นี่ไม่มีออฟฟิศ และที่สำคัญคือทางบริษัทรถไฟไม่มีนโยบายออกเอกสารหรือลายลักษณ์อักษรให้กับผู้โดยสารในกรณีนี้ เดินคอตกกันเลยทีเดียว
(สำหรับคนที่ไม่ทราบว่า Vat Refundต้องทำยังไงนะครับ คือ หลังจากเราซื้อของแล้วทางร้านจะขอข้อมูลเลขพาสปอร์ตและทำการกรอกข้อมูลใส่ลงไปในระบบแบบออนไลน์แล้วข้อมูลจะLink ไปที่ Global blueซึ่งเป็นบริษัทตัวกลางทำเรื่องคืนเงินค่าภาษีให้เรา จริงแล้วมีหลายบริษัทแล้วแต่ว่าร้านค้านั้นจะใช้บริการจากบริษัทอะไร เอกสารที่เราจะต้องได้รับจากทางร้านค้าจะมีใบเสร็จและVat refund form วันเดินทางกลับเราจะต้องเอาVat Refund Formไปให้ Customประทับตาแล้วค่อยนำฟอร์มนี้ไปยื่นให้กับบริษัทที่รับคืนเงินอีกที สำคัญที่สุดคือต้องมีการประทับตาที่เอกสาร ไม่ฉะนั้นทางบริษัทจะไม่รับเอกสารและไม่คืนเงินให้) แล้วเรื่อง Vat Refundหละ ทำยังไงดี จะทำยังไงให้ได้คืน ใบเสร็จทั้งหมดก็หาย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด วันเสาร์นั้นที่ปารีสมีประท้วงครั้งใหญ่ ทุกร้านบนถนน Champs Elyseesก็ปิดหมด จะโทรไปให้ทางร้านแฟกซ์ใบเสร็จมาให้ก็ไม่ได้อีก บาปบุญนึกออกว่าร้านที่ซื้อของส่งใบเสร็จมาที่อีเมลย์ด้วยนี่นา อย่างน้อยก็ยังปริ้นออกมาใหม่ได้ แล้ว Vat Refund Formหละเราจะทำยังไงดี  ยังดีที่ตอนซื้อของเสร็จถ่ายรูปเอาไว้ทั้งหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือไม่ ผมเองก็หาข้อมูลบนเน็ต ก็ยังไม่มีใครพูดถึงเคสแบบนี้ว่าเอกสารหายแล้วจะได้ภาษีคืนไหม หรือวิธีว่าต้องทำยังไงได้บ้าง หรือว่าหายแล้วก็คือจบไม่มีทางได้คืนเพราะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเราเอง แฟนเลยบอกว่าถ้างั้นเราก็ไปสนามบินเลย ไปเล่าให้Customคนที่จะประทับตรา กับบริษัทGlobal Blueเลยว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ เรามีPolice reportถือไปให้ดู แล้วเขาจะช่วยอะไรเราได้บ้าง


มีต่อครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่