คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ต้องไปผ่อน
ให้เก็บเงินไว้
รอจนไฟแนนซ์ฟ้อง
แล้วค่อยจ่าย (เอาเงินที่เก็บไว้ไปจ่าย)
ตามคำพิพากษาของศาลที่ให้จำเลยจ่าย (ย้ำว่าตามคำพิพากษานะ ไม่ใช่ตามที่โจทก์ฟ้อง)
ซึ่งศาลจะให้จำเลยจ่ายน้อยกว่าที่โจกท์ฟ้องพอสมควร
หลังจากจ่ายไปแล้วคุณก็ไปไล่เบี้ยเอาคืนกับลูกหนี้ต่อไป
ถ้าลูกหนี้ไม่มีจ่ายคุณก็ไปฟ้อง แล้วหาทางยึดทรัพย์ลูกหนี้เอา
มีระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี
ส่วนเรื่องติดเครดิตบูโร ก็ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างนี้จะไปขอกู้เงินอะไรไหม ก่อนที่จะจ่ายตามคำพิพากษา
ปล.ไม่ต้องไปโทษกฎหมาย คนที่เซ็นต์เอกสารมีความรับผิดในสิ่งที่ตัวเองเซ็นต์ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้
ให้เก็บเงินไว้
รอจนไฟแนนซ์ฟ้อง
แล้วค่อยจ่าย (เอาเงินที่เก็บไว้ไปจ่าย)
ตามคำพิพากษาของศาลที่ให้จำเลยจ่าย (ย้ำว่าตามคำพิพากษานะ ไม่ใช่ตามที่โจทก์ฟ้อง)
ซึ่งศาลจะให้จำเลยจ่ายน้อยกว่าที่โจกท์ฟ้องพอสมควร
หลังจากจ่ายไปแล้วคุณก็ไปไล่เบี้ยเอาคืนกับลูกหนี้ต่อไป
ถ้าลูกหนี้ไม่มีจ่ายคุณก็ไปฟ้อง แล้วหาทางยึดทรัพย์ลูกหนี้เอา
มีระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี
ส่วนเรื่องติดเครดิตบูโร ก็ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างนี้จะไปขอกู้เงินอะไรไหม ก่อนที่จะจ่ายตามคำพิพากษา
ปล.ไม่ต้องไปโทษกฎหมาย คนที่เซ็นต์เอกสารมีความรับผิดในสิ่งที่ตัวเองเซ็นต์ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องกฏหมาย
หากว่าเราเคยค้ำประกันรถให้กับเพื่อน แล้วก็จากกันไปไม่เคยเจอกันราว 2 ปี
อยู่ๆ ก็มีจดหมายมาถึงเรา แจ้งว่า รถได้ขายทอดตลาดไปแล้ว มีมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ คำนวนณวันที่ ........ จำนวน 65142 ให้เราไปจ่าย หากไม่จ่ายก็มีดอกเบี้ยเข้าไปอีก เราต้องทำยังไงดี เพื่อนคนนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้อีก
วันนั้นดวงซวยจริงๆ พอดีกลับบ้านต่างจัดหวัด แล้วเขาให้ไปค้ำซื้อรถ ตอนแรกก็คิดว่า เงินเดือนน้อยเราคงค้ำให้ไม่ได้ก็เลยไปกับเขาอย่างเสียไม่ได้ แต่ไปถึง ธนาคารกลับบอกว่าได้ เลยไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไร ก็เลยตกกระไดพลอยโจน แบบนี้เราต้องทำไงดี 6 หมื่นนี่หาไม่ได้หรอก หนี้สินตัวเองก็ยังมีอยู่ สางไม่หมดเลย เขาจะทำยังไงกับเราอ่ะ รถก็ไม่ได้ใช้ บอกตรงๆ ซวยจริงๆ