สวัสดีค่ะ วันนี้ จขกท อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการได้ไปเที่ยวที่เมือง เซี่ยงไฮ้ หางโจว เเละ นานจิง เป็นเวลา 5 วัน เต็ม ซึ่งเป็นการไปเที่ยวคนเดียวครั้งเเรก ทริปที่เราไปจะใช้เวลาอยู่ในเเต่ละเมืองไม่มากเท่าไร เน้นเดินชมเมือง ชมสถานที่สำคัญๆ เเละเดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟความเร็วสูง
ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเราอยากพักผ่อน ชาร์จเเบตให้กับชีวิต เพราะมีโปรเจ็กต์ใหญ่มาตลอดทั้งปี พอขอลาหยุดได้จึงเเพลนทริปทันที ก่อนเดินทางมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 อาทิตย์ ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่มาจากในพันทิปกับเว็บ Travel China Guide เป็นหลัก เราออกเดินทางด้วยสายการบิน China Eastern Airline บินไปลงที่ นานจิง ไฟล์ทก็ปกติ ไม่มีดีเลย์อะไร บริการโอเค นอนยาวๆ พอลงเครื่องผ่านตม. ก็ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ก็รีบจับรถ Airport Bus ราคา 20 หยวน เพื่อไปที่สถานีรถไฟ Nanjing South Railway Station เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า จะมีป้ายบอกเลยค่ะว่า Airport Bus ออกประตูไหน ตรงบริเวณที่จอดรถจะมีตู้ออกตั๋ว จนท ให้เราบอกไปสาย 2 จนท จะให้ตั๋วมาเเบบนี้ค่ะ เเล้วจะชี้ทางให้เราไปขึ้นคันที่ถูกต้อง **ที่สนามบินไม่มี SIM ขายนะคะ เเจ้งไว้ก่อน เพื่อคนที่ไม่ได้เปิด Roaming ไปค่ะ**
หน้าตาตั๋วรถ Airport Shuttle Bus

มาถึงรถบัสก็จะมีคุณลุงคอยยกกระเป๋าเก็บให้ เเล้วเราเก็บบัตรฝากกระเป๋าไว้ รถจะออกทุกๆ 20 นาที เราโชคดีขึ้นไปรอแค่ 5 นาทีรถก็ออก ขับยาวๆประมาณ 30 นาทีได้ก็มาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงค่ะ เราจะจับรถไฟไปเซี่ยงไฮ้เวลา 12:38 น โดยจะลงที่ Shanghai Hongqiao Station เราเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างเยอะมาก เพราะเป็นการขึ้นรถไฟความเร็วสูงครั้งเเรกของเรา อยากจะสังเกตการณ์ก่อน การเดินทางครั้งเเรกเราจองผ่านเว็บไซต์ trip.com ตัดบัตรเครดิต ขั้นตอนสะดวกสบายมาก เเล้วก็จะได้อีเมลล์ที่มีเลขที่การจอง เราก็นำเลขที่การจองนี้ไปแลกที่ Ticket Office ที่สถานีรถไฟ หากจองผ่านเว็บไซต์ที่นั่งจะเป็นการสุ่มไม่สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งริมหน้าต่างหรือทางเดิน

รถบัสจะมาจอดให้เราลงที่ Departure Hall ชั้น 2 นะคะ สถานีรถไฟที่นี้กว้างใหญ่ราวกับสนามบินหย่อมๆเลย เเบ่งเป็น 2 ชั้นหลักๆ คือ ชั้น 1 เป็นชั้น Ticket Office ชั้น 2 เป็น Departure Hall ชั้น 3 เหมือนชั้นลอย เป็นร้านอาหารเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไรกินมาก ก่อนเข้า Departure Hall เราต้องผ่านด่านตรวจ ID หรือ Passport บัตรโดยสาร เเละกระเป๋าก่อน ตรงนี้บางสถานีเเละบางช่วงเวลาจะมีคนเยอะมาก ควรจะต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย พอถึงคิวเรายื่นโทรศัพท์ที่มีเลขที่ตั๋วกับพาสปอร์ต จนท ก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย เเต่สุดท้ายก็ให้เข้าไป (ปรากฏว่าจริงๆเเล้วเราต้องลงไปออกตั๋วให้เรียบร้อยที่ชั้นล่างก่อน) พอเราผ่านจุดนี้เข้าไปได้ เราเลยเดินไปที่ Information ค่ะ เเล้วถามเรื่องออกตั๋ว จนท ที่โต๊ะนี้สามารถออกตั๋วให้ได้เลย โชคดีไม่ต้องลงไปเเล้วขึ้นมาผ่านด่านตรวจอีกรอบ จากนั้นก็เดินไปดูที่จอตารางเดินรถขนาดใหญ่ค่ะ เพื่อเช็คว่า Check Point เราคือ ประตูไหน โดยปกติเเล้วจะมี Check Point 2 ฝั่ง เช่น 1A เเละ 1B จะอยู่คนละฝั่งกัน ขบวนเดียวกันอาจจะมี check point ทั้ง 2 ฝั่ง ต้องเช็คเลขที่นั่งด้วยค่ะ จากนั้นก็พาตัวเองไปรอใกล้ๆกับ Check Point ค่ะ ครั้งเเรกของเรา เราก็เดินลากกระเป๋าวนไปวนมาหาจุด Check Point ค่ะ เพราะมันมีเกือบ 40 จุด!!!
หน้าตา Check Point ค่ะ ตรงจอจะมีสถานะไฟบอก ถ้าไฟสีเหลืองคือยังเเตะบัตรเข้าไม่ได้เเต่ถ้าเห็นคนจีนไปยืนต่อคิวเราก็ควรไปต่อค่ะ ไฟเขียวคือประตูเปิดเเล้ว สามารถสอดบัตร หรือยื่นให้เจ้าหน้าที่ เเล้วเข้าไปรอที่ชานชาลาได้ เเละไฟแดงคือ Last call ค่ะ ประตู จุด Check in สำหรับเเต่ละขบวนปิดเร็วนะคะ เค้าให้เวลาตั้งเเต่ประตูเปิด-ปิด ประมาณแค่ 10 นาทีเอง เเละประตูจะปิด5 นาทีก่อนรถไฟออก

ลงมาถึงชานชาลา ตรงพื้นจะมีเขียนว่าตู้ที่เรานั่งต้องยืนรอตรงไหน เเต่เอาจริงๆตรงนี้ดูบางครั้งก็งง ขนาดเรายังมีคนจีนเดินมาถามเลย พอรถไฟมาถึงให้เล็งที่เลขตู้จะดีกว่า ของเราเป็นตู้ First Class เจ้าหน้าที่ก็มาช่วยเอากระเป๋าไปวาง ถ้าใครมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็สามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้ เค้าจะเข็นไปวางไว้หลังเบาะของแถวสุดท้าย ไม่ต้องกลัวหายค่ะ หลับยาวไปได้เลย
ตู้ขบวนรถ

บรรยากาศชานชาลา

ภายในตู้ First Class

ที่นั่ง First Class แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ที่นั่ง เบาะกว้าง เอนได้สุดๆไปเลย มีที่วางแขน มีที่วางเท้า มีโต๊ะที่สามารถกางออกมาทำงานหรือกินข้าวได้ และบางขบวนจะมีที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ให้ด้วย

ในขบวนจะมีตู้น้ำร้อนให้กดฟรี มีห้องน้ำให้เข้า ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าห้องน้ำตู้ First Class จะเป็นยังไงปรากฏว่าสะอาดดีมาก ประทับใจ ตู้เราจะติดกับตู้ Second Class เรามองเข้าไปที่นั่งจะแบ่งเป็น 2ฝั่ง ฝั่งละ 3 ที่นั่ง ค่อนข้างแคบค่ะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวเราแนะนำว่านั่งแบบ First Class ดีกว่านะคะ เพราะชั้น Second Class ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนมากกว่า

หน้าตาบัตรจะเป็นเเบบนี้ค่ะ

พอใกล้จะถึงจะมีเจ้าหน้าที่เดินประกาศ ถ้ากลัวหลับยาวเราเเจ้งให้ จนท เค้าปลุกเราก็ได้ ใครลงปลายทางเลยก็ไม่ต้องรีบมาก เเต่ถ้าใครลงระหว่างทาง พอได้ยินเสียงประกาศอาจจะต้องรีบมาเก็บกระเป๋าเเละไปยืนรอที่ประตูทางออก เพราะจะมีคนมาออกันเยอะค่ะ
สถานี Shanghai Hongqiao Station ใหญ่โตมากค่ะ ใหญ่แบบเรายืนงง เลย สถานีนี้คนจีนเบียดกันตรงที่สอดบัตรออจากประตูผู้โดยสารขาออกเยอะมาก ใครมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็ลากมากันตัวเองเลย พอออกมาซ้ายมือจะเป็นทางไปเชื่อม รถไฟใต้ดิน (Metro) ของที่นี้ ถ้าเดินตรงไปจะเป็นทางไปเรียก Taxi เข้าเมืองค่ะ เราเลือกที่จะไปแท็กซี่เพราะว่าเดินทางมาตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว ตรงจุดเรียกเเท็กซี่ มีอยู่คันนึงไม่ยอมรับผู้โดยสารทั้งๆที่ผู้โดยสารเข้าไปนั่งในรถเเล้ว เจอเจ้าหน้าที่เข้าไปต่อว่าเเละไล่ออกไปจากจุดจอดรถเลยค่ะ
จบรีวิวสำหรับการเดินทางสู่ประเทศจีน เเละการเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราในวันแรกนะคะ เดี๋ยวจะมาต่อที่เมืองเซี่ยงไฮ้กันค่ะ
[CR] Mini Review : ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวจีนแบบชิวๆ
ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเราอยากพักผ่อน ชาร์จเเบตให้กับชีวิต เพราะมีโปรเจ็กต์ใหญ่มาตลอดทั้งปี พอขอลาหยุดได้จึงเเพลนทริปทันที ก่อนเดินทางมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 อาทิตย์ ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่มาจากในพันทิปกับเว็บ Travel China Guide เป็นหลัก เราออกเดินทางด้วยสายการบิน China Eastern Airline บินไปลงที่ นานจิง ไฟล์ทก็ปกติ ไม่มีดีเลย์อะไร บริการโอเค นอนยาวๆ พอลงเครื่องผ่านตม. ก็ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ก็รีบจับรถ Airport Bus ราคา 20 หยวน เพื่อไปที่สถานีรถไฟ Nanjing South Railway Station เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า จะมีป้ายบอกเลยค่ะว่า Airport Bus ออกประตูไหน ตรงบริเวณที่จอดรถจะมีตู้ออกตั๋ว จนท ให้เราบอกไปสาย 2 จนท จะให้ตั๋วมาเเบบนี้ค่ะ เเล้วจะชี้ทางให้เราไปขึ้นคันที่ถูกต้อง **ที่สนามบินไม่มี SIM ขายนะคะ เเจ้งไว้ก่อน เพื่อคนที่ไม่ได้เปิด Roaming ไปค่ะ**
หน้าตาตั๋วรถ Airport Shuttle Bus
มาถึงรถบัสก็จะมีคุณลุงคอยยกกระเป๋าเก็บให้ เเล้วเราเก็บบัตรฝากกระเป๋าไว้ รถจะออกทุกๆ 20 นาที เราโชคดีขึ้นไปรอแค่ 5 นาทีรถก็ออก ขับยาวๆประมาณ 30 นาทีได้ก็มาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงค่ะ เราจะจับรถไฟไปเซี่ยงไฮ้เวลา 12:38 น โดยจะลงที่ Shanghai Hongqiao Station เราเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างเยอะมาก เพราะเป็นการขึ้นรถไฟความเร็วสูงครั้งเเรกของเรา อยากจะสังเกตการณ์ก่อน การเดินทางครั้งเเรกเราจองผ่านเว็บไซต์ trip.com ตัดบัตรเครดิต ขั้นตอนสะดวกสบายมาก เเล้วก็จะได้อีเมลล์ที่มีเลขที่การจอง เราก็นำเลขที่การจองนี้ไปแลกที่ Ticket Office ที่สถานีรถไฟ หากจองผ่านเว็บไซต์ที่นั่งจะเป็นการสุ่มไม่สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งริมหน้าต่างหรือทางเดิน
รถบัสจะมาจอดให้เราลงที่ Departure Hall ชั้น 2 นะคะ สถานีรถไฟที่นี้กว้างใหญ่ราวกับสนามบินหย่อมๆเลย เเบ่งเป็น 2 ชั้นหลักๆ คือ ชั้น 1 เป็นชั้น Ticket Office ชั้น 2 เป็น Departure Hall ชั้น 3 เหมือนชั้นลอย เป็นร้านอาหารเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไรกินมาก ก่อนเข้า Departure Hall เราต้องผ่านด่านตรวจ ID หรือ Passport บัตรโดยสาร เเละกระเป๋าก่อน ตรงนี้บางสถานีเเละบางช่วงเวลาจะมีคนเยอะมาก ควรจะต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย พอถึงคิวเรายื่นโทรศัพท์ที่มีเลขที่ตั๋วกับพาสปอร์ต จนท ก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย เเต่สุดท้ายก็ให้เข้าไป (ปรากฏว่าจริงๆเเล้วเราต้องลงไปออกตั๋วให้เรียบร้อยที่ชั้นล่างก่อน) พอเราผ่านจุดนี้เข้าไปได้ เราเลยเดินไปที่ Information ค่ะ เเล้วถามเรื่องออกตั๋ว จนท ที่โต๊ะนี้สามารถออกตั๋วให้ได้เลย โชคดีไม่ต้องลงไปเเล้วขึ้นมาผ่านด่านตรวจอีกรอบ จากนั้นก็เดินไปดูที่จอตารางเดินรถขนาดใหญ่ค่ะ เพื่อเช็คว่า Check Point เราคือ ประตูไหน โดยปกติเเล้วจะมี Check Point 2 ฝั่ง เช่น 1A เเละ 1B จะอยู่คนละฝั่งกัน ขบวนเดียวกันอาจจะมี check point ทั้ง 2 ฝั่ง ต้องเช็คเลขที่นั่งด้วยค่ะ จากนั้นก็พาตัวเองไปรอใกล้ๆกับ Check Point ค่ะ ครั้งเเรกของเรา เราก็เดินลากกระเป๋าวนไปวนมาหาจุด Check Point ค่ะ เพราะมันมีเกือบ 40 จุด!!!
หน้าตา Check Point ค่ะ ตรงจอจะมีสถานะไฟบอก ถ้าไฟสีเหลืองคือยังเเตะบัตรเข้าไม่ได้เเต่ถ้าเห็นคนจีนไปยืนต่อคิวเราก็ควรไปต่อค่ะ ไฟเขียวคือประตูเปิดเเล้ว สามารถสอดบัตร หรือยื่นให้เจ้าหน้าที่ เเล้วเข้าไปรอที่ชานชาลาได้ เเละไฟแดงคือ Last call ค่ะ ประตู จุด Check in สำหรับเเต่ละขบวนปิดเร็วนะคะ เค้าให้เวลาตั้งเเต่ประตูเปิด-ปิด ประมาณแค่ 10 นาทีเอง เเละประตูจะปิด5 นาทีก่อนรถไฟออก
ลงมาถึงชานชาลา ตรงพื้นจะมีเขียนว่าตู้ที่เรานั่งต้องยืนรอตรงไหน เเต่เอาจริงๆตรงนี้ดูบางครั้งก็งง ขนาดเรายังมีคนจีนเดินมาถามเลย พอรถไฟมาถึงให้เล็งที่เลขตู้จะดีกว่า ของเราเป็นตู้ First Class เจ้าหน้าที่ก็มาช่วยเอากระเป๋าไปวาง ถ้าใครมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็สามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้ เค้าจะเข็นไปวางไว้หลังเบาะของแถวสุดท้าย ไม่ต้องกลัวหายค่ะ หลับยาวไปได้เลย
ตู้ขบวนรถ
หน้าตาบัตรจะเป็นเเบบนี้ค่ะ
พอใกล้จะถึงจะมีเจ้าหน้าที่เดินประกาศ ถ้ากลัวหลับยาวเราเเจ้งให้ จนท เค้าปลุกเราก็ได้ ใครลงปลายทางเลยก็ไม่ต้องรีบมาก เเต่ถ้าใครลงระหว่างทาง พอได้ยินเสียงประกาศอาจจะต้องรีบมาเก็บกระเป๋าเเละไปยืนรอที่ประตูทางออก เพราะจะมีคนมาออกันเยอะค่ะ
สถานี Shanghai Hongqiao Station ใหญ่โตมากค่ะ ใหญ่แบบเรายืนงง เลย สถานีนี้คนจีนเบียดกันตรงที่สอดบัตรออจากประตูผู้โดยสารขาออกเยอะมาก ใครมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็ลากมากันตัวเองเลย พอออกมาซ้ายมือจะเป็นทางไปเชื่อม รถไฟใต้ดิน (Metro) ของที่นี้ ถ้าเดินตรงไปจะเป็นทางไปเรียก Taxi เข้าเมืองค่ะ เราเลือกที่จะไปแท็กซี่เพราะว่าเดินทางมาตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว ตรงจุดเรียกเเท็กซี่ มีอยู่คันนึงไม่ยอมรับผู้โดยสารทั้งๆที่ผู้โดยสารเข้าไปนั่งในรถเเล้ว เจอเจ้าหน้าที่เข้าไปต่อว่าเเละไล่ออกไปจากจุดจอดรถเลยค่ะ
จบรีวิวสำหรับการเดินทางสู่ประเทศจีน เเละการเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราในวันแรกนะคะ เดี๋ยวจะมาต่อที่เมืองเซี่ยงไฮ้กันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น