จิตลับ...คนอำมหิต ตอนที่1 โดย:ธีร์ วรรณกร "บางครั้ง..ความรักและความต้องการอาจมิใช่หนทางแห่งความสุขในชีวิตเสมอไป.."

จิตลับ...คนอำมหิต (ตอนที่1)
โดยธีร์ วรรณกร


              “ฉันไมอยากฟังคำแก้ตัวชุ่ยๆของคุณ ออกไปซะ!!!” เสียงของหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบห้าปีตะโกนเอ็ดลั่นไล่ชายคนรักของเธอให้ออกไปพ้นๆบ้านของเธอ หลังจากที่การถกเถียงปัญหาในเรื่องส่วนตัวไม่ลงรอยกัน
“โธ่..นิ..ไม่เอาน่า...ฟังผมอธิบายก่อนสิ..!”  ชายหนุ่มพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้เธอมีอารมณ์เย็นลง
“อธิบายอะไรอีกล่ะจักร..? รูปภาพในมือถือและโพสต์ในเฟสฯของคุณมันก็บอกชัดอยู่แล้วนี่ ว่าคุณเห็นนังนั่นดีกว่าฉัน แอบไปมาหาสู่กันทั้งๆที่ฉันไม่รู้เรื่องเลยสักครั้ง.. คุณนอกใจฉัน!! คุณสวมเขาฉัน!! แล้วคุณยังมีหน้ามาหาฉันได้อีกเรอะ? คุณนี่มันยิ้มไม่รู้จักพอเสียจริงๆ..”
“นิ...ผมกับอ้อยเลิกกันนานแล้วนะ...ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว...ผมจะรักคุณและอยู่กับคุณเพียงคนเดียวนะนิ...” ชายหนุ่มที่ชื่อจักรทำเสียงอ่อน ในแววตาของเขามีความวิงวอนแฝงอยู่
“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้สำนึกกับฉันนะจักร..กี่หนแล้วที่คุณบอกว่าสำนึกๆ แต่คุณก็ไม่ทำตามที่คุณบอกกับฉัน นิสัยสันดานเจ้าชู้ของคุณ มันคงติดมาตั้งแต่โคตรเหง้าเชื้อสายแต่ไหนแต่ไรมาแล้วล่ะ..!!”  นิดากอดอกพูดสะบัดๆนัยน์ตาขุ่นเคือง เธอทิ้งท้ายประโยคนั้นหวังจะให้มันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของจักรพงษ์ชายคนรักแสนเจ้าชู้ของเธออย่างจี้ใจดำที่สุด  
และมันก็ได้ผล... ทันทีที่จักรได้ฟัง เขาก็ตาลุกวาวขึ้นขบกรามแน่น
“อะไรนะนิ..? คุณว่าอะไรนะ?!!!” ชายหนุ่มโพล่งคำถามลั่น หน้าร้อนผ่าวเลือดในกายเดือดปุดๆ
“ฉันบอกว่า...นิสัยเจ้าชู้ของคุณน่ะ มันคงติดมาจากโคตรเหง้าของคุณแต่ปางไหนแก้ไม่หายแล้วยังไงล่ะ!!”  หญิงสาวตอบคำถามนั้นด้วยอาการเนิบนาบ แต่เน้นคำหนักแน่นจากความรู้สึกและอารมณ์โทสะ
“นิดา!!! นี่คุณจะด่าจะว่าผมยังไงก็เชิญนะผมรับได้ แต่นี่ด่าถึงโคตรเหง้าผมขนาดนี้มันเกินไปนะ..!!” ชายหนุ่มตะเบ็ง
“ฮึ...รับไม่ได้ก็เรื่องของคุณสิ...แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันล่ะจักร..? ฉันทนรับมันได้มานานแล้ว...จนวันนี้มันเกินที่จะรับได้ มันเจ็บปวดมากว่าฉันด่าโคตรเหง้าของคุณอีกนะ...กะอีฉันด่าแค่นี้ทำจะเป็นจะตายฮึ!! พวกโคตรยิ้มไม่รู้จักพอ!!!”

“นิดา..!!”  
              สิ้นคำอุทานชื่อของหญิงสาวคนรัก จักรพงษ์พลั้งมือไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ที่สะท้านจากข้างใน แล่นวืดเข้ามาในสมองเมื่อทันทีนั้น  มันสั่งการให้เขาเงื้อมือที่กำยำกับลำแขนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นนั้นขึ้น แล้วใช้แรงเหวี่ยงฝ่ามืออันกระด้างนั้นไปปะทะกับโหนกแก้มของสาวคนรักโดยแรง ดังฉาดใหญ่   หน้าเธอสะบัดไปตามแรงและทิศทางของการถูกตบ  ไม่กี่วินาทีแก้มซ้ายที่นวลเปล่งปลั่งนั้นก็ค่อยๆปรากฏร่องรอยของฝ่ามือขึ้นเป็นสีแดงจางๆ จักรพงษ์อึ้งตาค้างมือไม้สั่น ความรู้สึกเหมือนตกลงไปสู่ก้นเหวที่มีแต่น้ำอุณหภูมิต่ำแทบจะแช่ร่างของเขาให้แข็งได้ไปในชั่วพริบตา

นิดาเอามือทั้งสองประสานป้องกุมไว้ที่แก้มที่รู้สึกแสบปลาบนั่น หันหน้ากลับมาจ้องไปที่หน้าชายคนรักของเธอ น้ำตาจากความรู้สึกอันยากจะอธิบายได้ หลั่งไหลออกมา เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวดภายในลงคอ สะอื้นนิดหนึ่ง
“จักรพงษ์....คุณออกไป....ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!!!”  น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเครือแต่แข็งกร้าว เธอรวดร้าวสะกิดทรวงลึก ไม่คิด...ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าผู้ชายที่เธอแสนจะหึงหวงเพราะรักสุดดวงใจ จะทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้...
“นิ....นิ...ผม...ผะ..ผม..ผมขอโทษนิ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บตัวนะ....คือ...ผมพลั้งมือไปน่ะ.... นิ..มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเองนะนิ...ผม...ผมขอโทษ...”  


              ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีใครเอาหอกเหล็กไปจี้กับถ่านแดงๆแล้วนำมาแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเขา มันร้อนปวดแสบอยู่เต็มทนภายในใจ  น้ำตาหลั่งไหลออกมาด้วยอาการของคนที่สำนึกตัวและอยากจะขอโทษ  เขาพยายามจะเดินเข้าไปหานิดาแฟนสาว แต่เธอกลับผลักอกซ้ำถอยออกห่าง ทำให้เขาเซกลับมาจนเกือบจะล้ม จักรจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อาวรณ์ พยายามเอ่ยขอโทษเธอหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล   มิหนำซ้ำนิดายังเอาข้าวของปาใส่ แหกปากตะโกนเอ็ดลั่นไล่เขาออกไปให้เสียพ้นจากรั้วบ้านของเธอเสียอีก
“ออกไปนะ!! ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน....ไอ้.....ไอ้ยิ้ม!!”


              จักรพงษ์วิ่งหัวซุกหัวซุนหนีออกมาจากบ้านของนิดาแทบไม่เป็นท่า  เธอไม่ตามเขาออกมาจากตัวบ้านแต่ส่งเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหกึ่งเสียใจไล่ให้เขาไปซะ จะตายจะเป็นอย่างไรเธอไม่สนอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะออกจากเขตบ้านของแฟนสาวมา เห็นเธอขว้างรูปคู่ของทั้งเธอและเขาที่ใส่กรอบไว้ดูอย่างดีออกมาด้วย  บอกว่ามันไม่ความหมายอะไรกับเราทั้งสองคนอีกแล้วจบกันแค่นี้!!  
จักรมิได้หยิบรูปขึ้นมาดูหรือเก็บเอาไว้แต่อย่างใด พอเขาเห็นแค่นั้นก็ถึงกับคอตกหน้าเศร้าสร้อย เดินน้ำตาไหลพรากๆไปที่รถยนต์ส่วนตัวของตนเองที่จอดไว้หน้าบ้านแฟนสาว  เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งพร้อมกับขับมันออกไปให้ห่างจากที่ตรงนั้นอย่างไร้จุดหมาย  เขาเหม่อลอยอยู่เป็นระยะๆ แต่บางขณะก็เกิดอาการคลั่งขึ้นมากระฟัดกระเฟียดด่าทอตัวเองทั้งน้ำตา
เขา......สิ้นหวังเสียแล้ว.....หมดหนทางจริงๆแล้วสินะกับการที่จะหวนกลับไปคืนดีกับเธออีก.... เพราะตัวเองที่มันบ้ามันโกรธมันบรมโง่ไปเองโดยแท้ ดันเผลอไปตบเธอเข้าไม่น่าเลย.....ไอ้เส็งเคร็ง.....
“ไอ้จักร.....เอ้ย!!!!”

              เส้นทางของถนนนำเขาให้ขับรถแล่นเข้ามาสู่ ณ สวนสาธารณะใกล้สถานศึกษาแห่งหนึ่ง มันไกลมาจากบ้านของ
นิดาเกือบๆหลายสิบกิโลเมตร และเส้นทางก็ค่อนข้างที่จะซับซ้อนมากพอสมควรเพราะระหว่างที่ขับรถมานั้นต้องผ่านตรอกซอกซอยหลายแห่งกว่าจะถึง ซึ่งเวลาในตอนนั้นก็ประมาณย่างเข้าเข้าห้าโมงเย็นเห็นจะได้  

            สมองสั่งการให้เขาจอดรถที่หน้าทางเข้า แต่สายตาก็มองเข้าไปยังข้างในสวน ดูผู้คนหลายกลุ่มกำลังวิ่งออกกำลังกายยามเย็นตามประสาคนรักสุขภาพซึ่งมีแทบจะทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่มาที่นี่ต่างมีความประสงค์ของตัวเองทั้งนั้น  แต่....เขาสิ....มาทำไมก็ไม่รู้?...มองเข้าไปทำไม?....ไร้ความหมาย!!!

              ภายในรถ จักรพงษ์ถอนหายใจเอาความกลัดกลุ้มออกมาเฮือกใหญ่ ก้มหน้าลงนิดหนึ่งแววตาเศร้า เขาเช็ดน้ำตาออกค่อยๆปรับอารมณ์และความรู้สึกให้เป็นปกติที่สุด นั่งนิ่งอยู่อึดใจใหญ่ก็ตัดสินใจดับเครื่องยนต์ ถอดกุญแจออก เปิดประตูออกไป ก้าวขาลงจากรถแล้วปิดมันไว้พร้อมกับกดล็อคด้วยระบบเลเซอร์ออโตของกุญแจอัตโนมัติ   สายตามองไปยังข้างในสวนสาธารณะ แล้วค่อยๆเดินเข้าไปอย่างเลื่อนลอย ทอดอาลัย    เขามาที่นี่....เพื่อ..?  
เพื่อที่จะมานั่งทำหน้าละห้อยหลบสายตามองดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หรือมองดูผู้คนที่เดินเล่นและวิ่งออกกำลังสวนทางกัน
ไปมา   ด้วยอาการที่อยากจะให้อะไรๆในสมองที่มันตึงเครียดอยู่ขณะนี้คลายลงไปบ้างได้ไม่มากก็น้อย โดยตอนนี้เขาก็แค่ไอ้ผู้ชาย “ยิ้มสันดานยิ้ม” คนหนึ่งที่ทุกข์ใจจากคนรักที่ง้อเขาไม่สำเร็จแถมยังโง่ไปทำร้ายเขาอีกจนต้องถูกไล่ให้ออกจากบ้าน มานั่งอยู่บนม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง ท่ามกลางกลุ่มคนที่เขาทำตัวได้ประโยชน์แต่ตนเองกลับเลวทราม
นั่งเก๊กซิมก้มหน้าคอตก นึกถึงแต่เรื่องความเลวของตน ที่ได้ทำกับหญิงคนรักเอาไว้หลายครั้งหลายครา ก็เท่านั้นเอง.....

“เอ่อ....จักร...เอ่อ...คือ...คุณชื่อจักรพงษ์รึเปล่าคะ?”  มีเสียงใสๆของผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้นมา คาดว่ายืนอยู่เบื้องหน้า
เหมือนเธอมีอาการไม่แน่ใจเล็กน้อย แต่....จักรกลับรู้สึกว่า “มันเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหู...คุ้นหูดีที่สุด เอ๊ะ! ใครกันนะ?”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่