ฮ่องกง เกาะเล็ก แต่ เมืองใหญ่ (ฮันนี๋...เบบี๋ ไปด้วย)

ปีใหม่นี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ขอเอาทริปเก่ามาเล่าใหม่ให้ฟังกันนะคะ
ทริปนี้เราได้มีโอกาสไปฮ่องกง ช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ไปไม่นานแค่ 2-3 วันเท่านั้น แต่ยังคงมีภาพสวยๆมาฝากกันค่ะ
ก่อนอื่นมารู้จักฮ่องกงกันสักหน่อย...
ฮ่องกง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ชื่อยาวมาก แต่ก็ยังสั้นกว่า กรุงเทพฯ)
มีเนื้อที่ 1,104 ตารางกิโลเมตร และประชากรกว่าเจ็ดล้านคน เป็นเขตที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก (อ้างอิงจากวิกิพีเดียจ้า)
เหมาะกับชื่อ เกาะเล็กแต่เมืองใหญ่เป็นอย่างมาก ที่นั่นเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนประตูเศรษฐกิจสู่เมืองจีนก็ว่าได้
ขอจบหัวข้อวิชาการเพียงเท่านี้ ไปเที่ยวกันเถอะ 555

เริ่มต้นที่โรงแรมที่พัก เราพักที่โรงแรง Dorsett โรงแรมนี้อยู่ในเขตหว่านไจ๋ และอยู่ตรงข้ามกับฮ่องกง จ๊อกกี้ คลับ เลยทำให้มีห้องแปลกๆอย่างที่เราไปพักกันด้วยค่ะ ที่ว่าแปลกเพราะในห้องมีเครื่องขี่ม้าจำลองด้วย พอเปิดสวิทช์มันก็จะโยกได้มีประมาณ 3 ระดับเบาไปจนถึงแรง เราลองไปนั่งดูให้ความรู้สึกเหมือนขี่ม้าค่ะ ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกถึงเครื่องเล่นขี่วัวกระทิงตามห้าง คล้ายๆแบบเดียวกัน แต่เล็กกว่า และไม่ได้เหวี่ยงแรงเท่านั้นค่ะ และข้างๆกันก็มีเก้าอี้นวด สงสัยจะรู้ว่าคนนั่งเจ้าเครื่องขี่ม้านี่ต้องเมื่อยแน่ 555 (โรงแรมไม่ได้มีที่ขี่ม้าทุกห้องนะคะ มีแค่ห้องใหญ่บางห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นห้องธรรมดาค่ะ)







มาชมบรรยากาศรอบๆหว่านไจ๋กันสักนิดก่อนจะพาทัวร์กันค่ะ




ถ้ามาย่านนี้สถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมถ่ายภาพคือ ไปรษณีย์เก่า เค้าเปิดให้เข้าชมได้ แต่ภายในตอนนี้ไม่ได้ทำการไปรษณีย์แล้ว เค้าย้ายไปตึกใหม่ข้างๆ เดินไปอีกนิดก็ถึงไปรษณีย์ใหม่แล้วค่ะ แต่ข้างในของไปรษณีย์เก่านี้ ยังคงความขลังของบรรยากาศเก่าๆ เอาไว้ มีโต๊ะทำงานไม่กี่ตัว ในห้องไม่ใหญ่มาก อีกทั้งยังมีตู้ปณ.สีแดง น่ารักที่อดไม่ได้ต้องไปแชะด้วยสักภาพ
ตามป้ายไปกันเลยค่า


หน้าตาไม่ค่อยเหมือนไปรษณีย์เท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างเล็กอะคะ

นี่ค่ะ ตู้ปณ.สีแดงที่บอก น่ารัก...อะ

นอกจากนี้เค้ายังมีบริการส่งไปรษณีย์กับรถบริการด้วยนะคะ เหมือนที่ไทยเลย

ตอนที่เราเดินตามแผนที่เพื่อไปไปรษณีย์ ก็สะดุดตาเข้ากับตึกสีฟ้าที่อยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่เล็กน้อย จนต้องย้อนกลับมาดูหลังจากเยี่ยมชมไปรษณีย์เก่าแล้ว ตีกแห่งนี้มีชื่อว่า Blue House เป็นตึกที่ทาสีฟ้าทั้งตึก ซึ่งชื่อที่ตั้งก็ตรงไปตรงมามาก "บ้านสีฟ้า" อ่านในอินเตอร์เน็ต เค้าบอกว่าในอดีตเคยเป็นโรงพยาบาลและศาลเจ้ามาก่อน ด้านในบ้านจัดแสดงของใช้เก่าๆ และขายของกระจุ๊กกระจิ๊กด้วย



พอเดินทะลุไปหลังบ้าน ก็มีบรรยากาศของร้านค้าที่เหมือนโผล่มาอีกโลกหนึ่งเลย


หลังจากชมบ้านสีฟ้าเสร็จ ก็เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เพราะเห็นในแผนที่บอกว่ามีตลาดสด สายกินแหลกอย่างเราต้องไปเดินชมสักหน่อย
ตลาดสดที่นี่มีของขายเยอะมาก ทั้งผลไม้ เนื้อสด อาหารแห้ง และถ่ายภาพออกมาสีสันสดใสมากค่ะ ถูกใจคนชอบถ่ายภาพอย่างเรา






เราเดินเล่นมาเรื่อยๆจนสุดซอย มาโผล่ถนนอีกเส้น และได้เจอกับร้านแนะนำ นั่นคือร้านขนมไข่เจ้าอร่อย...ต้องลอง เราเลยซื้อมายกกล่อง พอตอนกินจริงๆ กินแทบไม่หมด ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยนะคะ แต่ไม่ถึงขนาด อร่อยมากๆๆๆ และอาจเพราะซื้อมาเยอะไป ถ้ากินอันเดียวคงทำให้อยากกินอีกแน่ๆ


เดินมาสักพักเริ่มหิวมากมาย เห็นในโบรชัวร์ที่หยิบมาจากโรงแรม เค้าบอกมีร้านมิชลินสตาร์ที่ต้องไปลองอยู่แถวนี้ เป็นร้านโจ๊ก เราเลยลองสั่งตามเมนูแนะนำ หลังจากได้ลอง ต้องบอกว่าสมกับที่ได้มิชลินสตาร์จริงๆ คือโจ๊กพอกินไปเรียกได้ว่าละลายในปากเลย เละ นุ่มมาก เครื่องในสะอาดไม่มีกลิ่น กินเข้าไปเหมือนเครื่องในเด้งได้ในปากเลย และหอยเชลล์ที่ใส่มาถ้วยก็ชื้นใหญ่มาก ใครมีโอกาสผ่านไปต้องไปลองนะคะ เพราะมันอร่อยจริงๆ



ช่วงกลางคืนเรามีแพลนจะไปดู symphony of lights ค่ะ ดูฟรี มีโชว์ช่วง 2 ทุ่มของทุกวัน แต่ต้องไปดูอีกฝั่งของเกาะฮ่องกงฝั่งจิมซาจุ่ย เราเลือกไปดูที่ Hong Kong Cultural Centre การแสดงนี้คือ มีแสงสีจากตึก แสงจากเลเซอร์ ประกอบเพลง ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจทีเดียวค่ะ แต่ควรไปก่อนเวลาสักนิดนะคะ จะได้หามุมสวยๆได้ และไม่ควรไปสายเพราะมันมีแค่ 15 นาทีเท่านั้นค่ะ หลังจากชมจบเราเดินทางกลับด้วยเรือ ซึ่งท่าเรือห่างไปนิดเดียวเองค่ะ ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน เดินเลียบทางเดินติดน้ำตามเค้าไปเลยค่ะ



เช้าวันใหม่ วันนี้เราจะที่สถานที่ชิคๆหน่อยค่ะ นั่นคือ PMQ ย่อมาจาก Police Married Quarters เดิมทีที่นี่เคยเป็นแฟลตตำรวจมาก่อน แต่ปัจจุบันถูกปรับปรุงพัฒนาให้เป็น ศูนย์กลางการออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินนักออกแบบชาวฮ่องกง (อันนี้ก๊อปปี้มาจากเน็ตนาจ๊ะ) ใครชอบงานออกแบบต้องชอบที่นี่มากๆ แน่นอน มีร้านขายงานดีไซน์เยอะมาก อาจต้องเดินกันทั้งวันถึงจะหมด มันเป็นสองตึกหันหน้าเข้าหากันโดยมีลานตรงกลางสำหรับจัดแสดงนิทรรศการ เราเดินแค่ตีกเดียวรู้สึกเหนื่อจนต้องพักหาอะไรกิน อิอิ ก่อนจะไปกินอะไร ดูรูปร้านที่นี่กันก่อน นี่แค่ตัวอย่างบางส่วนนะคะ ของจริงนี่เยอะมากมาย เหมาะสำหรับดีไซน์เนอร์ไทย ไปเดินหาไอเดียใหม่ๆ (ไม่แนะนำให้ก๊อปปี้เค้านะคะ) และเรารู้สึกว่าบรรยากาศตึกเหมือนตึกเรียนสมัยประถมเลยค่า












ก่อนจะได้เดินลุยกันต่อ ก็ต้องพักเอาแรงสักหน่อย ที่ PMQ มีร้านแมวเหมียวน่ารัก อยู่ใต้ตึกด้านขวามือ (หันหน้าเข้าจากทางออก) ร้านชื่อว่า "การ์เด้น เหมียว" รับรองว่าต้องถูกใจทาสแมวอย่างแน่นอน ร้านเค้าไม่ได้มีน้องเหมียวตัวเป็นๆนะคะ เพียงแค่เค้าแต่งร้านด้วยไอเทมแมวทุกมุมของร้านเท่านั้นเอง บรรยากาศในร้านก็จะออกแนวเรโทรหน่อยๆค่ะ ส่วนอาหารนี่เราไม่ได้ทาน สั่งแต่น้ำ แล้วก็เดินถ่ายรูป 555 ก็ร้านเค้าน่ารักนี่นา ส่วนอาหารนั้นเราทานร้านถัดไปค่ะ









ร้านที่เราจะไปทานอาหารกัน ชื่อว่า Aberdeen Street Social ทางเข้าอยู่ใกล้กับทางเข้า PMQ เลยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านแนะนำเพราะเป็นร้านของเชฟ Jason Atherton ในเน็ตบอกไม่จองไม่ได้กิน เราก็ลองไปลุ้นๆดู ไม่รู้ว่ามาผิดเวลาหรือยังไง ตอนเราไปร้านเงียบมาก จนต้องเดินไปถามเด็กเสริฟว่า ร้านเปิดอยู่ใช่มั้ย เค้าบอกว่าเปิดอยู่ เราเลือกนั่งด้านนอก ชื่นชมธรรมชาติไปกินไป




ยังไม่หมดมีต่อในคอมเม้นจ้า...ไปๆอ่านกันต่อ คนเล่ากำลังสนุกเลย และรูปสวยๆก็ยังไม่หมดนะจ๊ะ ยังมีอีกเยอะเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่