เขาคือใคร? ติดอันดับ 1 ในดาวรุ่ง Dota SEA

เด็กไทยขึ้นแท่นที่หนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)
โปรเพลยเยอร์ Dota 2 อายุ 16 ปี เกม
เขามีนามว่า   23Savage
ได้ออกช่อง youtube
https://www.youtube.com/watch?v=WAALQQ4nmsQ&t=450s
(คอมเม้น แปลไทยอ่านแล้ว เหมือนมี เพื่อนร่วมทวีป เหยียดเชื้อชาติกันเหลือเกิน)
ไม่ขอนำมาลงนะครับ ลองไปอ่านเอง

เรื่องราวของเด็กคนนี้เป็นยังไงมายังไง เราลองไปชม บทสัมภาษณ์น้องดูครับ
                 เส้นทางสู่แชมป์อีสปอร์ตส์ ถือว่าเป็นเป้าหมายของเหล่านักเล่นเกมรุ่นใหม่แทบทุกคน เพราะด้านที่สื่อนำเสนอมักเป็นแง่ของความสำเร็จ เงินเดือน,โบนัส และรางวัลจากแชมป์ สิ่งเหล่านี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งหอมหวล โดยเฉพาะเกมที่เงินรางวัลมากที่สุดในโลกอย่าง Dota 2 แต่สำหรับมุมมองอีกด้าน และพ่อ-แม่ ผู้ปกครองล่ะ? ในเมื่อความรู้ คือ ทรัพย์สินที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต พวกเขาจะคิดอย่างไรเมื่อลูกชายขอเลือกเส้นทางเอง โดยเลือก “เกม” ก่อน “การศึกษา”   



นี่คือเรื่องราวของ หนึ่งนรา ธีรมหานนท์ หรือ  23Savage โปรเพลเยอร์เกม Dota 2 ของไทย ที่มีอายุแค่ 16 ปี ด้วยวัยเพียงเท่านี้เขารู้ได้อย่างไรว่า "เกม" คือธงแรกและธงเดียวในชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือความหนักแน่นมากแค่ไหน ที่เขาทำให้คุณแม่ยอมสนับสนุนเส้นทางที่เขาเลือกเดิน...โดยมีข้อแม้บางอย่าง



เรียนเก่ง...เกมโหด
"ตอนเด็กๆ ทรี เป็นเด็กเรียนเก่ง ไม่เคยกังวลเรื่องผลการเรียนของเขาเลยนะ เพียงแต่เขาไม่ค่อยทำการบ้าน" กินรา คุณแม่บังเกิดเกล้าของ ทรี - หนึ่งนรา กล่าวถึงแววความฉลาดของลูกชายตั้งแต่เด็ก



อย่างไรก็ตาม เหล่าเด็กที่มีความสามารถพิเศษมักมีทางลัดเป็นของตัวเอง "ทรี" เองก็เช่นกัน หากไม่ว่ากันจนเกินจริง การเรียนถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาหรอก เพียงแต่ว่าเขามีสิ่งอื่น ที่อยากจะทำมากกว่าเท่านั้นเอง  
"ผมเป็นพวกไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ชอบสอบมากกว่าครับ ตอน ม.1 ผมสอบเข้าได้ที่ 7 สอบเข้าตอนม.4 ผมได้ที่ 1" ทรี - หนึ่งนรา ยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง   

สิ่งอื่นที่ “ทรี” สนใจ ไม่ใช่สิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์อะไร การเล่นเกม คือ โลกอีกใบ ที่เด็กคนไหนก็ต้องหลงเสน่ห์ Dota ภาคแรกคือเกมยอดฮิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และ “ทรี” เล่นมาตั้งแต่ 9 ขวบ จากคำชักชวนของพี่ชายแท้ๆของเขาเอง มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะ ณ เวลานั้นเป็นช่วงน้ำท่วมปี พ.ศ. 2554 และบ้านของครอบครัวธีรมหานนท์ ก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย พวกเขาต้องย้ายไปอยู่ที่ชุมพร แบบชั่วคราว นั่นคือช่วงเวลาที่เขาได้ "ซัดกับเกม" แบบยาวๆ

เมื่อเริ่มเดินเตาะแตะในก้าวแรก และดูทำท่าจะตั้งลำได้ ทรี ลองหันมาเล่น HoN (Hero of Newerth) ก่อนกลับมาเล่น Dota 2 เกมที่สร้างจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตของเขาเมื่อปี 2016 หรือราวๆ 2 ปีก่อน

ไม่มีเหตุผลว่าเขาเริ่มเล่นเก่งจากอะไรกันแน่ แต่สำหรับเกม Dota 2 นั้นมีเกณฑ์การแบ่งระดับผู้เล่นแบบให้เห็นภาพชัดเจน สิ่งนี้เรียกว่า MMR (Match Making Rating) ที่จะคอยบันทึกสถิติแพ้ชนะของผู้เล่นแต่ละคน ยิ่งชนะมาก ยิ่งฟอร์มดีมากเท่าไหร่ ค่า MMR ก็จะมากขึ้นเท่านั้น  

ไม่มีการชี้วัดได้ตายตัวว่าผู้เล่นต้องมีค่า MMR เท่าไหร่ จึงจะเรียกว่า “เก่ง” ได้ แต่ในเหล่านักเล่นเกมตัวยงจะเข้าใจกันดีและมีเกณฑ์คาดการณ์กันเองว่า ค่าเฉลี่ยของผู้เล่นโดยปกติจะอยู่ที่ 3,000-4,000  ส่วนระดับผู้เล่นที่เป็นนักเเข่งนั้นจะอยู่ที่ 6,000-7,000 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่แบ่งกันให้เห็นชัดเจนระหว่าง การเล่นแบบเอาสนุก และการเล่นเพื่อไปแข่งขันชิงรางวัล

แน่นอนว่าแรกๆ “ทรี” ไม่ได้เก่งกาจอะไร เขาเริ่มจากการเป็นผู้เล่นในระดับทั่วไป แต่ที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์คือ เขาไต่ระดับเร็วเกินคาด ผู้เล่นบางคนเล่นกันหลายปี แต่ค่า MMR ไม่ก้าวหน้านัก ต่างกับ “ทรี” ที่ก้าวกระโดดได้ในทันที

"เริ่มมาแรกๆผมไม่ได้เก่งครับ MMR ก็ยังน้อยๆ แต่พอผมเล่นไปเดือนเดียว MMR ของผมขึ้นมาเป็น 4,800"  ทรี เล่าถึงช่วงการตั้งไข่กับเกม Dota 2

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพพัฒนาการของทรี คงเป็นเหมือนนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งจากทีมชุดอคาเดมี่ ที่พอได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเขากลับสามารถแสดงออกถึงศักยภาพอยู่ในระดับเล่นได้สบาย ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ยิ่งเล่นยิ่งเห็นแวว ช่วงเวลาเพียงเดือนเศษๆจากการเริ่มเล่น เขาขยับเหนือมาตรฐานผู้เล่นทั่วไปอย่างง่ายดาย

ค่า MMR ของทรีพุ่งทะยานไม่หยุดจาก 4,000 เป็น 5,000 และจาก 5,000 เป็น 6,000 ทรี ขึ้นมาทาบรัศมีระดับเหล่านักแข่งอาชีพแล้ว...เมื่อเก่งแบบนี้ก็ได้เวลาที่ต้องคุยกันหน่อย

"หลังจาก MMR ขึ้นมาเป็น 6,000 ผมก็ไปโพสต์ในกลุ่ม Dota 2 เลยครับ บอกว่าผมเก็บ MMR ได้ถึง 6,000 และนะ ที่ไปโพสต์ก็เพราะคึกครับ ผมอายุ 15 ปี เเต่เล่นได้ 6,000 ก็ถือว่าสูงมาก ซึ่งมันอยู่ในระดับเดียวกับนักเเข่งเเล้ว ผมก็ดีใจมาก"

"จริงๆตอนนั้นมีทั้งคนมายินดี แล้วก็ด่าด้วยครับ พวกที่ด่าก็ด่าว่าผมขี้อวด (หัวเราะ) แล้วก็หาว่าผมซื้อไอดีมาโชว์" ทีเล่าถึงความคะนองเมื่อครั้งขยับระดับตัวเองที่ก้าวกระโดด

การโพสต์อวดครั้งนั้นทำให้ ที ได้รู้จักกับการเล่น Dota 2 แบบทีมเป็นครั้งแรก จากการชักชวนของ "พี่แมว" นพดล เผ่าพงษ์ประพันธ์ อดีตโปรเพลเยอร์ชาวไทย ที่เคยได้ไปแข่งขันรายการ The International หรือ TI ที่ส่งข้อความชักชวนมาเข้าสู่ทีม...นี่คือสิ่งที่ “ทรี” รอมาตลอด



ปราการด่านแรก
ตอนนั้น ทรี เริ่มคิดเเล้วว่าเขามีฝีมือดีพอที่จะไปแข่งกับเหล่าเกมเมอร์อาชีพได้ เพียงแต่ปราการด่านแรก คือ แม่ผู้ผ่านชีวิต และเห็นอะไรมามากกว่า ในมุมมองของผู้เป็นแม่ การสนับสนุนให้ลูกชายเล่นเกมอย่างเอาจริงเอาจังไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดการขัดขวางแบบกรุบกริบขึ้น


"แม่ห้ามอย่างเดียว เพราะน้องทรีสายตาสั้น แล้วก็เล่นเกมเยอะ เราเลยรู้สึกว่าเป็นห่วงเรื่องสายตา เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เราก็แบบว่าแอบปิดเน็ต...แม่ไม่ด่านะ แต่เเม่ปิดเน็ตเลย เอาเราเตอร์ไปซ่อน (หัวเราะ)" คุณแม่เล่าแบบขำขัน แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง

"ผมก็ถามแบบหัวร้อนว่าปิดเน็ตทำไม? บางทีมันเป็นจุดตัดสินเกมเลย แล้วไอ้เกมนี้เนี่ย ถ้าแพ้แล้วมันต้องเล่นต่อ หากไม่สามารถชนะได้มันจะหัวเสียไปทั้งวัน คือมันต้องเอาคืนอะครับ (หัวเราะ)" น้องทรี กล่าวต่อ    

การใช้อารมณ์โมโหแก้ปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก หากต้องการบอกใครให้เข้าใจในสิ่งที่เราทำ เช่นเดียวกันในมุมของคุณแม่เองก็ต้องหาจุดกึ่งกลางที่ทั้ง 2 คนจะสามารถเข้าใจตรงกันได้ คุณแม่กินรา จัดการแบ่งตารางเวลาการเล่นให้ชัดเจน ไม่ให้เกิน 5 ทุ่ม เพราะ “ทรี” ยังมีภารกิจต้องไปโรงเรียน  และการเล่นเกม “ทรี” ต้องเล่นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกจัดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ที่ใครๆก็สามารถเห็นได้ว่าเขาทำอะไร เรียกง่ายๆว่า เป็นการทำให้เขาเล่นภายใต้การควบคุม

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 คือวันที่คุณแม่กินรา ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “น้องทรี” เอ่ยปากอ้อนวอนขอให้คุณแม่พาไปแข่งขันเกมเป็นครั้งแรกใน ศึก E Warrior 2018 ซึ่งเป็นการแข่งขันจากรายการโทรทัศน์ที่เกียวกับ อีสปอร์ตส์ โดยจัดขึ้นแถวมหาวิทยาลัย รามคำแห่ง 2 บางนา

"แม่เริ่มรู้ก็เพราะว่าพาเขาไปแข่ง ในทัวร์นาเม้นต์ E Warrior เขาก็มาพูดให้ฟังว่าพาไปหน่อย ทื่ราม 2 ร้าน อินฟินิตี้ นั่นแหละแม่ก็เลยพาไป" คุณแม่กล่าว

การพาไปแข่งขันครั้งนั้นเป็นเหมือนการเปิดใจของคุณแม่ แม้ไม่มากจนถึงขั้นสนับสนุนเต็มตัว แต่เธอก็เริ่มมองโลกแห่งการเเข่งขันเกมเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้างแล้ว  

"ตอนนั้นน้องทรีเจอกับ Alpha Blue ที่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ แล้วก็ตกรอบ นั่นแหละที่เหมือนครั้งแรกที่เริ่มสนับสนุนแบบกลายๆ เพราะว่าไม่มีใครพาไป (หัวเราะ)" คุณแม่กินราเผยอย่างอารมณ์ดี

ทีมของ “ทรี” ในการแข่งขัน E Warrior ในฐานะทีมหน้าใหม่ ส่วนตัวของเขาเล่นในฐานะ แคร์รี่ ที่เปรียบเสมือนเป็นกองหน้าตัวจบสกอร์ เป็นตำแหน่งประเภทเดินหน้าฆ่าลูกเดียว นอกจากนี้ “ทรี” ยังถือเป็นผู้เล่นที่มี MMR มากที่สุดในทีมชุดเฉพาะกิจทีมนี้

ศึกนี้ทีมของ “ทรี” ตกรอบเพราะน้ำมือของ Alpha Blue แต่นี่คือการเเข่งขันครั้งแรก เเละได้ผลงานที่ไม่เลวร้ายเกินไปนัก เหนือสิ่งอื่นใด “ทรี” ได้เงินก้อนเเรกจากการแข่งขันรายการนี้ มันคือจุดเริ่มต้นเล็กๆบนเส้นทางนักเล่นเกมอาชีพในวัย 16 ปี

"ก็ได้เงินค่าเดินทางมา 5,000 เอามาหาร 5 เป็นคนละพัน ได้ค่ารถพอดี..." นี่ คือ ค่าเหนื่อยของนักเล่นเกมมือใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

กำแพงมืออาชีพ
เมื่อแม่เริ่มเปิดใจ “ทรี” ก็เริ่มเล่นแบบเอาจริงเอาจัง และหาทีมแข่งอย่างเป็นทางการมากขึ้น จริงอยู่ที่ในเรื่องของความเก่งกาจ หากเล่นเพื่อไต่แรงค์อย่างไรเสีย ชื่อของ “23Savage”  เก่งกาจไม่แพ้ใคร

อย่างไรก็ตามโลกของนักแข่งมันกว้างใหญ่นัก...เกมนี้จำเป็นต้องเล่นเป็นทีมเวิร์ค หนึ่งทีมมี 5 คน 5 ตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งซัพพอร์ทเลน (ช่วยเลน) ซัพพอร์มโรม (ตัวเดินเกม) มิดเลน (ยืนตรงกลางเจอกับคู่แข่งตัวๆเลย) ออฟเลน (ตัวทำเกม) แคร์รี่ (ที่เปรียบเสมือนกองหน้า ตัวความหวังของทีม ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงเลทเกมหรือช่วงท้าย) สิ่งสำคัญ คือ ทุกคนจะต้องเล่นให้เข้าขารู้ใจกันเหมือนเป็นเนื้อเดียว ไม่ต่างจากทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ “ทรี” สอบตกสนิทเลยทีเดียว

“ทรี” ได้รับการชักชวนเข้าไปเล่นให้กับทีม Hashtag เขาตกลงทันที เพียงแต่ว่าฝันยังไม่ทันเริ่ม แค่อาทิตย์เดียวก็โดนไล่ออกจากทีมไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีทีมใหม่ติดต่อมา คือ Seth Gaming

การลงทีมแข่งแบบจริงๆจังๆ คือเรื่องใหม่สำหรับเขา ณ ตอนนั้นเขาเป็นเหมือนม้าหนุ่มที่กำลังคึกที่ถูกส่งลงเเข่งขันวิ่งระยะไกล เขามีแรง มีความมุ่งมั่น มีความดุดัน ทว่าเขาขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือความเข้าใจและอ่านเกม ...สไตล์เดินหน้าฆ่ามันและ MMR ที่สูงจนโดดเด่นกลับไม่สามารถการันตีได้เลยว่า จะเป็นผู้เล่นที่ดีสำหรับการลงเเข่งขันในระดับอาชีพ

"ผมเล่นให้กับ Hashtag ได้อาทิตย์เดียวก็โดนเตะออกจากทีม จากนั้นผมก็ออกมาเล่นให้ Seth Gaming ผมก็โดนเตะออกอีก เพราะผมเล่นไม่ได้"

"มันต้องใช้ประสบการณ์อะครับ ในการเล่นทีม คือผมเล่นโซโล่อย่างเดียวอะครับ MMR ไม่ได้เป็นทุกอย่างของเกม ตอนนั้นผมไม่เคยเล่นทีมจริงๆจังเลย เล่นคนเดียวมาตลอดก็เล่นไม่คุ้น แล้วก็โดนเตะออก เพราะทำเขาตกรอบมา"  เขาแจงถึงสาเหตุใหญ่ที่ไปไม่รอดในช่วงแรก

แม้จะผิดหวังแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลย เขารู้เเล้วว่าตัวเองยังขาดอะไร และสิ่งที่ควรจะทำหลังจากนี้คือการพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการอ่านเกมและประเมินสถานการณ์ จังหวะไหนควรเดิน จังหวะไหนควรถอย นี่คือศาสตร์ที่มีเสน่ห์ของเกม Dota 2 เพราะเหล่าผู้เล่นจะต้องมีเกมจิตวิทยาไปพร้อมๆกับการมีฝีมือด้วย ทุกการเผชิญหน้ากับคู่แข่ง พวกเขาจะหยั่งเชิงกันจนถึงไคล์แม็กซ์ และหากผู้เล่นคนไหนเสียเหลี่ยม นั่นเท่ากับว่าโดมิโน่ตัวแรกได้ล้มลงไปแล้ว เหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือการ "เครื่องรวน" จนที่สุดก็ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปตามท้องเรื่อง

"ผมไปฝึกมาคนเดียวจนแกร่งขึ้น คือผมต้องไปดูเเข่งเยอะๆ แล้วจะเข้าใจวิธีการเล่นเป็นทีมมากขึ้น แต่ก่อนผมไม่ดู ไม่สนใจอะไรเลย เหมือนนักฟุตบอลดาวรุ่งเล่นกองหน้าสมัยเด็กๆยิงอย่างเดียว แต่พอลงมาเเข่งขันเกมจริงๆแล้วผมเล่นไม่ได้" “ทรี” พยายามอธิบายจุดบอดของตัวเองให้เห็นภาพ

ฝีมือที่เก่งขึ้นทำให้ “ทรี” ได้รับการชักชวนกลับสู่ทีม Hashtag อีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้โจทย์เก่าที่เคยไล่เขาออกไม่ได้อยู่ในทีมแล้ว “ทรี” กลับมาเล่นได้ดีขึ้น เป็นทีมมากขึ้น ทว่า 1 เดือนหลังจากนั้นเขาก็ต้องออกจากทีมอีกครั้งด้วยเหตุผลของความเข้าใจผิด

การโดนเตะออกและไร้ทีมสังกัดทำให้ “ทรี” รู้ว่าวงการ อีสปอร์ตส์ นั้นมีการแข่งขันกันสูงและมีความโหดร้ายซ่อนอยู่ วันใดก็ตามที่ไม่พัฒนา ก็มีโอกาสตกจากสวรรค์ได้เช่นกัน แม้จะเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจก็ตาม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่