ก็อีกไม่นานเองนี่นา หวังว่าจะได้แชมป์กับเขาบ้าง ได้เป็นพี่ใหญ่ในเอเชียบ้าง เพราะราเยวัชก็ใช้เวลาสร้างมาพอสมควรแล้ว
"ตอนนี้เราไม่มีโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้ว แต่เรายังเหลือแมตช์ที่ต้องทำการแข่งขัน และแน่นอนว่าตอนนี้เราเหลือเวลาอีกเพียง
18 เดือนในการเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ เพื่อท้าทายกับเป้าหมายในเอเชียนคัพ แน่นอนเป้าหมายของผมคือการพยายามพาทีมชาติไทยให้เป็นทีมที่ดีที่สุดในเอเชียในอนาคต และก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับ ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก" ราเยวัช กล่าวเริ่ม
ฟุตบอลไทย ยกระดับขึ้นมาอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งการเข้ามาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ครั้งนี้ และยังผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศกาตาร์เมื่อปีก่อนแต่ช่องว่างระหว่างทีมของราเยวัช กับทีมระดับชั้นนำยังคงห่างอยู่มาก เพราะทีมชาติไทย ยังไม่เคยไปรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก แต่กุนซือชาวเซิร์บเชื่อว่าทีมมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนพฤษภาคม
"ตอนนี้เรายังมีเวลามากมาย และผมคงไม่รับงานคุมทีมชาติไทย ถ้าผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นงานที่ยากพอสมควร เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง เพื่อยกระดับขึ้นมาถึงจุดที่เราตั้งเป้าเอาไว้ ช่องว่างระหว่างเรากับทีมชาติชั้นนำไม่ใช่เล็กๆ หากดูจากการจัดอันดับ แต่ถ้าเรามีวิธีการที่ดี ทำงานอย่างมืออาชีพ ทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเท เราสามารถทำได้ พวกเขาต้องเรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ผมเชื่อว่าพวกเขามีศักยภาพพอที่จะพัฒนาและก้าวขึ้นไปสู้กับทีมชั้นนำ ในเอเชียน คัพ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในอีก 18 เดือนข้างหน้า"
ณ ตอนนี้ มิโลวาน ราเยวัช คุมทีมชาติไทยไปแล้วทั้งหมด 4 เกม ประกอบไปด้วยการพาทีมบุกไปพ่าย อุซเบกิสถาน ที่ทาชเคนต์ 0-2 ก่อนที่จะเสมอกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปแบบน่าเก็บชัยชนะเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาทีมของกุนซือชาวเซิร์บสามารถคว้าแชมป์คิงส์ คัพ มาครองได้สำเร็จในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการเอาชนะ เกาหลีเหนือ ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะดวลจุดโทษชนะเบลารุส จนคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
"สิ่งดีๆ ที่ผมเห็นตอนนี้คือทุกคนมีความมุ่งมั่น มีความอยากที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนในประเทศไทย รักฟุตบอล แต่ในทางกลับกัน ผมเองก็มองเห็นถึงปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ถ้าคุณมองไปที่การแข่งขันฟุตบอลลีก รวมถึงทีมชาติ พวกเขาเสียประตูบ่อยมากโดยเฉพาะช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่านักเตะไทยยังฟิตไม่พอ หรือขาดสมาธิในช่วงท้ายเกม ดังนั้นเราต้องปรับปรุงสองอย่างนี้ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ เพื่อเอาชนะปัญหานี้ให้ได้ในอนาคต นี่เป็นสิ่งที่เราต้องรับมือ ส่วนด้านอื่นๆ อาทิ เทคนิค หรือแท็กติก มันสามารถดีขึ้นได้เสมอ พวกเราต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ในการปรับปรุงข้อบกพร่อง โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมการเรื่องแท็กติก" ราเยวัช กล่าวปิดท้าย
ถึงจะอึดอัดแต่ผมก็รอได้ สำหรับผลงานบอลไทย
"ตอนนี้เราไม่มีโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้ว แต่เรายังเหลือแมตช์ที่ต้องทำการแข่งขัน และแน่นอนว่าตอนนี้เราเหลือเวลาอีกเพียง 18 เดือนในการเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ เพื่อท้าทายกับเป้าหมายในเอเชียนคัพ แน่นอนเป้าหมายของผมคือการพยายามพาทีมชาติไทยให้เป็นทีมที่ดีที่สุดในเอเชียในอนาคต และก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับ ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก" ราเยวัช กล่าวเริ่ม
ฟุตบอลไทย ยกระดับขึ้นมาอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งการเข้ามาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ครั้งนี้ และยังผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศกาตาร์เมื่อปีก่อนแต่ช่องว่างระหว่างทีมของราเยวัช กับทีมระดับชั้นนำยังคงห่างอยู่มาก เพราะทีมชาติไทย ยังไม่เคยไปรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก แต่กุนซือชาวเซิร์บเชื่อว่าทีมมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนพฤษภาคม
"ตอนนี้เรายังมีเวลามากมาย และผมคงไม่รับงานคุมทีมชาติไทย ถ้าผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นงานที่ยากพอสมควร เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง เพื่อยกระดับขึ้นมาถึงจุดที่เราตั้งเป้าเอาไว้ ช่องว่างระหว่างเรากับทีมชาติชั้นนำไม่ใช่เล็กๆ หากดูจากการจัดอันดับ แต่ถ้าเรามีวิธีการที่ดี ทำงานอย่างมืออาชีพ ทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเท เราสามารถทำได้ พวกเขาต้องเรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ผมเชื่อว่าพวกเขามีศักยภาพพอที่จะพัฒนาและก้าวขึ้นไปสู้กับทีมชั้นนำ ในเอเชียน คัพ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในอีก 18 เดือนข้างหน้า"
ณ ตอนนี้ มิโลวาน ราเยวัช คุมทีมชาติไทยไปแล้วทั้งหมด 4 เกม ประกอบไปด้วยการพาทีมบุกไปพ่าย อุซเบกิสถาน ที่ทาชเคนต์ 0-2 ก่อนที่จะเสมอกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปแบบน่าเก็บชัยชนะเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาทีมของกุนซือชาวเซิร์บสามารถคว้าแชมป์คิงส์ คัพ มาครองได้สำเร็จในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการเอาชนะ เกาหลีเหนือ ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะดวลจุดโทษชนะเบลารุส จนคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
"สิ่งดีๆ ที่ผมเห็นตอนนี้คือทุกคนมีความมุ่งมั่น มีความอยากที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนในประเทศไทย รักฟุตบอล แต่ในทางกลับกัน ผมเองก็มองเห็นถึงปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ถ้าคุณมองไปที่การแข่งขันฟุตบอลลีก รวมถึงทีมชาติ พวกเขาเสียประตูบ่อยมากโดยเฉพาะช่วง 20 นาทีสุดท้าย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่านักเตะไทยยังฟิตไม่พอ หรือขาดสมาธิในช่วงท้ายเกม ดังนั้นเราต้องปรับปรุงสองอย่างนี้ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ เพื่อเอาชนะปัญหานี้ให้ได้ในอนาคต นี่เป็นสิ่งที่เราต้องรับมือ ส่วนด้านอื่นๆ อาทิ เทคนิค หรือแท็กติก มันสามารถดีขึ้นได้เสมอ พวกเราต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ในการปรับปรุงข้อบกพร่อง โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมการเรื่องแท็กติก" ราเยวัช กล่าวปิดท้าย