คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ชอบแนวคิด ตอนนี้ช่อง ONE คือเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น เขามองว่าเขาสามารถทำได้
เพราะต้นทุนเขาหนา วัยรุ่นในวันนี้อีก 5-6 ปี ก็วัยทำงานมีเงินใช้กันแล้ว ถึงตอนนั้นช่องที่เจาะแต่ผู้ใหญ่จะลำบาก
ตอนนี้ช่อง 7 เจาะแมส ช่อง ONE เจาะวัยรุ่น ช่อง 3 เป็นกึ่งๆ ONE กับ 7
เทียบ ONEกับ 7 คิดว่าต่อไป ช่อง 7 น่าจะลำบากเพราะฐานจะลดเรื่อยๆ
ในขณะกลุ่มคนดู ONE มีแต่เพิ่มขึ้น แถมเป็นคนกุมเม็ดเงิน พอมีลูก ลูกก็ดูตามพ่อแม่
มองระยะไกลยังไงก็เข้าวิน
เพราะต้นทุนเขาหนา วัยรุ่นในวันนี้อีก 5-6 ปี ก็วัยทำงานมีเงินใช้กันแล้ว ถึงตอนนั้นช่องที่เจาะแต่ผู้ใหญ่จะลำบาก
ตอนนี้ช่อง 7 เจาะแมส ช่อง ONE เจาะวัยรุ่น ช่อง 3 เป็นกึ่งๆ ONE กับ 7
เทียบ ONEกับ 7 คิดว่าต่อไป ช่อง 7 น่าจะลำบากเพราะฐานจะลดเรื่อยๆ
ในขณะกลุ่มคนดู ONE มีแต่เพิ่มขึ้น แถมเป็นคนกุมเม็ดเงิน พอมีลูก ลูกก็ดูตามพ่อแม่
มองระยะไกลยังไงก็เข้าวิน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่อยากให้เลิกทำละครแนวกาหล ละครทำดีมาก คนไทยก็นะ ชอบการตั้งคำถามว่าทำไมละครไทยไม่ทำอะไรแหวก พอเค้าทำก็ไม่สนับสนุนกัน งงใจ (โดยเฉพาะพวกที่ชอบอ้างตัวเองว่าชอบดูซีรี่ย์ต่างประเทศยังงู้นยังงี่ แล้วมาค่อนแคะละครไทย พวกนี้ตัวดีเลย)
ยังอยากให้ช่องวันทำแนวนี้อีก เพราะยังมีคนจำนวนหนึ่งสนับสนุนอยู่(ถึงจะส่วนน้อยก็เถอะ)
ยังอยากให้ช่องวันทำแนวนี้อีก เพราะยังมีคนจำนวนหนึ่งสนับสนุนอยู่(ถึงจะส่วนน้อยก็เถอะ)
แสดงความคิดเห็น
คุยกับคุณป้อน นิพนธ์ ไปกับสถาณการณ์ช่องดิจิทัล 2019 เรตติ้งยังสำคัญ ช่องมีมากเกินไปไหม แล้วคุณล่ะคะคิดอย่างไร
อย่างคุณป้อนกันค่ะ ว่าคุณคิดเห็นอย่างไรผ่านบทพูด
คุยในคลิปนี้ ช่องดิจิทัลที่มีทั้งหมด 22 ช่องนั้นมากเกิน
ไปไหมกับประชากร 70 ล้านคน การทำช่องทีวีดิจิทัลนั้น
เป็นการลงทุนสูงมาก (สายป่านไม่ยาวก็ตาย)
ถ้าผลตอบแทนไม่ได้เร็วผู้ลงทุนอาจจะถอยได้ ยุคนี้มันเปลี่ยนไป การจะทำอะไรเหมือนที่ 40 ปีเคยทำมันไม่ได้แล้ว และเรตติ้งยังเป็นเครื่องมือที่เขายังคงใช้วัดกันอยู่ ละครไพร์มไทม์ยังเป็นส่วนในการทำเงินอยู่นั้นเอง
เรามานั่งคิดตามจากบทสัมภาษณ์ชิวๆ นี้ มันสะท้อน
เหตุการณ์จริงของทีวีในขณะนี้ได้อย่างตรงจุดใน
หลายประเด็นทีเดียวค่ะ ในการทำงานในสถาณการณ์
โลกที่ไปไวมากแบบนี้ ถ้ายังยึดอะไรแบบเดิมๆ คุณรอ
วันเดินตกน้ำไปได้เลย พฤติกรรมคน ความทันสมัย
มันเปลี่ยนไปมากไม่ชอบเปลี่ยนช่องง่ายๆ หรือดูอย่าง
อื่นในคอนเทนอื่นๆ แทน การอินกระแสคู้จิ้นต่างๆ อาจ
ใช้ไม่ได้ในทุกกรณีเหมือนสมัยก่อนแล้ว
เรื่องเรตติ้งที่มีการถกเถียงให้เห็นบ่อยๆ ในนี้ ก็ยังคง
เป็นเครื่องมือที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจเลือกจ่ายเงินซื้อ
โฆษณาทีวีอยู่ดี แต่ในขณะเดียวกันช่องเองก็สามาถ
หาเงินได้กับคอนเทนที่มีใหม่ๆ เข้ามาเช่นกันค่ะ
แต่เรตติ้งอาจไม่ใช่ตัววัดแค่อันเดียวอีกต่อไปแล้ว
เพราะมันมีคอนเทนใหม่ๆ ให้เลือกในการรับชมเกิด
ขึ้นมามากมายและเขาหาเงินจากตรงนั้นได้ จากที่
คุณจะเห็นได้ว่าเรตติ้งช่องหลักขยับลดลงในเกณฑ์
ที่ต่ำลงจากที่เคยเป็น เพราะช่องเกิดใหม่ ก็จะส่ง
ละครเพิ่มขึ้นเช่นกัน
งั้นเค้กคุณไม่สามารถแบ่งกินกันได้แบบไม่กี่คนอีกแล้ว
มีคนรอมาแบ่งอีกหลายคน ต้องพยายามปรับตัวกัน
ให้ได้นั้นเอง จากช่องวันคิดแบบนี้จึงไม่แปลกใจทำไม
เราเห็นละครแบบกาหลมหรทึก (กล้าทำแม้รู้แหละว่า
ไม่ทำเงิน แต่อยากลองไง จึงเสียดายว่าคงได้ดูอะไรประมาณนี้อีกยากแน่ๆ) หรือเลือดข้นคนจางที่เขาเล่น
กับความคิดและความอยากรู้คนได้ดีทีเดียว เรตติ้ง
ไม่สูงนัก แต่กระแสต่อยอดให้ช่องมันมีนั้นเอง
แล้วพวกคุณคิดอย่างไรกับคลิปนี้กันบ้างคะ