เราเป็นคนขี้หงุดหงิดหรือเรื่องมันน่าหงุดหงิด ช่วยบอกเราหน่อยเถอะ เกี่ยวกับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว

ตอนนี้เราอยู่ต่างประเทศ มาได้สัก 3 ปีแล้ว
มีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง สมมติชื่อน้องเอ เพิ่งแต่งงาน สามีเขา(สมมติชื่อ น้องบี)ได้ทุนมาเรียนคอร์สระยะสั้นประมาณ 3 เดือน และมาประเทศเดียวกับเรา และจะเดินทางกลับประเทศไทยประมาณวันที่ 1 มกราคม

น้องเอบอกเราว่าจะมาเยี่ยมสามี (เพิ่งแต่งงาน แต่งปุ๊บ สามีต้องเดินทางปั๊บ) และเยี่ยมเราช่วงปลายปีและจะเดินทางกลับพร้อมสามี

ช่วงกลางเดือนตุลาคมเราได้ถามถึงแผนเที่ยวและได้บอกไปว่าในเมื่อจะมาเที่ยวกับสามีเราก็ไม่ขอรบกวนแต่อยากขอเวลาเจอเราสักแค่ 1 วันโดยเราจะขอไปเที่ยวด้วย และจะจองร้านอาหารซึ่งได้ชื่อว่าจองยากมากๆไว้ให้ แต่น้องเอบอกว่ายังไม่ได้ขอวีซ่าและไม่มีแผนเที่ยว

เราเกรงว่าเขาจะขอวีซ่าไม่ทันเนื่องจากช่วงปลายปีคนต้องขอเยอะอยู่แล้ว จึงเร่งให้เขาไปขอ  พร้อมทั้งขอให้บอกช่วงเวลาเดินทางมาก่อนเพื่อเราจะได้จองร้านอาหาร
น้องเอก็บอกมาช่วงหนึ่ง 24-1 ธค. จะได้กลับพร้อมสามี

หลายวันถัดมาเราก็ถามถึงแผนเที่ยวอีกพยายามจะแทรกตัวไปเจอเขาให้ได้ ก็คิดถึงเพื่อนนั่นแหละ แต่เขาบอกว่ายังไม่มีแพลนเที่ยว สามียังไม่ส่งมาให้แต่ซื้อตั๋วแล้ว พร้อมกับแคปหน้าจอตั๋วมาให้

แต่พอขยายดูกลายเป็นว่าวันเดินทางไม่ตรงกับที่เคยบอกไว้ เขาบอกว่าเปลี่ยนเนื่องจากเพื่อนร่วมทริปคนอื่นไม่สะดวก

แล้วก็งอนสามีอีกบอกว่าสามีไม่ยอมเขียนแผนเที่ยวให้ เราได้คุยกับสามีเขาเผื่อจะช่วยเขียนแผนเที่ยวกัน เพราะเราก็พอจะรู้ทิศทางแล้ว และอยากรู้ว่าสามีเขาไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้าง จะได้ไม่ซ้ำมาก และอยากรู้ว่าพอจะมีเวลาได้เจอกับเราหรือเปล่า แต่สามีบอกว่ายังงงๆอยู่เหมือนกัน เพราะตอนแรกคุยกันว่าจะมาฮันนีมูน แต่ภรรยาชวนคนอื่นมาด้วย และเลื่อนวันเดินทางออกไป แต่เขาจะได้อยู่เที่ยวกับภรรยาแค่ 3 วัน และต้องกลับไม่พร้อมกัน

พอเขาบอกว่าฮันนีมูนและมีเวลาเจอกันน้อย เราเลยขอให้สามีเพื่อนเป็นคนคิดแผนเที่ยวแบบจริงจัง ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เอาใจภรรยา โดยให้เอาความต้องการของทั้งคู่เป็นหลัก ตอนนั้นน้องบีก็เดินทางไปนอกเมือง เวลาก็กระชั้นชิด เราจึงเสนอว่าเราจะเขียนแผนคร่าวๆสำหรับยื่นขอวีซาให้เพื่อนเราไปก่อน แต่เที่ยวจริงอย่าเอาตามที่เราเขียน ให้ยึดความต้องการของคนทั้งคู่ (เท่าที่น้องบีบอกคือ คนอื่นร่วมทริปเป็นประเภท อะไรก๋ได้)...

แต่สุดท้ายน้องเอบอกว่าจะเที่ยวตามแผนเราไม่สนสามีแล้วเพราะรอแผน แผนไม่มา และถือว่ามาเที่ยวกับเพื่อน เราดุเพื่อนไปรอบนึงว่าเปลี่ยนวันแต่ไม่ยอมบอกเราและสามีเขา แล้วเราก็บอกให้น้องหาข้อมูลรายละเอียดการท่องเที่ยวและวางแผนการเดินทางให้ละเอียดมากขึ้นเพราะแผนเดิมเรากำหนดแค่ว่าแต่ละวันจะไปที่ไหนบ้าง

น้องเอและเพื่อนๆ ที่มา จริงๆ มีฐานะ แต่บอกว่าอยากเที่ยวแบบประหยัดยอมกินไข่ต้มเปนอาหารหลัก

ประเทศที่เราอยู่ การเดินทางสะดวกมากๆ เราจึงแนะนำว่าให้พักอยู่ที่เดิมแล้วเดินทางไปเที่ยวนอกเมืองแบบไปเช้าเย็นกลับพร้อมทั้งเลือกที่พักแบบที่ทำกับข้าวได้จำพวก backpacker โดยเราให้รหัสไปรษณีย์ของเราไป และเขามีของสามีเขา ที่พักควรจะอยู่ใกล้คนใดคนหนึ่งเนื่องจากหนึ่งในผู้ร่วมทริปมีโรคประจำตัว

น้องเอ๋จองที่พักแล้วส่งมาให้เราดูแต่แบบว่า เหมือนให้จองที่พักในกรุงเทพฯแล้วไปเที่ยวนครปฐม แล้วก็กลับมาพักกรุงเทพ แต่น้องเอไปจองกรุงเทพฯ 1 คืนนครปฐม 1 คืน ซึ่งมันไม่จำเป็นและทำให้ต้องเหนื่อยกับการขนกระเป๋า ดูเหมือนข้อความที่เราส่งไปน้องเอไม่อ่านเลย

เนื่องจากเป็นการจองผ่าน booking.com และน้องเอมีญาติป่วยกระทันหันและมีงานเร่งด่วน ไม่มีเวลาจัดการ เราจึงเสนอว่าเราจะเขียนแพลนเที่ยวให้แต่ขอรหัสเข้า booking เพื่อที่เราจะได้ไปยกเลิกหรือเลื่อนการพักให้สอดคล้องกับแผนที่เราจะเขียน เพราะทุกอย่างต้องจองล่วงหน้ารวมถึงการเดินทาง การเช่ารถ และการเข้าชมบางสถานที่

น้องเอตอบไม่หมด คงอ่านไลน์คร่าวๆอีกแล้ว เราก็เลยดุไปว่าเราวางแผนให้ไม่ได้ถ้าไม่ให้ข้อมูลที่เราต้องการ น้องเอบอกว่า มีข้อมูลที่ไม่อยากบอก ไม่อยากให้รหัส  ที่จริง ..เรากับน้องเอเคยสนิทกันมากๆ รหัสเข้าอีเมลเขา เขาก็เคยบอกเรา โอเค ตอนนี้เพื่อนต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่เหมือนเดิมแล้ว  น้องเอคงงอนเราบอกว่าจะจัดแผนเที่ยวเองไม่รบกวนเราแล้ว

แล้วน้องเอก็เงียบหายไป

ลึกๆ ในใจจริงๆ เราว่าเป็นแบบนี้ก็ดี คือคนจะมาเที่ยวต้องวางแผนตัวเองมาก่อน หาจ้อมูลแล้วจะได้รู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร คนท้องถิ่นช่วยดูให้ทีหลัง แล้วจะบอกได้ว่าแผนนั้นโอเคไหม ปรับอะไร

2 อาทิตย์ก่อนการเดินทางเราถามถึงแพลนเที่ยวน้องเอบอกว่ายังไม่ได้ทำเราเตือนน้องเอให้รีบหาข้อมูลเพราะรายละเอียดมันเยอะ

2 วันสุดท้ายก่อนเดินทางเราถามน้องเอ๋ว่าเครื่องลงกี่โมงเราจะไปรับ น้องเอก็ส่งรูปตั๋วมาให้

ที่สนามบินเราหาเที่ยวบินเขาไม่เจอ จึงโทรถามสามีเขาซึ่งกำลังตามมาที่สนามบิน สามีบอกว่ามีการเปลี่ยนไฟลท์เนื่องจากสายการบินเดิม  overbooked

ก็เดากันไปว่าจะมาลง Terminal นี้ พวกเขามีปัญหาเรื่องกระเป๋าเล็กน้อยทำให้ออกมาช้า จนเราว่าจะกลับอยู่แล้วเชียว

เริ่มรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินคือไม่รู้อะไรเลย แผนเที่ยวใหม่ก็ไม่ส่งมาให้ดู เปลี่ยนที่ยวบินก็ไม่บอกกัน ทุกอย่างต้องคอยถาม

เอาล่ะเมื่อเจอกันปรากฏว่าแผนเที่ยวไม่มี เอาแผนเก่าๆที่เราเขียนนั่นแหละเป็นแผนหลัก ซึ่งในความรู้สึกเราคือเจ๊งไม่เป็นท่าเนื่องจากครึ่งหนึ่งของแผนจะต้องจองตั๋วเข้าชม เช่ารถและตั๋วรถไฟล่วงหน้า ซึ่งเมืองนี้ทุกอย่างถูกลงเกินครึ่งถ้าจองมาก่อน ปรากฎ แม้ตอนนี้จะไม่เกี่ยงราคา แต่ทุกอย่างเต็มหมด เช่ารถก็ยังไม่ได้ จึงไปไหนไม่ได้เลยนอกจากเที่ยวในเมืองหลวง โชคดีที่มีพิพิธภัณฑ์เยอะ

มีส่วนหนึ่งของแผนที่สามีคิดให้ ตอนแรกเราเข้าใจว่าสามีจะไปด้วยปรากฏว่าสามีคิดให้ภรรยาไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนตัวเองเดินทางกลับเมืองไทย เราก็งงๆตกลงว่าเขาไม่ฮันนีมูนกันใช่ไหม

เราพาพวกเขาเที่ยวอยู่สองวันแรก  หลังจากนั้นเราต้องทำงาน
แผนที่สามีเขาคิดไว้จะต้องฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ห้องเรา เราจึงเขียนรายละเอียดเดินทางมาบ้านให้น้องเอ แต่ก็บอกน้องเอ๋ว่าให้รออยู่ที่สถานีช่วงที่ต่อรถเมล์ไม่ต้องมาเองเดี๋ยวจะไปรับที่สถานี (ที่เขียนไว้ก็เผื่อตอนเขามารับกระเป๋ากลับ จะได้รู้ทาง)

จากบ้านเราไปสถานีที่จริงไม่ไกลแต่วันนั้นรอรถนาน เราจึงเดินไป

เกือบจะถึงสถานีอยู่แล้ว เราเดินสวนกับเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่แยกตัวออกมาซื้อย าแล้วจึงได้พบว่าทั้งหมดมายืนนอกสถานีกำลังจะต่อรถเมล์ไปบ้านของเรา ก็คือน้องเออ่านข้อความเราไม่หมดอีกแล้ว ไม่อ่านหรือไม่สนข้อความที่บอกให้รอ

เราในฐานะเจ้าถิ่น บอกตามตรงว่าอยากต้อนรับให้ดี ให้สะดวกสุด ประกยัดสุด ตรงความต้องการของพวกเขามากที่สุด

ในฐานะเพื่อนสนิท บอกเลยว่าหงุดหงิดมาก อุตส่าห์ประหยัดนู่นประหยัดนี่ อยากมาเที่ยวแบบประหยัดจริงๆก็ควรจะต้องวางแผนการเดินทางให้ดีจะได้มาให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ไม่ใช่สุดท้ายปลอบใจตัวเองว่าแบบนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว  ทุกคนที่มาจริงๆก็สามารถคิดแผนเที่ยวได้ด้วยตัวเองแต่เพื่อนเราคงไม่ได้บอกให้ใครช่วยคิด ทุกคนดูงงๆ ว่าทำไมไม่ได้จอง มองหน้าเราแบบมีคำถาม  

มีคนนึงอยากไปเมืองที่ไม่ได้อยู่ในแผนที่เราเขียนไว้  มีช่วงที่ออก outdoor นางบอกว่าชอบมากกว่าเดินพิพิธภัณฑ์ นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่เรากลัวที่สุด เราไม่ชอบความรู้สึกที่พาใครเที่ยวในที่ที่เขาไม่อยากไป หรือมีที่อื่นที่เขาอยากไปมากกว่าแต่ต้องทนเที่ยวกับเราเพราะเกรงใจ

..เราไม่อยากต่อว่าเพื่อนเราต่อหน้าคนอื่นๆเลย แต่ก็อดไม่ได้  เราเป็นคนดุ ไม่ใช่ตกลงอะไรกันไว้แล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้  แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงแผนที่กระทบคนอื่นๆ ก็ควรจะแจ้งให้เขาทราบไหม นี่ที่ฝากกระเป๋าไว้ยังไม่บอกเราเลยว่าจะมาเอากี่โมง ตอนจะเอามาฝากก็เป็นเราที่เป็นคนถามว่าจะมาฝากกี่โมง คือเราก็ไม่ได้อยู่บ้านตลอดอ่ะ

ใน Pantip นี้มีใครเข้าใจเราไหมคะ หรืออันที่จริงเราควรเย็นลงกว่านี้
เราอยากบอกว่าเราเคยอยู่ในฐานะคนที่ไปเที่ยวโดยไม่มีอะไรในหัวเลยและในฐานะคนที่เป็นคนวางแผนเที่ยว ข้อมูลที่ได้รับ ความทรงจำที่เหลืออยู่มันแตกต่างกันมากๆ เอาจริงๆนะ ที่เราตามเขาไปเราแทบจำอะไรไม่ได้เลย แต่ทริปที่เราวางแผนเอง เราไม่ต้องไปจริงก็ได้ทุกวันนี้ยังเหมือนเราไปที่นั่นมาแล้วเลยด้วยซ้ำ

รู้ว่าการวางแผนเที่ยวมันยากและต้องใช้เวลาจำนวนมาก

เราอยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รับความคุ้มค่ากับการมาเที่ยวนะคะ

หงุดหงิด ไม่อยากไปลงกับเพื่อนพรุ่งนี้ ขอมาระบายในพันทิปแทนละกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่