..........( ลำดวน )..........
.........เสียงพึมพำ พึมพำ ของหญิงสูงวัย หรือที่คนในหมู่บ้านเรียกกันว่า แม่หมอ สะกดคนบนเรือนร่วมยี่สิบคนให้นั่งนิ่ง ตามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ในวงพิธีด้านหน้าสุด เธอนั่งอย่างสงบแต่ส่งแววตาดุดันมองไปทั่วบ้านตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอต้องร่นถอยไปห่าง ๆ ด้วยความกลัว บริเวณรอบ ๆ วงพิธีจึงมีที่ว่างมากมาย
เสียงพึมพำ ดังต่อไปอีกสักพักใหญ่จึงเงียบลง แม่หมอ ยกเทียนขี้ผึ้งเล่มใหญ่บนขอบขันทองเหลืองขึ้นมาเพื่อจะหยดเทียนลงไปในน้ำที่จะทำน้ำมนต์ พอน้ำตาเทียนหยดแรกโดนน้ำในขัน หญิงสาวก็ลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว คนทั้งหมดส่งเสียงตกใจพร้อมกับขยับถอยหลังทันที เธอยืนนิ่งมองตาขวางไปรอบ ๆ สายตามาหยุดที่ชายชราคนนึงที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ข้างเสาเรือนไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตา
“ ฉันไม่ได้เป็นอะไร “ เสียงห้าวดังออกมาจากปาก พูดจบเธอก็เดินไปทางบันได คนที่นั่งขวางอยู่แหวกทางเป็นช่องอย่างไว เสียงเธอเดิน ตึง ตึง ตึง จนบ้านสะเทือนก่อนจะลงเรือนไป
คนบนเรือนคุยกันไปต่าง ๆ นา ฟังจับใจความไม่ได้ ชายชรายังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างเสาเรือน หลังงอ ไหล่ห่อ ใบหน้าหมองด้วยความทุกข์ใจ แม่หมอเดินมานั่งข้าง ๆ ตบหลังมือเบา ๆ อย่างคนคุ้นเคย “ ทำใจดี ๆ ไว้ ตาแถบ เค้ายังไม่ยอมเปิดให้ “ ชายชรามองแม่หมอด้วยแววตาอิดโรย พยักหน้าเนือย ๆ
“ ฉันรู้ หัวอกคนเป็นพ่อมันเป็นยังไง ฉันจะช่วยให้ถึงที่สุด ไม่ต้องห่วง “ แม่หมอปลอบใจผู้เป็นพ่อทั้งที่ตัวเองซ่อนความกังวลไว้ลึก ๆ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แม่หมอคิดในใจ ไม่เอ่ยออกมาให้ใครได้ยิน ครู่ใหญ่ ๆ ทุกคนพากันร่ำลาแม่หมอแล้วเวียนกันมาคุยกับตาแถบสองสามคำก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
“ นังลำดวนมันเป็นเอามากนา ไปทำงานได้แค่ครึ่งปีแท้ ๆ แย่กลับมาเลย “ เสียงพูดคุยถึงหญิงสาวในมุมต่าง ๆ ของหมู่บ้านมีทุกวงสนทนา ต่างคนก็ต่างมีความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นต้องกันว่าหญิงสาวโดนกระทำจากสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น หลายคนเป็นห่วง เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก บ้างก็เป็นญาติ เป็นเพื่อน ต่างก็สนิท และรักกันเหมือนพี่น้อง
ยามเช้าวันนี้คนที่ยังไม่ได้ออกไปทำงาน หรือไปนา ต่างก็มานั่งชุมนุมกันอยู่ที่ลานหน้าบ้านเฒ่าฉุย มีม้ายาววางเรียงอยู่สามตัวใต้ต้นฉำฉาใหญ่ พอให้หลาย ๆ คนได้นั่งกันสบาย “ แถวอีสานใต้ของเขมรมันเยอะ ข้าไปทำงานอยู่ได้พักเดียวยังต้องรีบกลับ “ เฒ่าฉุยทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงตอนที่ไปทำงานเป็นช่างไม้กับผู้รับเหมาเมื่อนานมาแล้วใกล้ ๆ ชายแดนเขมร การเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่มีเหตุผล อุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดได้ และอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งชุดยกทีมกลับหลังจากที่ไปอยู่ได้ไม่นาน
“ เห็นตั้งแต่มันเดินลงรถมาแล้ว ท่าทางมันแปลก ๆ “ ตาน้อยให้ข้อสังเกต “ หน้ามันคล้ำผิดปกติ “ ทุกคนพยักหน้าทำท่าเห็นด้วย
“ ตาแถบบอกข้าวปลามันก็ไม่ยอมกิน หมกตัวอยู่แต่ในห้อง “ ได้ยินแล้วทุกคนก็นั่งนิ่ง
“ ปอบ “ เสียงนี้ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันแล้วเงียบไปอึดใจนึง “ แต่ข้าว่าไม่น่าใช่ “ เฒ่าฉุยแย้งเบา ๆ ทุกคนตั้งใจฟัง
“ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ข้าก็ไม่เคยเห็นปอบจริง ๆ สักที เคยแต่ได้ยินเค้าเล่าต่อ ๆ กันมา “ เฒ่าฉุย เฉลย “ และไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร มันก็ต้องหิว แล้วก็ออกหาอะไรกินมั่งสิ “
เสียงคุยกันพึมพำ ๆ เป็นทำนองเห็นด้วย “ แต่เราไม่เคยเห็นนังลำดวนไปไหนเลยนะ นอกจากวันที่ตาแถบบังคับไปหาแม่หมอวันนั้นเอง “ เจ้าหนุ่มคนนึงให้ความเห็น ก็จริง ทุกคนเห็นด้วย และก็ได้เห็นหญิงสาวเต็มตากันที่นั่น เธอซูบซีด หน้าตาอิดโรย ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ เดินเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรง แต่มีอยู่อย่างนึงที่ทำให้ทุกคนเกรง นั่นก็คือแววตาอันดุดัน เวลามองใครเธอจะจ้องนิ่งจนต้องหลบตากันเป็นแถว
“ กลางคืนล่ะ “ “ เออ ใช่ “ ความเห็นนี้เรียกเสียงตอบออกมาพร้อมกันแทบจะทันใด “ เออ กลางคืน มันอาจจะออกมาหากินก็ได้ “ เสียงคุยกันดังเซ็งแซ่แล้วทีนี้ “ แล้วเราก็ไม่ได้เคยคิดถึงเรื่องนี้ “ เสียงสนับสนุนเริ่มเพิ่มขึ้นมา “ แล้วเราจะเอายังไง “
“ เอางี้ “ เฒ่าฉุยเอ่ยขึ้นมา “ คืนนี้เราจะเริ่มตามดูนังลำดวนกัน “ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ แต่ต้องคุยกับตาแถบให้เข้าใจ เพราะนังลำดวนมันก็หลานข้าไม่ใช่คนอื่น “ ผู้เฒ่าหยุดนิดนึงเสียงคล้าย ๆ จะสะอึก “ แม่มันที่เสียไปก็น้องข้า จะทำอะไรก็ต้องคุยกันให้เข้าใจซะก่อน ลองดูให้รู้กันสิว่ามันเป็นยังไงกันแน่จะได้มาคิดหาทางแก้กัน “ แกมองเหม่อไปกลางท้องทุ่งเบื้องหน้า คิดว่าถ้าแม่ของลำดวนยังอยู่จะช่วยลูกยังไง
“ เอ้า งั้นก็แยกย้ายกันไปเตรียมข้าวของให้พร้อม ลองดูซิมันต้องใช้อะไรมั่ง “ ตาน้อยสรุปแผน “ แล้วค่ำ ๆ เรามารวมกันที่นี่ ปรึกษากันอีกทีว่าจะต้องทำยังไง “ ทุกคนเข้าใจตรงกันต่างเตรียมตัวแยกย้ายกันไป
พอลุกขึ้นก็มองเห็นรถยนต์คันนึงแล่นช้า ๆ มาทางบ้านเฒ่าฉุยเป็นรถเก๋งรุ่นธรรมดาพอมาถึงแล้วก็เลี้ยวเข้ามาจอดในลานหน้าบ้านผู้เฒ่า พอรถหยุดสนิทดี ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดหน้าตาคมก็เปิดประตูก้าวลงมาจากรถ ยกมือไหว้ผู้เฒ่าและกล่าวสวัสดีทุกคน ทั้งหมดรับไหว้แต่ยังทำท่า งง ๆ
“ ไปไงมาไงล่ะพ่อคุณ “ ตาน้อยถามขึ้นมาก่อน “ “ ผมมาหา คุณลุงแถบครับ “ ทุกคนยังอึ้งอยู่เพราะไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหนุ่มคนนี้มาก่อน
“ ผมชื่อสมชายครับ เป็นครูอยู่โรงเรียนที่อำเภอ... “ ครูหนุ่มแนะนำตัวพร้อมทั้งบอกชื่อโรงเรียนที่สอนอยู่ “ อ้อ นังลำดวนก็เพิ่งมาเมื่อเดือนก่อนนี่ หมู่บ้านใกล้ ๆ กันเลย “ เฒ่าฉุยตั้งข้อสังเกตุ
“ ครับ ผมมานี่ก็เรื่องลำดวนนี่แหละครับ “ ครูหนุ่มยิ้มกว้าง เจ้าบ้านจัดหาที่ให้เขานั่ง เด็ก ๆ วิ่งไปเรือนหาน้ำมาเลี้ยงแขก ตาน้อยบอกเจ้าหนุ่มคนนึงไปรับตาแถบมาจากกลางนา แป๊บเดียวเสียงบิดรถไปนู่น
ระหว่างที่รอ ตาน้อยก็แนะนำทีละคนให้รู้จัก เสร็จแล้วก็ถามไถ่ถึงความยากง่ายในการเดินทางมา คุยกันไปชั่วครู่เสียงรถเจ้าหนุ่มก็วิ่งใกล้เข้ามาจนกระทั่งถึงเขตบ้าน พอเลี้ยวเข้ามาจอดกลางลานเรียบร้อยตาแถบที่ซ้อนท้ายมาก็ลงรถเดินไปนั่งข้าง ๆ เฒ่าฉุย และตาน้อย ครูหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามยิ้มกว้างยกมือไหว้แนะนำตัวแล้วมองผู้เป็นพ่อของลำดวนซึ่งเนื้อตัวเปื้อนขี้โคลนเต็มไปหมดด้วยความที่รีบมาเลยไม่ได้ล้างออก
ตาหม่นหมองมองครูหนุ่มด้วยความสงสัย “ เค้าบอกจะมาเรื่องลำดวน “ ตาน้อยเอ่ยขึ้นมา ทุกคนมองครูหนุ่มนิ่งตาแถบจ้องตาไม่กระพริบ “ ครับ ผมจะมาขอลำดวนแต่งงาน “ ทั้งหมดตัวแข็งทื่อ ตาแถบอ้าปากค้างกรอกตามองหน้าทุกคนพูดอะไรไม่ออก
“ ผมกับลำดวนรักกันครับ ถ้าคุณลุงและทุกคนตกลง พรุ่งนี้ผมจะให้พ่อแม่ และญาติ ๆ เตรียมข้าวของเงินทองมาครับ “ เด็กหนุ่ม ๆ สี่ห้าคน เดินเลี่ยงออกไปริมรั้วยืนคุยกันในเรื่องที่ได้ยินต่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ แต่ “ ตาแถบได้สติก่อนใครเพื่อน “ นังลำดวนมันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ “ ครูหนุ่มตาโตพูดอย่างตกใจ “ อ้าว เค้ามีแฟนใหม่แล้วเหรอครับ “ ตาแถบส่ายหัวช้า ๆ พูดไม่ออกเหมือนมีก้อนอะไรจุกที่ลำคอกัดริมฝีปากก้มหน้ากลั้นน้ำตา
เฒ่าฉุยกับตาน้อยผลัดกันเล่าถึงอาการของลำดวนตั้งแต่กลับมา ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาอาการที่ไม่เกรงกลัวใครแม้กระทั่งแม่หมอที่คนเคารพนับถือกันทั้งหมู่บ้าน พอผู้เฒ่าเล่าจบ ครูหนุ่มก็ลุกขึ้นช้า ๆ เดินไปนั่งข้าง ๆ ตาแถบพูดอะไรเบา ๆ สองสามคำ พร้อมทั้งคุกเข่ากราบลงที่ตัก สองผู้เฒ่ามองอย่างสงสัย ตาแถบเงยหน้าขึ้นช้า ๆ พร้อมดึงแขนครูหนุ่มเบา ๆ ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเดิม มองหน้าสองผู้เฒ่า พูดแบบคนใจลอย
“ นังลำดวนมันท้อง “ “ หา “ เสียงตาน้อยดังกว่าใคร อารมณ์หลากหลายผสมปนเปกันไปหมดทั้งสามคน “ ครับ ลำดวนแพ้ท้องหนักมาก อยู่ที่นู่นอาการก็เป็นแบบนี้แหละ หมอให้ยามากินก็เบาไปวันสองวันแล้วก็เป็นอีก “ ครูหนุ่มเล่าเรื่องราวด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงคนรัก “ พอดีผมติดตรวจข้อสอบเด็ก เลยให้ลำดวนล่วงหน้ามาก่อน “ เขารับปากเธอว่าจะรีบมาสู่ขอทันทีที่สะสางงานเรียบร้อย และขอรับผิดชอบในการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้น
พอครูหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบลงสามผู้เฒ่าก็มองหน้ากันไปมา ความในใจของทั้งสามคนตอนนี้ยากที่จะอธิบายให้ใครฟังได้ โดยเฉพาะความรู้สึกของตาแถบที่นั่งนิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก มีแต่น้ำตาที่ซึมออกมาทั้งสองตา เท่านั้น
การเตรียมงานสู่ขวัญ และงานกินดองได้ถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว กำหนดการอีกสามวันข้างหน้าทำเอาทุกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ รถขนใบตองมา กองไว้ใต้ถุนเรือนตาแถบให้คนทำบายศรีจนจุใจ
ดอกไม้ที่เป็นมงคลทั้งหลาย ดอกรัก ดอกบัว บานไม่รู้โรย บานชื่น ดาวเรือง มะลิ กว้านมาจากทุกที่ที่มี เครื่องสังเวย จำพวกไก่ ไข่ไก่ อาหารคาว-หวาน สุรา ยาสูบ ผลไม้ มะพร้าวอ่อน ดอกไม้ธูปเทียน ขันห้า ให้คนนึงรับผิดชอบไป ซึ่งก็ไม่ต้องกังวลเพราะคนอาสามาช่วยงานมีล้นหลือ โดยเฉพาะ กลุ่มเชิญบายศรี กลุ่มฟ้อนเชิญขวัญ และผู้นั่งล้อมบายศรี แทบจะต้องจับฉลากเลือกกันเลยเพราะมีมากันหลายคนมาก
แม่หมอได้รับเชิญมาเป็นหมอสูตรขวัญ เพราะมีพร้อมทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ด้ายผูกขวัญถูกเตรียมไว้เต็มพาน
เพลงบรรเลงลำภูไทดังมาแผ่ว ๆ คนเตรียมงานเดินสวนกันไปมา พ่อแม่ของครูหนุ่มมาถึงแล้ว เจ้าบ้านจัดที่ให้พักบนเรือน รอบบริเวณเริ่มมีธงทิว และหลอดนีออนประดับ ตั้งใจว่าจะจัดงานเล็ก ๆ พอเป็นพิธี ไป ๆ มา ๆ มันไม่เล็กอย่างที่คิด เพราะทุกคนดีใจที่ลำดวนไม่ได้เจ็บป่วยอย่างที่เป็นห่วง เลยหาข้าวของมาร่วมงานกันจนล้น
ป้าแป้นป้าของลำดวนน้ำตาคลอพาหลานอาบน้ำแต่งตัวเตรียมต้อนรับผู้มาเยือน พอได้กินยาแก้แพ้ตัวใหม่ที่หมอให้ครูหนุ่มมา อาการเธอก็ดีขึ้นมาก นั่งยิ้มพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน นาน ๆ ก็แอบมองมายิ้มให้ครูหนุ่มสักที
ตาแถบนั่งพิงเสาเรือนท่าเดิม แต่คราวนี้หลังไหล่ไม่ห่อเหี่ยวแล้ว แถมหน้าตาก็สดชื่น คุยหยอกล้อคนนู้นคนนี้พากันหัวเราะไม่หยุด นั่งมองลูกสาวที่หน้าตาแช่มชื่นขึ้นมามาก พลางคิดว่าถ้าแม่ของลำดวนอยู่ถึงวันนี้ จะเป็นยังไงนะที่ได้เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา คิดแล้วก็หันไปมองครูหนุ่ม แล้วยิ้มด้วยความเป็นสุข แต่ใครจะรู้มั่งมั๊ยว่าตาแถบมีความสุขเพราะอะไรมากกว่ากัน ระหว่างที่แกจะได้อุ้มหลาน กับ การมีลูกเขยเป็นครู...............@@
ลุงแผน
๒ มกราคม ๒๔๖๒
.......................................
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ........
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง......ลำดวน........@@ โดย ลุงแผน
.........เสียงพึมพำ พึมพำ ของหญิงสูงวัย หรือที่คนในหมู่บ้านเรียกกันว่า แม่หมอ สะกดคนบนเรือนร่วมยี่สิบคนให้นั่งนิ่ง ตามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ในวงพิธีด้านหน้าสุด เธอนั่งอย่างสงบแต่ส่งแววตาดุดันมองไปทั่วบ้านตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอต้องร่นถอยไปห่าง ๆ ด้วยความกลัว บริเวณรอบ ๆ วงพิธีจึงมีที่ว่างมากมาย
เสียงพึมพำ ดังต่อไปอีกสักพักใหญ่จึงเงียบลง แม่หมอ ยกเทียนขี้ผึ้งเล่มใหญ่บนขอบขันทองเหลืองขึ้นมาเพื่อจะหยดเทียนลงไปในน้ำที่จะทำน้ำมนต์ พอน้ำตาเทียนหยดแรกโดนน้ำในขัน หญิงสาวก็ลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว คนทั้งหมดส่งเสียงตกใจพร้อมกับขยับถอยหลังทันที เธอยืนนิ่งมองตาขวางไปรอบ ๆ สายตามาหยุดที่ชายชราคนนึงที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ข้างเสาเรือนไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตา
“ ฉันไม่ได้เป็นอะไร “ เสียงห้าวดังออกมาจากปาก พูดจบเธอก็เดินไปทางบันได คนที่นั่งขวางอยู่แหวกทางเป็นช่องอย่างไว เสียงเธอเดิน ตึง ตึง ตึง จนบ้านสะเทือนก่อนจะลงเรือนไป
คนบนเรือนคุยกันไปต่าง ๆ นา ฟังจับใจความไม่ได้ ชายชรายังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างเสาเรือน หลังงอ ไหล่ห่อ ใบหน้าหมองด้วยความทุกข์ใจ แม่หมอเดินมานั่งข้าง ๆ ตบหลังมือเบา ๆ อย่างคนคุ้นเคย “ ทำใจดี ๆ ไว้ ตาแถบ เค้ายังไม่ยอมเปิดให้ “ ชายชรามองแม่หมอด้วยแววตาอิดโรย พยักหน้าเนือย ๆ
“ ฉันรู้ หัวอกคนเป็นพ่อมันเป็นยังไง ฉันจะช่วยให้ถึงที่สุด ไม่ต้องห่วง “ แม่หมอปลอบใจผู้เป็นพ่อทั้งที่ตัวเองซ่อนความกังวลไว้ลึก ๆ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แม่หมอคิดในใจ ไม่เอ่ยออกมาให้ใครได้ยิน ครู่ใหญ่ ๆ ทุกคนพากันร่ำลาแม่หมอแล้วเวียนกันมาคุยกับตาแถบสองสามคำก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
“ นังลำดวนมันเป็นเอามากนา ไปทำงานได้แค่ครึ่งปีแท้ ๆ แย่กลับมาเลย “ เสียงพูดคุยถึงหญิงสาวในมุมต่าง ๆ ของหมู่บ้านมีทุกวงสนทนา ต่างคนก็ต่างมีความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นต้องกันว่าหญิงสาวโดนกระทำจากสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น หลายคนเป็นห่วง เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก บ้างก็เป็นญาติ เป็นเพื่อน ต่างก็สนิท และรักกันเหมือนพี่น้อง
ยามเช้าวันนี้คนที่ยังไม่ได้ออกไปทำงาน หรือไปนา ต่างก็มานั่งชุมนุมกันอยู่ที่ลานหน้าบ้านเฒ่าฉุย มีม้ายาววางเรียงอยู่สามตัวใต้ต้นฉำฉาใหญ่ พอให้หลาย ๆ คนได้นั่งกันสบาย “ แถวอีสานใต้ของเขมรมันเยอะ ข้าไปทำงานอยู่ได้พักเดียวยังต้องรีบกลับ “ เฒ่าฉุยทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงตอนที่ไปทำงานเป็นช่างไม้กับผู้รับเหมาเมื่อนานมาแล้วใกล้ ๆ ชายแดนเขมร การเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่มีเหตุผล อุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดได้ และอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งชุดยกทีมกลับหลังจากที่ไปอยู่ได้ไม่นาน
“ เห็นตั้งแต่มันเดินลงรถมาแล้ว ท่าทางมันแปลก ๆ “ ตาน้อยให้ข้อสังเกต “ หน้ามันคล้ำผิดปกติ “ ทุกคนพยักหน้าทำท่าเห็นด้วย
“ ตาแถบบอกข้าวปลามันก็ไม่ยอมกิน หมกตัวอยู่แต่ในห้อง “ ได้ยินแล้วทุกคนก็นั่งนิ่ง
“ ปอบ “ เสียงนี้ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันแล้วเงียบไปอึดใจนึง “ แต่ข้าว่าไม่น่าใช่ “ เฒ่าฉุยแย้งเบา ๆ ทุกคนตั้งใจฟัง
“ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ข้าก็ไม่เคยเห็นปอบจริง ๆ สักที เคยแต่ได้ยินเค้าเล่าต่อ ๆ กันมา “ เฒ่าฉุย เฉลย “ และไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร มันก็ต้องหิว แล้วก็ออกหาอะไรกินมั่งสิ “
เสียงคุยกันพึมพำ ๆ เป็นทำนองเห็นด้วย “ แต่เราไม่เคยเห็นนังลำดวนไปไหนเลยนะ นอกจากวันที่ตาแถบบังคับไปหาแม่หมอวันนั้นเอง “ เจ้าหนุ่มคนนึงให้ความเห็น ก็จริง ทุกคนเห็นด้วย และก็ได้เห็นหญิงสาวเต็มตากันที่นั่น เธอซูบซีด หน้าตาอิดโรย ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ เดินเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรง แต่มีอยู่อย่างนึงที่ทำให้ทุกคนเกรง นั่นก็คือแววตาอันดุดัน เวลามองใครเธอจะจ้องนิ่งจนต้องหลบตากันเป็นแถว
“ กลางคืนล่ะ “ “ เออ ใช่ “ ความเห็นนี้เรียกเสียงตอบออกมาพร้อมกันแทบจะทันใด “ เออ กลางคืน มันอาจจะออกมาหากินก็ได้ “ เสียงคุยกันดังเซ็งแซ่แล้วทีนี้ “ แล้วเราก็ไม่ได้เคยคิดถึงเรื่องนี้ “ เสียงสนับสนุนเริ่มเพิ่มขึ้นมา “ แล้วเราจะเอายังไง “
“ เอางี้ “ เฒ่าฉุยเอ่ยขึ้นมา “ คืนนี้เราจะเริ่มตามดูนังลำดวนกัน “ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ แต่ต้องคุยกับตาแถบให้เข้าใจ เพราะนังลำดวนมันก็หลานข้าไม่ใช่คนอื่น “ ผู้เฒ่าหยุดนิดนึงเสียงคล้าย ๆ จะสะอึก “ แม่มันที่เสียไปก็น้องข้า จะทำอะไรก็ต้องคุยกันให้เข้าใจซะก่อน ลองดูให้รู้กันสิว่ามันเป็นยังไงกันแน่จะได้มาคิดหาทางแก้กัน “ แกมองเหม่อไปกลางท้องทุ่งเบื้องหน้า คิดว่าถ้าแม่ของลำดวนยังอยู่จะช่วยลูกยังไง
“ เอ้า งั้นก็แยกย้ายกันไปเตรียมข้าวของให้พร้อม ลองดูซิมันต้องใช้อะไรมั่ง “ ตาน้อยสรุปแผน “ แล้วค่ำ ๆ เรามารวมกันที่นี่ ปรึกษากันอีกทีว่าจะต้องทำยังไง “ ทุกคนเข้าใจตรงกันต่างเตรียมตัวแยกย้ายกันไป
พอลุกขึ้นก็มองเห็นรถยนต์คันนึงแล่นช้า ๆ มาทางบ้านเฒ่าฉุยเป็นรถเก๋งรุ่นธรรมดาพอมาถึงแล้วก็เลี้ยวเข้ามาจอดในลานหน้าบ้านผู้เฒ่า พอรถหยุดสนิทดี ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดหน้าตาคมก็เปิดประตูก้าวลงมาจากรถ ยกมือไหว้ผู้เฒ่าและกล่าวสวัสดีทุกคน ทั้งหมดรับไหว้แต่ยังทำท่า งง ๆ
“ ไปไงมาไงล่ะพ่อคุณ “ ตาน้อยถามขึ้นมาก่อน “ “ ผมมาหา คุณลุงแถบครับ “ ทุกคนยังอึ้งอยู่เพราะไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหนุ่มคนนี้มาก่อน
“ ผมชื่อสมชายครับ เป็นครูอยู่โรงเรียนที่อำเภอ... “ ครูหนุ่มแนะนำตัวพร้อมทั้งบอกชื่อโรงเรียนที่สอนอยู่ “ อ้อ นังลำดวนก็เพิ่งมาเมื่อเดือนก่อนนี่ หมู่บ้านใกล้ ๆ กันเลย “ เฒ่าฉุยตั้งข้อสังเกตุ
“ ครับ ผมมานี่ก็เรื่องลำดวนนี่แหละครับ “ ครูหนุ่มยิ้มกว้าง เจ้าบ้านจัดหาที่ให้เขานั่ง เด็ก ๆ วิ่งไปเรือนหาน้ำมาเลี้ยงแขก ตาน้อยบอกเจ้าหนุ่มคนนึงไปรับตาแถบมาจากกลางนา แป๊บเดียวเสียงบิดรถไปนู่น
ระหว่างที่รอ ตาน้อยก็แนะนำทีละคนให้รู้จัก เสร็จแล้วก็ถามไถ่ถึงความยากง่ายในการเดินทางมา คุยกันไปชั่วครู่เสียงรถเจ้าหนุ่มก็วิ่งใกล้เข้ามาจนกระทั่งถึงเขตบ้าน พอเลี้ยวเข้ามาจอดกลางลานเรียบร้อยตาแถบที่ซ้อนท้ายมาก็ลงรถเดินไปนั่งข้าง ๆ เฒ่าฉุย และตาน้อย ครูหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามยิ้มกว้างยกมือไหว้แนะนำตัวแล้วมองผู้เป็นพ่อของลำดวนซึ่งเนื้อตัวเปื้อนขี้โคลนเต็มไปหมดด้วยความที่รีบมาเลยไม่ได้ล้างออก
ตาหม่นหมองมองครูหนุ่มด้วยความสงสัย “ เค้าบอกจะมาเรื่องลำดวน “ ตาน้อยเอ่ยขึ้นมา ทุกคนมองครูหนุ่มนิ่งตาแถบจ้องตาไม่กระพริบ “ ครับ ผมจะมาขอลำดวนแต่งงาน “ ทั้งหมดตัวแข็งทื่อ ตาแถบอ้าปากค้างกรอกตามองหน้าทุกคนพูดอะไรไม่ออก
“ ผมกับลำดวนรักกันครับ ถ้าคุณลุงและทุกคนตกลง พรุ่งนี้ผมจะให้พ่อแม่ และญาติ ๆ เตรียมข้าวของเงินทองมาครับ “ เด็กหนุ่ม ๆ สี่ห้าคน เดินเลี่ยงออกไปริมรั้วยืนคุยกันในเรื่องที่ได้ยินต่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ แต่ “ ตาแถบได้สติก่อนใครเพื่อน “ นังลำดวนมันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ “ ครูหนุ่มตาโตพูดอย่างตกใจ “ อ้าว เค้ามีแฟนใหม่แล้วเหรอครับ “ ตาแถบส่ายหัวช้า ๆ พูดไม่ออกเหมือนมีก้อนอะไรจุกที่ลำคอกัดริมฝีปากก้มหน้ากลั้นน้ำตา
เฒ่าฉุยกับตาน้อยผลัดกันเล่าถึงอาการของลำดวนตั้งแต่กลับมา ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาอาการที่ไม่เกรงกลัวใครแม้กระทั่งแม่หมอที่คนเคารพนับถือกันทั้งหมู่บ้าน พอผู้เฒ่าเล่าจบ ครูหนุ่มก็ลุกขึ้นช้า ๆ เดินไปนั่งข้าง ๆ ตาแถบพูดอะไรเบา ๆ สองสามคำ พร้อมทั้งคุกเข่ากราบลงที่ตัก สองผู้เฒ่ามองอย่างสงสัย ตาแถบเงยหน้าขึ้นช้า ๆ พร้อมดึงแขนครูหนุ่มเบา ๆ ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเดิม มองหน้าสองผู้เฒ่า พูดแบบคนใจลอย
“ นังลำดวนมันท้อง “ “ หา “ เสียงตาน้อยดังกว่าใคร อารมณ์หลากหลายผสมปนเปกันไปหมดทั้งสามคน “ ครับ ลำดวนแพ้ท้องหนักมาก อยู่ที่นู่นอาการก็เป็นแบบนี้แหละ หมอให้ยามากินก็เบาไปวันสองวันแล้วก็เป็นอีก “ ครูหนุ่มเล่าเรื่องราวด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงคนรัก “ พอดีผมติดตรวจข้อสอบเด็ก เลยให้ลำดวนล่วงหน้ามาก่อน “ เขารับปากเธอว่าจะรีบมาสู่ขอทันทีที่สะสางงานเรียบร้อย และขอรับผิดชอบในการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้น
พอครูหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบลงสามผู้เฒ่าก็มองหน้ากันไปมา ความในใจของทั้งสามคนตอนนี้ยากที่จะอธิบายให้ใครฟังได้ โดยเฉพาะความรู้สึกของตาแถบที่นั่งนิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปาก มีแต่น้ำตาที่ซึมออกมาทั้งสองตา เท่านั้น
การเตรียมงานสู่ขวัญ และงานกินดองได้ถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว กำหนดการอีกสามวันข้างหน้าทำเอาทุกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ รถขนใบตองมา กองไว้ใต้ถุนเรือนตาแถบให้คนทำบายศรีจนจุใจ
ดอกไม้ที่เป็นมงคลทั้งหลาย ดอกรัก ดอกบัว บานไม่รู้โรย บานชื่น ดาวเรือง มะลิ กว้านมาจากทุกที่ที่มี เครื่องสังเวย จำพวกไก่ ไข่ไก่ อาหารคาว-หวาน สุรา ยาสูบ ผลไม้ มะพร้าวอ่อน ดอกไม้ธูปเทียน ขันห้า ให้คนนึงรับผิดชอบไป ซึ่งก็ไม่ต้องกังวลเพราะคนอาสามาช่วยงานมีล้นหลือ โดยเฉพาะ กลุ่มเชิญบายศรี กลุ่มฟ้อนเชิญขวัญ และผู้นั่งล้อมบายศรี แทบจะต้องจับฉลากเลือกกันเลยเพราะมีมากันหลายคนมาก
แม่หมอได้รับเชิญมาเป็นหมอสูตรขวัญ เพราะมีพร้อมทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ด้ายผูกขวัญถูกเตรียมไว้เต็มพาน
เพลงบรรเลงลำภูไทดังมาแผ่ว ๆ คนเตรียมงานเดินสวนกันไปมา พ่อแม่ของครูหนุ่มมาถึงแล้ว เจ้าบ้านจัดที่ให้พักบนเรือน รอบบริเวณเริ่มมีธงทิว และหลอดนีออนประดับ ตั้งใจว่าจะจัดงานเล็ก ๆ พอเป็นพิธี ไป ๆ มา ๆ มันไม่เล็กอย่างที่คิด เพราะทุกคนดีใจที่ลำดวนไม่ได้เจ็บป่วยอย่างที่เป็นห่วง เลยหาข้าวของมาร่วมงานกันจนล้น
ป้าแป้นป้าของลำดวนน้ำตาคลอพาหลานอาบน้ำแต่งตัวเตรียมต้อนรับผู้มาเยือน พอได้กินยาแก้แพ้ตัวใหม่ที่หมอให้ครูหนุ่มมา อาการเธอก็ดีขึ้นมาก นั่งยิ้มพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน นาน ๆ ก็แอบมองมายิ้มให้ครูหนุ่มสักที
ตาแถบนั่งพิงเสาเรือนท่าเดิม แต่คราวนี้หลังไหล่ไม่ห่อเหี่ยวแล้ว แถมหน้าตาก็สดชื่น คุยหยอกล้อคนนู้นคนนี้พากันหัวเราะไม่หยุด นั่งมองลูกสาวที่หน้าตาแช่มชื่นขึ้นมามาก พลางคิดว่าถ้าแม่ของลำดวนอยู่ถึงวันนี้ จะเป็นยังไงนะที่ได้เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา คิดแล้วก็หันไปมองครูหนุ่ม แล้วยิ้มด้วยความเป็นสุข แต่ใครจะรู้มั่งมั๊ยว่าตาแถบมีความสุขเพราะอะไรมากกว่ากัน ระหว่างที่แกจะได้อุ้มหลาน กับ การมีลูกเขยเป็นครู...............@@
ลุงแผน
๒ มกราคม ๒๔๖๒
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ........