วิชา JP 101 เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง (ฉบับแจกเบ็ดตกปลา)

ที่มา
บทความนี้เกิดจากการรวบรวมประสบการณ์ของผู้เขียนในการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเป็นเวลากว่า 6 ปี ซึ่งตั้งต้นจากการไม่เคยไปเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น และต้องหาข้อมูลเกือบทุกอย่างในการท่องเที่ยวและการเอาตัวรอดในญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้ข้อมูลจากกระทู้ในพันทิป รวมถึงจากเว็บไซต์ต่างๆ ช่วยให้การเดินทางราบรื่น เมื่อคิดว่าตัวเองมีความเชี่ยวชาญในระดับนึง จึงอยากจะแชร์ความรู้และประสบการณ์ของตัวเองเพื่อตอบแทนคนอื่นบ้าง

ในบทความนี้ จะเน้นแนะนำการวางแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง และการใช้ชีวิต รวมถึงการเอาตัวรอดที่ญี่ปุ่นเป็นหลัก เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามข้อจำกัดและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ไม่ได้ทำในลักษณะ review สำเร็จรูปให้ลอกตามได้


การติดต่อผู้เขียน
เนื่องจากผู้เขียนไม่ได้เข้า Pantip.com เป็นประจำ อาจจะตอบคำถาม/ข้อความหลังไมค์ช้าได้ หากต้องการติดต่อผู้เขียนสามารถติดต่อได้ทาง Email: hnpcc123@gmail.com


ข้อจำกัดความรับผิดและความขัดกันแห่งผลประโยชน์
-ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฎในบทความนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ทันสมัยและถูกต้องที่สุดเท่าที่ผู้เขียนทราบ ณ เวลาที่เขียนบทความ อย่างไรก็ตาม ควรจะหาข้อมูลหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ให้บริการ ทั้งรายละเอียด ราคา ตารางเวลา และอื่นๆ ผู้เขียนไม่รับผิดชอบต่อความบกพร่องหรือผิดพลาดของข้อความใดๆ ในบทความ ที่อาจส่งผลให้การเดินทางหรือการท่องเที่ยวเกิดการติดขัด ล่าช้า หรือต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
-ผู้เขียนเขียนบทความนี้โดยไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม จากผู้ให้บริการ ผู้ขาย หรือตัวแทนใดๆ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการท่องเที่ยวทั้งหมด ผู้เขียนชำระด้วยเงินส่วนตัวของผู้เขียนเอง
-ในหัวข้อ "การจองโรงแรม" ผู้เขียนได้แนบตัวอย่าง link การจองโรงแรมผ่าน Booking.com ซึ่งผู้เขียนอาจได้รับผลประโยชน์หากมีผู้จองผ่าน link ที่แนบไว้
-ผู้เขียนเขียนบทความนี้ในฐานะบุคคลธรรมดา ไม่ได้เขียนในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอาชีพหรือวิชาชีพใดๆ


ลิขสิทธิ์
-บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
-ผู้เขียนไม่อนุญาตให้ผู้ใดทำซ้ำ หรือดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน
-ผู้เขียนอนุญาตให้เผยแพร่บทความนี้ต่อสาธารณชน ในลักษณะที่ไม่หวังผลประโยชน์กำไรเท่านั้น และต้องอ้างอิงแหล่งที่มาด้วย


เริ่มต้นเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ vs. ไปเอง
การไปกับทัวร์นั้น มีข้อดีคือ เราแค่เลือกโปรแกรมทัวร์ที่ชอบ และเที่ยวไปตามที่ทัวร์พาไป เรื่องการเดินทาง ที่พัก อาหาร เวลา ไกด์ทัวร์จะเป็นผู้บริหารจัดการให้ ซึ่งง่ายและสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาวางแผนมากนัก หรือยังไม่มั่นใจในการเดินทางด้วยตนเอง แต่การไปทัวร์ก็มีข้อเสียเช่นกัน คือ ต้องไปเที่ยวตามโปรแกรมที่ทัวร์กำหนด ที่ที่เราไม่อยากไปก็ต้องไป ที่ที่เราไม่อยากอยู่นานก็ต้องอยู่นาน ที่ที่อยากอยู่นานก็ต้องรีบไป เนื่องจากทัวร์มักจะดึงดูดผู้ใช้บริการด้วยการไปเที่ยวหลายๆที่ แต่ใช้เวลาในแต่ละสถานที่ไม่นาน รวมถึงการไปเที่ยวกับคนหมู่มาก ถ้ามีคนไม่ตรงเวลาก็จะต้องเสียเวลารอให้เสียอารมณ์อีก

ส่วนการไปเที่ยวเองนั้น ข้อดีคือเราสามารถกำหนดเวลาและตารางเที่ยวได้เอง ชอบที่ไหนก็อยู่นาน ไม่ชอบที่ไหนก็รีบไป และไม่ต้องรอใคร แต่ก็ต้องแลกกับการที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก คือต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะเที่ยว รายละเอียดการเดินทาง รวมถึงต้องหาที่พักและร้านอาหารเอง ซึ่งจะกล่าวในรายละเอียดต่อไป


ช่วงเวลาที่จะไปเที่ยว
ขึ้นกับว่าอยากไปดูอะไรและเวลาของแต่ละคนยืดหยุ่นแค่ไหน เช่นอยากไปดูซากุระ ก็ต้องไปช่วงมีนาคม-เมษายน และต้องดูพยากรณ์ซากุระแต่ละปีประกอบด้วย เนื่องจากซากุระจะบานเต็มที่แค่ประมาณ 2 สัปดาห์ หรืออยากจะไปดูเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ก็ต้องไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ รายละเอียดของฤดูกาลและกิจกรรมที่น่าสนใจสามารถดูได้จาก https://www.talonjapan.com/travel-in-japan-4-seasons/




เที่ยวโซนไหน
ไม่มีใครให้คำตอบได้ดีที่สุดเท่ากับตัวคุณเอง แนะนำให้อ่าน review เยอะๆ ว่าการเที่ยวแต่ละภูมิภาคนั้น มีอะไรดี อะไรน่าชม แล้วค่อยเลือกไปเที่ยวตามนั้น โดยทั่วไปแล้ว โซนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือคันโต(โตเกียว) และคันไซ(โอซาก้า) รองลงมาคือฮอกไกโด(ซัปโปโร) และคิวชู(ฟุกุโอกะ) นอกจากนี้ก็มีโซนข้างเคียงที่อาจไปเที่ยวคู่กับโซนหลักได้ เช่น โซนรอบๆโตเกียว (คาวากุชิโกะ ฮาโกเน่ คามาคุระ นิกโก้ คาวาโอเกะ ยุซาว่า) รอบๆโอซาก้า (เกียวโต โกเบ นาระ นาโกย่า ฮิโรชิม่า) เป็นต้น

กรณีที่วันเที่ยวไม่มาก เช่นไม่เกิน 7 วัน แนะนำให้เที่ยวแค่โซนเดียว เนื่องจากการท่องเที่ยวในแต่ละโซนนั้นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก เวลา 5-7 วันอาจเก็บได้แค่ hilight หลักๆเท่านั้น และการเดินทางข้ามภูมิภาคจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก

กรณีที่วันเที่ยวมีหลายวัน และประสงค์จะเที่ยวมากกว่า 1 โซน แนะนำให้วางแผนเที่ยวทีละโซน แล้วเดินทางข้ามโซนแค่ 1-2 ครั้ง โดยอาจเลือกสนามบินที่เครื่องขึ้นและลงคนละสนามบิน เช่น อยากเที่ยวทั้งโอซาก้า (Kansai) และโตเกียว (Kanto) อาจจะเลือกบินลงที่โตเกียว เที่ยวโตเกียวเสร็จแล้วเดินทางไปที่โอซาก้า และบินออกจากโอซาก้า (หรือกลับทางกัน) จะประหยัดกว่า บินขึ้นลงโตเกียว และต้องเดินทางระหว่างภูมิภาค 2 ครั้ง ทั้งนี้ ต้องพิจารณาความแตกต่างของราคาตั๋วเครื่องบินด้วย




ตั๋วเครื่องบิน
สายการบินมีชนิด full service และ low cost สายการบิน full service จะรวมบริการอาหารบนเครื่องบิน น้ำหนักกระเป๋า รวมถึงการเลือกที่นั่งแล้ว ที่นั่งมักจะกว้างกว่าและเที่ยวบินระยะไกลส่วนใหญ่มีจอ entertainment ส่วนตัว แต่ low cost มักจะไม่รวมอะไรเลย ถ้าต้องการอาหาร น้ำหนักกระเป๋า หรือเลือกที่นั่ง ก็มักจะต้องจ่ายเพิ่มซึ่งเวลาเทียบราคา ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายแอบแฝงเหล่านี้ด้วย ส่วนจอ entertainment มักจะไม่มี แต่ก็อาจแก้ขัดได้โดยการ download หนัง/สารคดี/เกมส์ (โปรดระวังเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์) ไว้ใน tablet แล้วดูหรือเล่นขณะอยู่บนเครื่อง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องบินตรง/แวะพักอีก สายการบิน full service ที่บินตรงมักจะมีราคาแพงกว่าแวะพักในคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน ส่วนสายการบิน low cost ส่วนใหญ่นั้นเป็นการบินตรง ซึ่งกรณีที่มีการแวะพักจะต้องพิจารณาเรื่องเวลาที่ใช้ในการต่อเครื่องด้วย (ว่ารับได้ไหมกับเวลาที่เพิ่มขึ้นแลกกับราคาที่ถูกลง) แต่การแวะพักก็อาจจะมีข้อดี เช่น กรณีแวะต่อเครื่องนาน อาจจะออกไปเที่ยวที่ประเทศนั้นได้อีก หรือบางคนอยากแวะซื้อของที่ประเทศนั้นๆ (เช่น แวะฮ่องกงซื้อ brand name)

อีกประเด็นที่ต้องพิจารณาคือเวลาที่เครื่องขึ้นลง บางครั้ง flight ที่ถูกแต่บินถึงมืดค่ำ จะทำให้เสียวันเที่ยววันนั้นไป และต้องเสียค่าโรงแรมเพิ่ม ซึ่งต้องเทียบกับ flight ที่บินถึงตอนเช้า/สายและได้เที่ยววันนั้น ว่าอย่างไหนคุ้มกว่า หรือ flight ที่ออกเช้าและไม่ได้เที่ยววันนั้น ก็พิจารณาคล้ายๆกัน อย่างไรก็ตาม flight ที่บินถึงตอนเช้า มักจะเป็น flight ข้ามคืน กรณีบินชั้นธุรกิจ มักไม่มีปัญหา เนื่องจากสามารถเอนนอนได้ราบหรือเกือบราบ แต่กรณีบินชั้นประหยัด มักจะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ จะทำให้วันแรกเที่ยวได้ไม่เต็มที่หรือไม่สนุกมากนัก กรณีเดินทางกับผู้มีอายุและมีจำนวนวันเที่ยวพอสมควร แนะนำให้เลือก flight ที่ถึงช่วงเที่ยง-บ่าย และเที่ยวในวันแรกเล็กน้อย พักผ่อนให้เต็มที่แล้วค่อยเที่ยวหนักในวันต่อไป

การจองตั๋วเครื่องบิน สามารถจองได้จากสายการบินโดยตรง หรือจากตัวแทนขายตั๋ว แนะนำให้เทียบราคาจากทั้งสองแบบว่าซื้อจากใครถูกกว่า ถ้าราคาไม่ต่างกันมากแนะนำให้จองตรงกับสายการบินดีกว่า เนื่องจากหากมีปัญหาจะได้ติดต่อกับสายการบินโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวแทนขายตั๋ว

การจองผ่านตัวแทนขายตั๋วนั้น แนะนำให้ดูจากหลายๆเจ้า เช่น https://www.expedia.co.th/ https://www.cheaptickets.co.th/ หรืออาจจะใช้ตัวแทนของตัวแทน เช่น https://www.skyscanner.co.th/ ซึ่งมีข้อดีคือ สามารถเปรียบเทียบราคาของ flight เดียวกันจากทั้งจองตรงกับสายการบิน หรือจองผ่านตัวแทนอื่นๆ เช่น expedia หรือ cheaptickets แล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะจองกับใคร เช่นจากตัวอย่าง flight ANA ตามภาพ ราคาเริ่มต้นที่ 16,296 บาท เมื่อกดเข้าไปดูจะเห็นว่าราคานี้ต้องจองจาก Tripair หากจองจาก ANA โดยตรงจะเป็นราคา 17,220 บาท


ทั้งนี้ ไม่ได้แนะนำให้จองอันที่ราคาถูกที่สุด หากจะจองจากตัวแทน ควรหาข้อมูลด้วยว่าตัวแทนนั้นอยู่ในไทยหรือต่างประเทศ เวลามีปัญหาติดต่อง่ายไหม จะโกงรึเปล่า เช่นถ้าจะจองกับ Tripair ก็อ่าน review ดูว่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน แล้วตัดสินใจเองว่าจะจองกับตัวแทนนี้หรือไม่



การจองโรงแรม
ควรจองโรงแรมหรือที่พักมาล่วงหน้าเสมอ ไม่แนะนำให้ walk in ไปหาโรงแรมเอง เนื่องจากหากโรงแรมเต็มแล้วไม่มีที่นอนจะหมดสนุก รวมถึงราคาอาจแพงกว่าจองล่วงหน้าด้วย โดยอาจจองผ่านโรงแรมโดยตรง หรือผ่านตัวแทน เช่น https://www.booking.com https://www.agoda.com/ https://www.expedia.co.th/ แต่ถ้าต้องการพักเรียวกังควรดูใน https://www.japanican.com/ ด้วย การจองโรงแรมและเรียวกังนั้นมีการจ่ายเงิน 2 แบบ คือ ยกเลิกได้และยกเลิกไม่ได้ การจองแบบยกเลิกไม่ได้ จะตัดเงินจากบัตรเครดิตเลย และยกเลิกไม่ได้ ข้อดีคือบางครั้งอาจถูกกว่าการจองแบบยกเลิกได้ แต่ข้อเสียคือหากแผนการท่องเที่ยวเปลี่ยนจะต้องเสียเงินส่วนนี้ทิ้งไป ส่วนแบบยกเลิกได้ก็จะมีเงื่อนไขว่าหากยกเลิกก่อนการเดินทางกี่วันจะไม่เสียค่าใช้จ่าย (หรือเสียกี่%) หากแผนการเดินทางอาจเปลี่ยนก็ต้องดูว่าต้องยกเลิกโรงแรมนี้ภายในวันไหน ที่สำคัญ คือดูเงื่อนเวลาด้วยว่าใช้เวลาของที่ไหน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาของญี่ปุ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง

ใน agoda ส่วนใหญ่จะเป็นการจ่ายเงินล่วงหน้า และราคาที่แสดงตอนแรกเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี/ค่าบริการ ต้องกดเข้าไปดูถึงจะเห็นราคาสุดท้าย

ใน booking จะมีโปรแกรมแนะนำเพื่อน ซึ่งผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำจะได้เงินคืนผ่านบัตรเครดิตคนละ 550 บาท/1 การจอง โดยราคาต่อ 1 การจองนั้นต้องมากกว่า 1,100 บาท โดย 1 คู่จะแนะนำกันได้แค่ 1 ครั้ง โดยกด link ของอีกคน เช่น A ใช้ link ของ B ได้เพียงครั้งเดียว หากเดินทางหลายคนแนะนำให้ใช้ link ของเพื่อนวนเป็น loop เช่น A ใช้ link ของ B ส่วน B ใช้ link ของ C ... ไปเรื่อยๆ จนครบ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านใน https://www.booking.com/content/referral-faq.th.html

ตัวอย่าง link แนะนำของผู้เขียน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ในส่วนต่อไปจะพูดถึงการจองสถานที่เที่ยว การวางแผนการเดินทาง การประมาณค่าใช้จ่าย และอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่