[CR] ชีวิตเปลี่ยนเพราะ....? "วัยรุ่นด้านมืดควรอ่าน"

สวัสดีวันปีใหม่ครับ ผมเป็นวัยรุ่น วัยคะนองคนนึง อายุ 22 ปี ที่ตอนเด็กๆ แม่มักจะพาเข้าวัดทำบุญ สอนสิ่งดีๆ แทรกบทเรียนในชีวิตประจำวันผ่านการเข้าวัดเข้าวาอยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงมีวัยเด็กที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า "เป็นเด็กดีที่สุด" ด้วยการอบรมสั่งสอนดีๆที่มีให้ผมเสมอมา ระยะเวลาผ่านไปตั้งแต่จบ ป.6 ชีวิตผมเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ต้องย้ายไปโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นเล็กๆจุดหนึ่ง ที่เริ่มรี่ไฟชีวิตของผม ที่มันเคยขาวสว่างให้ค่อยๆดับ ค่อยๆมืดลง
การเรียนโรงเรียนประจำเนี่ยนะครับ สิ่งที่ต้องทำให้เกิดในตัวเองให้ได้ก็คือ "การทำให้ตัวเองดูเข้มแข็ง" แน่นอนครับว่าตอนเป็นเด็กชีวิตลูกผู้ชายที่มันดีสุดๆกับการสั่งสอนที่ดีสุดๆ ทำให้เรารู้จักให้อภัยคนอื่น ทั้งๆที่เราโดนแกล้ง โดนทำร้ายอยู่เสมอ เช่น การโดนล้อเลียน เพื่อนแกล้งหาเรื่องทำให้โมโห เพื่อนขโมยของ (ให้อภัยหมดครับ5555 คิดเสมอว่า รักเพื่อน รักมนุษย์ นี่คงเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต) เห็นไหมครับว่าคนเรามีด้านสว่างด้านเดียวไม่ได้จริงๆ พอขึ้นม.1-ม.3 ปุ๊บ สมองก็ถูกสั่งการอัตโนมัติปั๊บ ว่าการทำให้ตัวเองดูเข้มแข็งเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนทำร้ายมันเป็นหนทางที่เวิร์คที่สุด เช่น เริ่มมีแบ่งพรรคพวกในหอพักชาย ใครพวกใครไม่รู้ แต่อย่ามายุ่งกับพวกGU มีเรื่องทะเลาะด้วยคำพูด ด่าพ่อล่อแม่ ถึงขั้นลงมือชกต่อยก็มี เนี่ยยยย.. มันดูเก๋าดูเก่งนะครับ55555 นึกแล้วก็ขำที่ทำแบบนั้นได้ไง มันดูเป็นเด็กงอแงสิ้นดี พอเริ่มมีอำนาจเพื่อนฝูงก็คบหา เชื่อใจ มีมือซ้าย มือขวา หรือบางครั้งก็เป็นทาสให้คนอื่นที่เขาเคยคุ้มครองผม มันเหมือนเป็นอาณาจักรเล็กๆของเด็กที่คิดว่าตัวเองใหญ่คับโลกแต่จริงๆ แล้วมัน.....สิ้นดี แล้วประจวบเหมาะกับการต้องห่างไกลแม่ที่คอยสอนสั่ง ห่างไกลสิ่งดีๆรอบตัว (อันนี้ไม่ได้โทษว่าโรงเรียนประจำไม่ดีนะครับ5555 มันก็มีข้อดีของมัน คือการมีวินัย การรับผิดชอบที่สูงขึ้น มันอยู่ที่ใจคนมากกว่าครับ พอดีผมใจอ่อนไหวง่ายยยย) นับว่าเรื่องตบตีแย่งชิง การโดดเรียนด้วยเล่ห์กลต่างๆเป็นเรื่องปกติที่ทำกัน  มีครั้งนึงเพื่อนเคยแอบเอาเหล้าขาว(ในสมัยนั้นเป็นของมึนเมาที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับนักเรียน5555)ไปกินในห้องเรียนโดยใส่ในขวดมิกกี้เม้าส์ดูเป็นเด็กน่ารัก ดื่มน้ำผลไม้ แก้มแดงๆลิ้นเปรีย ดูสุขภาพดี และรวมถึงเรื่อง SEX มันก็เริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 3 ปีจนจบ ม.3
//เห็นไหมครับว่าทุกวินาทีของชีวิตเรามันเปลี่ยนไปได้เสมอ มันไม่มีความแน่นอน จากเด็กผู้ชายติดแม่ เด็กที่ญาติทุกๆคนรักใคร่เอ็นดู เพื่อนทุกคนชื่นชมว่าเป็นคนดี คนเก่งอนาคตสดใส พออยู่ถึงช่วงชีวิตหนึ่งผ้าที่มันเคยขาวก็เริ่มหม่นหมองด้วยฝุ่น ด้วยธุลีจากสิ่งสกปรกต่างๆได้เหมือนกัน


ช่วงจุดเปลี่ยนของชีวิตก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครอบครัวต้องแตกแยก พ่อกับแม่หย่าร้างกันด้วยเหตุผลที่เด็กอย่างผมในวัย 13-14 ปี ก็เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง แต่แน่นอนครับว่าผมเลือกที่จะอยู่กับแม่ ชีวิตมัธยมตอนปลายของผมก็ต้องเปลี่ยนไป เพื่อนเก่าที่เรียนมาด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วางแผนที่จะเรียนด้วยกันก็จำเป็นต้องแยกย้ายจากกัน พอผมกลับมาอยู่บ้านก็เลือกเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ตั้งแต่ ม.4-ม.6 จากเด็กที่เริ่มจะเป็นนักเลงหัวไม้ก็ถูกเก็บอาการลบๆ เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับแม่ได้ (อาจจะดูเหมือนเก็บกด แต่ความเป็นจริง ผมรู้ว่าแม่รู้ด้านลบของผมเยอะพอสมควร แต่ท่านมิวิธีเข้าหาผม จัดการผมแบบที่ผมไม่รู้สึกตัวมันจึงทำให้ชีวิตผมดูสบายๆ ไม่กดดันและไม่เครียด) ชีวิตมอปลายวัยห้าวเป้งก็ยังคงเริ่มจากการหาพรรคพวกเช่นเดิม แต่ชีวิตมอปลายผมดูจืดชืดมากๆครับ อาจจะเป็นเพราะเพื่อนที่โรงเรียนนี้ค่อนข้างเรียบร้อย คนที่ดูร้ายกาจสุดมันก็ยังน้อยกว่าชีวิตมอต้นที่ผมเจอมา แต่ผมต้องกราบขอบคุณเพื่อนที่โรงเรียนนี้เหมือนกันนะครับว่าถ้าไม่ได้พวกเขาผมคงเป็นเด็กใจบาปที่ทำอะไรตามอำเภอใจจนได้ใจ และตอนนี้ผมอาจไม่ใช่ผมที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ (หมายถึงชีวิตแย่ลงกว่านี้) ส่วนการเรียนผมเรียนดีขึ้นจากเด็กกะโหลกโรงเรียนประจำ ตกคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษย่ำแย่ เกือบทุกเทอม แต่พอมาอยู่ที่นี่ผมกลายเป็นเด็กแถวหน้าในเรื่องการเรียนจากเด็ก D+ มาเป็นเด็กศิลป์ภาษาเกรด B+ เรื่องกิจกรรมต่างๆไม่ต้องพูดถึงครับ กีฬา กรีฑา อะไรก็แล้วแต่ผมเล่นได้หมด ทุกคนในโรงเรียนจึงรักใคร่ชื่นชมผมดี จะมีบางกลุ่มที่อิจฉา แต่แน่นอนครับว่าผมจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว  ดังนั้นผมจึงไม่ได้สู้ชีวิตเท่าไหร่ในช่วงนี้ และนิสัยด้านลบผมก็ไม่ได้ถูกขุดขุ้ยขึ้นมาใช้จนดูเป็นเด็กแก่นเฟี๊ยวอะไรมาก จนกระทั่งเรียนจบ ม.6 เข้าสู่ชีวิตคนเดียวในรั้วมหาลัยอีกครั้ง..
// ชีวิตที่"กำลังจะดี"  แต่จิตใจผมมันกลับเอาสัน...หยาบๆ ข้างในลึกๆ ที่ฝังไว้มาใช้แทน ผมได้โควตาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมอย่างสบายๆ แต่เหมือนมันผิดที่ผิดทางไปหมด เหมือนต้นไม้ที่ผมกำลังหลงรักและดูแลมันมาตลอด 3 ปี พร้อมที่จะปลูกลงดินในเวลาเหมาะเจาะเวลานี้ แต่กลับตรงกับช่วงหน้าร้อนจัด และดินที่เคยร่วนก็กลับกลายเป็นดินทราย  นิสัยที่เริ่มเย็นมันก็เดือดขึ้นตามความร้อนรอบกายอีกครั้ง//

ชีวิตคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่ทำให้สัน...ดิบของผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ขอเวลาทำธุระส่วนตัวก่อนนะครับ 1/01/2019 "รสชาติชีวิต"
รอผมมาต่อนะครับ >>
ชื่อสินค้า:   บทเรียนในความมืด
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่