สวัสดีจ้า
รีวิวนี้ต่อจาก ตอนที่แล้ว ทาคายามา เมืองเก่าแห่งมนต์เสน่ห์

กลับจาก Hida No Sato ช่วงบ่ายสอง ก็เตรียมตัวไป Toyama วันนั้น เส้นทางรถไฟมีการซ่อมแซม เลยต้องนั่งรถบัสไป ประมาณครึ่งทางได้ ลงที่ สถานี Inotani เป็นสถานีเล็กๆ จากนั้นก็นั่งรถไฟไปต่อที่ Toyama ก็อีกชั่วโมงนึง ไปถึงก็มืดพอดี

ที่นี่เค้ามีรถ Tramp วิ่งรอบเมือง คนละ 200 เยน พวกเรานั่งไป เพื่อหาโรงแรมที่จองไว้ ไม่รู้จะลงสถานีไหน ก็ใช้ google ช่วย ตรงนั้นลงที่ด้านหลังของโรงแรม เป็นสถานี Ote mall แล้วเดินหาโรงแรมที่จองไว้ หาไปหามา ปรากฏว่ามันเปลี่ยนชื่อ สงสัยเปลี่ยนเจ้าของใหม่ เป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นตัวใหญ่ แต่ภาษาอังกฤษตัวเล็กนิดเดียวอยู่ด้านล่าง เขียนว่า Dormy Inn Premium ตอนที่จองมา เป็น Toyama onyado nono ประมาณนี้

พอเข้าไป lobby ก็ไปถามว่าใช่ รีบเชคอิน เพื่อที่จะออกหารัยกินอีก หิวแล้ว พนักงานโรมแรมที่นี่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แต่พอรู้เรื่องกัน ที่นี่ต้องถอดรองเท้าใส่ลอกเกอร์ไว้ มีกุญแจเสียบอยู่ ห้องพักอยู่ชั้น 9 ขึ้นลิฟไป ห้องดูดีมาก เล็กกะทัดรัด ห้องน้ำมีอ่างไว้แช่ออนเซนด้วย แล้วยังมีออนเซนธรรมชาติที่ชั้น 2
อ้าวลืมถ่ายรูปไว้

พวกเราออกไปหารัยกิน เดินหาตั้งนาน ไม่ค่อยเจอร้าน เลยกลับมาที่ familymart ที่อยู่ติดกับโรงแรม คืนนั้นเริ่มดึก ยายป้าไม่มีเวลาไปออนเซนธรรมชาติเลย ได้แต่แช่ในห้องก็ยังดี หมดแรงเหมือนกัน หลับสบาย

เช้าวันที่ 12  November 2018

ตอนเช้าก็ออกไปหาของกินที่ Familymart เหมือนเดิม คุณลูกก็รีบเร่ง กลัวแม่จะไม่ได้เที่ยว เพราะจะต้องใช้เวลาเดินทางอีกนาน เช้านี้ไปรถบัสโรงแรม เที่ยว 8.10 เพราะมีกระเป๋าด้วย จะไปรถ Tramp ก็กลัวไม่ทันรถไฟ ที่จะไป Tateyama ไปถึงสถานี ก็ฝากกระเป๋าที่ลอคเกอร์

ที่นี่สถานี Dentetsu Toyama แล้วไปซื้อตั๋ว ในส่วนนี้ไม่ได้รวมอยู่ใน Pass เป็นตั๋วที่เราต้องซื้อไปเที่ยวเอง ไปกลับคนละประมาณ 5000 เยน (แพงมาก) ใช้บัตรก็ไม่ได้ต้องเงินสด
แม่จ้าว เงินสดไม่มี ตู้เอทีเอ็มอยู่ไหน
เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเค้าก็พาไป อย่างรีบเร่ง เพราะรถไฟใกล้ออกแล้ว ตู้อยู่ไม่ไกลประมาณ 20 เมตร ก็ขึ้นรถไฟทันพอดี เรานั่งรถไฟ express รอขึ้นชานชาลาที่ 1

เป็นรถไฟ 2 โบกี้ คนไม่เยอะ นั่งสบาย ชมวิวไปเรื่อยๆ

นั่งไปประมาณ 60 นาที ถึงสถานี tateyama ไม่ค่อยมีคนเยอะเท่าไหร่ ก็เจอกรุ๊ปทัวร์บ้าง ตรงนี้ต้องซื้อตั๋วเพื่อไปเที่ยวต่อถึงเขื่อน Kurobe พวกเราซื้อแบบไปกลับ เพราะต้องกลับทางเดิม บางคนเค้าอาจไปต่ออีกเมืองหนึ่งได้ ก็ซื้อตั๋วขาเดียวได้

ในขณะที่รอรถ ด้านบนสถานี เป็นร้านขายของฝาก และร้านอาหาร เลยไปนั่งชิมของแปลกๆ

จากตรงนี้ปกติจะต้องนั่งกะเช้าไปที่ Bijodaira แต่กระเช้าเสีย เค้าเลยให้ไปรถบัสแทน รถจะวิ่งขึ้นเขา ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ที่นี่จะเจอเจ๊ที่เป็นไกด์แนะนำ และอำนวยความสะดวก แกบอกว่า ให้นั่งด้านซ้ายวิวสวย จัดไป

ผ่านน้ำตกโชเมียว มองเห็นไกลๆๆ

ถึง MUrodo ที่ความสูง 2450 เมตร เป็นที่ที่คนเค้าไปดูกำแพงหิมะ แต่ตอนที่ป้าไป หิมะเพิ่งเริ่ม ก็จะเห็นแค่ขาวๆ คลุมภูเขาในบางส่วน ตรงนี้ปลายพฤศจิกายนเค้าจะปิดไม่ให้เที่ยว เนื่องจากหิมะจะตกมาก ตอนนั้น ก็เลยยังไม่ได้ดูอะไร เพราะต้องไปต่อ

เจ๊แกแนะนำให้ไปที่เขื่อนก่อน แล้วกลับมา แวะที่ละจุด จะได้ควบคุมเวลาได้ด้วย
เดี๋ยวกลับมาถ่ายรูป ไปต่อก่อนตามคำแนะนำ แล้วขากลับจะมาแวะ ก็ไปต่อโดยรถบัส ที่เค้าเรียกว่า Trolley bus เป็นรถบัสไม่ใหญ่ วิ่งลอดอุโมงค์ความยาว 7 กิโลเมตร ใช้เวลา 10 นาที ถึงอีกฝั่งเป็นสถานี Daikanbo ก็จะรอคิวขึ้นกระเช้า (Ropeway) ลงไปด้านล่าง ยาวประมาณ 1.7 กม. ใช้เวลา 7 นาที

ไปยัง สถานี Kurobedaira แล้วต่อด้วย cable car อีกประมาณ 5 นาที

ถึงสถานี Kurobeko เป็นเขื่อนคุโรเบะ Kurobe Dam ใหญ่มาก เป็นเขื่อนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น อากาศเย็นสบายมาก เดินชิวๆ ไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อไปถ่ายรูป ประมาณ 15 นาที ไกลอยู่นะ