ดาวฤกษ์ กาแล็กซีบางส่วนในเอกภพกำลังจะหายไปตลอดกาล จริงๆแล้วไม่ได้หายไปจริงๆแบบหายลับมลายไป แต่มันกำลังหายไปจากการสังเกตของเรา หายไปจากเอกภพที่เราสังเกตได้ ไปสู่ดินแดนอันลึกลับดำมืดที่เราเรียกว่า เอกภพส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หรือภาษาอังกฤษคือ unobservable Universe
แต่เราก็คุ้นชินกับเรื่องเหล่านี้ดีเมื่อโตขึ้นและสังเกตสิ่งต่างๆ ถ้าเราสังเกตดีๆจะเห็นมันเป็นแพตเทรินที่พอเข้าใจได้ สิ่งที่หายไปไม่อาจกลับมาได้ก็เช่น วัยหนุ่มสาว เวลาที่ผ่านไปแล้ว เราไม่อาจกลับไปแก้ไขได้ บางส่วนในเอกภพนี้ก็เหมือนกัน มันจะหายจากเราไปตลอดกาล
มนุษย์ถามกันมาตลอดตั้งแต่แหงนมองท้องฟ้า แม้ตอนนั้นมนุษย์อาจจะไม่เข้าใจธรรมชาติดีพอ เขาต่างก็สงสัยว่าเราอยู่ที่ไหน บนท้องฟ้าดำมืดดูกว้างใหญ่นั่นมีขอบเขตจำกัดไหม หรือถ้าจะใช้คำในปัจจุบันก็คือเอกภพมีขอบเขตหรือไม่ หรือมีพื้นที่เป็นอนันต์ ไม่มีขอบไม่มีจุดสิ้นสุด
นิวตันผู้ถือเป็นผู้ปฎิวัติวงการวิทยาศาสตร์คนสำคัญ สมัยก่อนมีสิ่งต่างๆคนก็โทษพระเจ้าดลบัลดาล แต่เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้วในกรีกหรือตุรกีในปัจจุบัน มีนักปราชญาชาวกรีกเริ่มคิดวิเคราะห์เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องของพระเจ้าแล้ว แต่มองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ มนุษย์สามารถเข้าใจได้ แม้ตอนนั้นทฤษฎีคำอธิบายต่างๆจะผิดก็ตามทีแต่มันก็นับเป็นก้าวสำคัญ ส่วนนิวตันนอกจากจะอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติได้แล้ว เขายังสามารถอธิบายมันด้วยสมการคณิตศาสตร์ นับเป็นการเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริง ในปี 1687 ผลงานนิวตันในหนังสือ พรินซีเพีย อธิบายเรื่องกฎความโน้มถ่วง อธิบายว่ามวลมีแรงดึงดูดกันและกัน ฉะนั้น เอกภพจะต้องกว้างขวางเป็นอนันต์ ไม่จำกัด เพราะไม่ฉะนั้นมวลต่างๆก็จะดูดมารวมกันหมด ข้อสรุปของนิวตันคือเอกภพไม่มีขอบ เป็นอนันต์
แต่ในศตวรรษที่ 19 มีคนผู้หนึ่งนามว่าโอลเบอร์บอกว่า ถ้าเอกภพมีดวงดาวมากมาย ท้องฟ้าก็ต้องสว่างไสวไปหมดแม้ยามค่ำคืน แต่ทำไมท้องฟ้าในตอนกลางคืนถึงมืด เรารู้จักคำถามนี้ในนาม Olbers' paradox แน่นอนดวงดาวอยู่ไกลมันก็จะดวงเล็กลงและแสงหรี่ลงจากฝุ่นต่างๆตอนที่แสงเดินทางมา แต่เมื่ออยู่ไกลเราก็จะเห็นดวงดาวต่างๆมากขึ้นด้วยสิ นั้นท้องฟ้าแม้ยามค่ำคืนก็ต้องสว่างไสว แต่ทำไมมืดมิด นั้นถ้าท้องฟ้ามืดมิด เอกภพก็ต้องมีขอบเขตจำกัดสิ
ระหว่างท่านนิวตันหรือท่านโอลเบอร์ใครนะจะถูกกันแน่
-----------------------------------------------
เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ ถ้าชอบช่วยกดบวก กดถูกใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
- จขกท. สุดหล่อ
==บางส่วนของเอกภพกำลังจะหายจากเราไปตลอดกาล==
ดาวฤกษ์ กาแล็กซีบางส่วนในเอกภพกำลังจะหายไปตลอดกาล จริงๆแล้วไม่ได้หายไปจริงๆแบบหายลับมลายไป แต่มันกำลังหายไปจากการสังเกตของเรา หายไปจากเอกภพที่เราสังเกตได้ ไปสู่ดินแดนอันลึกลับดำมืดที่เราเรียกว่า เอกภพส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หรือภาษาอังกฤษคือ unobservable Universe
แต่เราก็คุ้นชินกับเรื่องเหล่านี้ดีเมื่อโตขึ้นและสังเกตสิ่งต่างๆ ถ้าเราสังเกตดีๆจะเห็นมันเป็นแพตเทรินที่พอเข้าใจได้ สิ่งที่หายไปไม่อาจกลับมาได้ก็เช่น วัยหนุ่มสาว เวลาที่ผ่านไปแล้ว เราไม่อาจกลับไปแก้ไขได้ บางส่วนในเอกภพนี้ก็เหมือนกัน มันจะหายจากเราไปตลอดกาล
มนุษย์ถามกันมาตลอดตั้งแต่แหงนมองท้องฟ้า แม้ตอนนั้นมนุษย์อาจจะไม่เข้าใจธรรมชาติดีพอ เขาต่างก็สงสัยว่าเราอยู่ที่ไหน บนท้องฟ้าดำมืดดูกว้างใหญ่นั่นมีขอบเขตจำกัดไหม หรือถ้าจะใช้คำในปัจจุบันก็คือเอกภพมีขอบเขตหรือไม่ หรือมีพื้นที่เป็นอนันต์ ไม่มีขอบไม่มีจุดสิ้นสุด
นิวตันผู้ถือเป็นผู้ปฎิวัติวงการวิทยาศาสตร์คนสำคัญ สมัยก่อนมีสิ่งต่างๆคนก็โทษพระเจ้าดลบัลดาล แต่เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้วในกรีกหรือตุรกีในปัจจุบัน มีนักปราชญาชาวกรีกเริ่มคิดวิเคราะห์เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องของพระเจ้าแล้ว แต่มองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ มนุษย์สามารถเข้าใจได้ แม้ตอนนั้นทฤษฎีคำอธิบายต่างๆจะผิดก็ตามทีแต่มันก็นับเป็นก้าวสำคัญ ส่วนนิวตันนอกจากจะอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติได้แล้ว เขายังสามารถอธิบายมันด้วยสมการคณิตศาสตร์ นับเป็นการเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริง ในปี 1687 ผลงานนิวตันในหนังสือ พรินซีเพีย อธิบายเรื่องกฎความโน้มถ่วง อธิบายว่ามวลมีแรงดึงดูดกันและกัน ฉะนั้น เอกภพจะต้องกว้างขวางเป็นอนันต์ ไม่จำกัด เพราะไม่ฉะนั้นมวลต่างๆก็จะดูดมารวมกันหมด ข้อสรุปของนิวตันคือเอกภพไม่มีขอบ เป็นอนันต์
แต่ในศตวรรษที่ 19 มีคนผู้หนึ่งนามว่าโอลเบอร์บอกว่า ถ้าเอกภพมีดวงดาวมากมาย ท้องฟ้าก็ต้องสว่างไสวไปหมดแม้ยามค่ำคืน แต่ทำไมท้องฟ้าในตอนกลางคืนถึงมืด เรารู้จักคำถามนี้ในนาม Olbers' paradox แน่นอนดวงดาวอยู่ไกลมันก็จะดวงเล็กลงและแสงหรี่ลงจากฝุ่นต่างๆตอนที่แสงเดินทางมา แต่เมื่ออยู่ไกลเราก็จะเห็นดวงดาวต่างๆมากขึ้นด้วยสิ นั้นท้องฟ้าแม้ยามค่ำคืนก็ต้องสว่างไสว แต่ทำไมมืดมิด นั้นถ้าท้องฟ้ามืดมิด เอกภพก็ต้องมีขอบเขตจำกัดสิ
ระหว่างท่านนิวตันหรือท่านโอลเบอร์ใครนะจะถูกกันแน่
-----------------------------------------------
เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ ถ้าชอบช่วยกดบวก กดถูกใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
- จขกท. สุดหล่อ