ก่อนอื่นเลยเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผมและเพื่อนขอยอมรับว่าบางส่วนเป็นความผิดของพวกผมเองที่ไม่รอบคอบ ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจทำอะไร และนี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ถ้าผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยครับ
       เรื่องมีอยู่ว่าผมและเพื่อนได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศตุรกีโดยวางแผนกันไว้ว่าจะเดินทางเป็นวงกลมรอบๆ ฝั่งตะวันตก อธิบายแผนการเดินทางคร่าวๆคือ
          - Istanbul : 3 วัน (13 - 16(เช้ามืด) ตุลาคม)
          - Ankara : ครึ่งวัน (16 ตุลาคม)
          - Cappadocia : 2 วัน(16(ตอนค่ำ) - 18 ตุลาคม)
          - Antalya  : 1 วัน (19 ตุลาคม)
          - Denizli (Pamukkale) : 1 วัน (20 ตุลาคม)
          - Selcuk : ครึ่งวันเช้า (21 ตุลาคม)
          - Izmir : ครึ่งวันบ่าย (21 ตุลาคม)
          - Istanbul : 1 วัน (22 ตุลาคม)

        สรุปทั้งหมด 8 เมือง 15 วัน เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 13 ผมและเพื่อนบินจากกรุงเทพฯไปถึงเมืองอิสตันบูลเวลาประมาณหนึ่งทุ่มตามเวลาที่นั่น หลังจากนั้นก็เดินแบกสัมภาระไปที่โรงแรมที่จองไว้ ซึ่งโรงแรมจะอยู่ฝั่งเมืองเก่า(ตามที่คนแถวนั้นบอก) นั้นก็คืออยู่ใกล้กับทั้ง มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด และพิพิธภัณฑ์ Hagia Sophia ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมากกกก ตอนเดินผ่านเพื่อจะเข้าโรงแรมพวกผมรู้สึกประทับใจมากดังนั้นหลังจากเก็บสัมภาระที่โรงแรมแม้จะเป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าๆและเหนื่อยกับการเดินทางมากๆ (เพลีย + เจ็ทแลคมาเต็มที่) ก็ยังฝืนสังขารเดินออกจากโรงแรม(ระยะทาง 400 - 500 เมตร ใกล้ๆ)ไปถ่ายรูปกัน



        ถ่ายไปซักไม่ไกลจากตรงน้ำพุเท่าไรก็มีชายคนหนึ่งมาขอให้พวกผมถ่ายรูปให้เขา ถ่ายเสร็จเขาก็ชวนคุยต่อแนะนำตัวว่าชื่อ "คาลอส" มาจากประเทศสเปน มาจากเมืองบาเซโลน่า (โอ้โหมาจากเมืองที่มีทีมฟุตบอลทีมโปรดซะด้วย) คุยกัน 10 นาทีรู้สึกถูกชะตาแถมกำลังเพลียๆเหนื่อยๆ พี่แกก็ชวนพวกผมไปดื่มเบียร์กันที่ย่านดาวทาวน์ของเมือง มีการบอกพวกผมด้วยว่าตอนนี้มี Festival นะนายเขากำลังจัดงานรื่นเริงอยู่ไปไหม?
       ไม่ว่าจะด้วยความไม่รอบคอบ บวกกับความเหนื่อยล้าอยากดื่มเบียร์ผ่อนคลาย บวกกับความอ่อนต่อโลกและความไว้เนื้อเชื่อใจคนง่าย ตรงนี้ผมขอยอมรับผิดครับ พวกผมตัดสินใจไปกับนายคาลอส โดยหวังว่าก็คงแค่ร้านริมข้างทางรับลมชิวๆ ไม่มีอะไรมาก คาลอสรีบเดินไปโบกแท็กซี่ให้พวกผมขึ้นไปอย่างเร็ว บอกจุดหมายปลายทางกับแท็กซี่แล้วขับออกจากตรงจุดที่ยืนถ่ายรูปทันที



        ระหว่างทางเขาก็เล่าประวัติของตัวเองว่าเคยมาที่นี่ 4-5 ครั้งแต่ไม่เคยเที่ยวจริงๆจังๆซักที(แต่ตะกี้เอ็งคุยกะแท็กซี่คล่องปรื๋อ) บอกว่าตัวเองจริงๆอยู่อเมริกาทำงานเป็นวิศวกรเคมี เดินทางตลอดเวลา มีโปรไฟล์ดีมีเงินใช้ ซึ่งถ้าผมกับเพื่อนเอ๊ะใจตั้งแต่ตอนนี้ว่ามันดีเกินไปก็คงรอด สุดท้ายมันก็พาพวกเรามาที่อีกฝั่งของเมืองแถวๆ Taksim Square บรรยากาศคล้ายๆ ตลาดนัดคือมีคนหนาแน่นแต่ไม่ใช่ Festival ผมถามคาลอสว่าไหนงานอะไรของเอ็ง คาลอสไม่สนใจ พาเราเดินไปเดินมาอยู่ซักพัก ก็พามาที่ไนท์คลับที่หนึ่ง ด้านล่างมีการ์ด 2 คนยืนเฝ้า สภาพร้านสลัวๆ เปิดเพลงเสียงดังมาก ด้วยความอยากร้ว่าด้านในมีอะไรก็เลย เดินตามๆ กันขึ้นไปชั้น 2 ของร้าน



       เข้ามาในร้านยิ่งแปลกเพราะทั้งร้านมีแต่โต๊ะผมโต๊ะเดียวที่มีคนนั่งนอกนั้นเหมือนเป็นพนักงานร้านทั้งหมด คาลอสพาพวกผมมานั่งแค่แปปเดียวสั่งเบียร์สั่งอาหารแล้วก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ กลับมาอีกทีก็พาผู้หญิงรุ่นน้องแม่หุ่นหนาๆ มานั่งประกบ ผม เพื่อน และตัวมันเอง นึกภาพตอนนั้นแล้วผะอืดผะอม ระหว่างนั่งก็มีการถามรายละเอียดส่วนตัวว่ามาจากที่ไหน,พักอยู่ที่ไหน,พักกี่วัน,จะไปไหนต่อ เนื่องจากผมกับเพื่อนไม่ชอบก็เลยไม่ค่อยได้คุยอะไรด้วยมาก คิดว่ามันเริ่มไม่ชอบมาพากล (ซึ่งมันน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว!!) คาลอสเริ่มสังเกตุพวกผมได้ก็เลยบอกว่าจะกลับแล้วล่ะขอกินอีกแก้วนึง พร้อมกับแอบส่งซิกบางอย่างให้พนักงานร้าน

       หลังจากนั้นอย่างกับฉากในหนังที่มีการซ้อมมาหลายเทค มีเสียงนกหวีดดังขึ้น ปรี๊ดดด!!! แล้วทุกคนก็กรูออกจากร้าน ผมกับเพื่อนก็วิ่งตามๆกันลงไปข้างล่างยืนงงกันอยู่หน้าร้าน ไม่ถึง 10 วิคาลอสเดินมากับเจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนสวมโค้ทยาวสีดำ พูดกับพวกเราว่า ตอนนี้ร้านโดนตำรวจบุกตรวจ ไม่สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตได้ อยากให้พวกคุณเดินตามไปจ่ายตังที่ตู้ ATM ด้วย คาลอสกับเจ้าของร้านเดินประกบผมและเพื่อนไปยังตู้ ATM ประมาณ 200 เมตรจากร้าน พอถึงตู้เจ้าของร้านก็บอกว่าให้จ่ายเงินมาคนละ 3000 Lira (ประมาณ 18000 บาท) ซึ่งถ้ารวมไอ้นกต่อคาลอสด้วย 3 คน เกือบ 55000 บาท จากแค่เบียร์ 5-6 แก้วและเคบับเนื้อ

      คาลอสรีบจ่ายทันที 3000 Lira แล้วรีบยุให้ผมกับเพื่อนจ่าย แต่ผมไม่ยอมจ่ายแน่ๆ เจ้าของร้านเห็นมีท่าทียึกยักว่าจะไม่ยอมจ่าย เขาบอกว่าไม่จ่ายไม่เป็นไร งั้นพวกคุณตามมานี่ "Com! Com!" ผมมองตามไปปรากฏว่าเขาจะพาพวกผมไปในตรอกมืดๆตรอกนึงที่มีการ์ดของเขายืนกันอยู่หลายคน นาทีนั้นคิดว่าถ้าไม่จ่ายไปคงต้องโดนปลดทรัพย์หรือไม่ก็โดนทำร้ายร่างกาย จึงต่อรองไปว่าขอจ่ายแค่คนละ 1800 Lira ได้ไหม เจ้าของร้านตอบตกลง เพื่อนผมจ่ายไปก่อน 1800 Lira แต่ระหว่างที่ผมกำลังควักกระเป๋าตังจะจ่าย คาลอสก็ทำการกระชากกระเป๋าตังจากมือผมไป จ่ายเงินจนหมดกระเป๋า ซึ่งมีเงินอยู่ราวๆ 2000 Lira รวมเป็นเงิน 3800 Lira หรือเท่ากับประมาณ 23000 บาท จ่ายเสร็จผมได้กระเป๋าสตางค์คืน ผมกับเพื่อนก็รีบเดินออกจากตรงนั้นมา
     
        แต่ยังไม่จบแค่นั้น คาลอสก็เดินตามประกบมาด้วยมาทวงบุญคุณ บอกว่าเห้ยไอเป็นคนดีนะเว้ยที่ช่วยนายไว้จากอันธพาลแถมยังออกเงินมากสุดด้วย ไอจ่ายไป 3000 Lira เต็มเลยนะเว้ยพวกนายไม่คิดจะขอบคุณไอบ้างหรอ มันเดินประกบมาโบกแท็กซี่ให้พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวไอจะส่งพวกนายเอง จับแขนแน่นดันพวกเราเข้าไป นั่งมาแค่แปปเดียวคาลอสทวงบุญคุณพวกผมต่อแล้วขู่ว่าต้องจ่ายตังเพิ่มให้มัน อยู่ๆ มันก็เอนตัวจากเบาะข้างคนขับเอามือล้วงกระเป๋าของผมด้วยความรวดเร็วกระชากกระเป๋าสตางค์ผมไปอีกรอบ ด้วยความกลัวรวมกับฤทธิ์เบียร์ ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรได้มาก สรุปมันล้วงเงินไปอีก 150 Euro หรือเท่ากับประมาณ 5600 บาท พอได้เสร็จมันก็รีบให้แท็กซี่จอดแล้วมันก็วิ่งออกจากรถไปเลย ก่อนจะถึงโรงแรมผมก็โดนโกงเงินอีกรอบเพราะแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ จากปกติระยะทางเท่านี้ 20 Lira โดนเป็น 50 lira หรือ 300 บาทไทย

        พวกผมบอบช้ำจากการถูกโกงเยอะขนาดนี้ไม่รู้จะพูดกับใครเลยไประบายกับหุ้นส่วนโรงแรมชื่อ คุณ Mehmet เขาบอกผมว่าพวกคุณน่ะโชคดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรกลับมา คุณรู้ไหมว่าในรอบปีเนี่ยคุณเป็นรายที่ 3 แล้วที่โดนกรรโชกทรัพย์แบบนี้ที่มาพักในโรงแรมนี้ (ย้ำว่าแค่ที่โรงแรมนี้ไม่รวมที่อื่น) บางคนโดนเป็นแสนบาท บางคนโดนทำร้ายกลับมาบ้าง การแจ้งตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพวกนี้เป็นมาเฟียเป็นพวกมีอิทธิพลถ้าหากพวกผมแจ้งไปก็จะโดนแย้งกลับมาว่าพวกคุณเข้าไปกันเองโดยสมัครใจ พวกผมเจอแบบนี้ไปถึงกับพูดไม่ออกแล้วก็คิดว่าตัวเองก็โชคดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไรมากแต่ในใจลึกๆก็เจ็บใจและเสียดายเงินสุดๆ

        สรุปเบ็ดเสร็จผมและเพื่อนสูญเสียเงินไปทั้งสิ้น ประมาณ 29900 บาท จากความไม่รอบคอบ การตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี การเชื่อคนง่ายขาดความยับยั้งชั่งใจ เสียเงินคราวนี้กลายเป็นบทเรียครั้งสำคัญของผมเลย ผมอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดจะไปเที่ยวไม่ใช่เฉพาะอิสตันบูลนะครับ ทุกที่ว่าการท่องเที่ยวไม่ได้มีด้านเดียวคือด้านที่สนุกสนาน รู้จักคนใหม่ๆอย่างเดียว แต่มันยังมีด้านที่เป็นอันตราย ด้านอาชญากรรม ด้านดำมืด แบบนี้อยู่ครับ อยากให้ทุกคนรอบคอบและระมัดระวังตัวนะครับ ไม่อยากให้เป็นแบบพวกผมสองคน

ปล. หลังจากเหตุการณ์นี้การโดนโกงก็ยังไม่จบนะครับ ยังมีโดนโกงกันอีกหลายครั้งตลอดเวลา 3 วันที่อยู่ที่เมืองนี้