แชร์ประสบการณ์การซื้อเครื่องสำอางและสกินแคร์ในปีนี้และปีหน้า #Ishoppinglikecrazy #2018 #2019

ชาเขียวเย็นใจ

30 ธันวาคม 2561 เวลา 11:27 น.

#Ishoppinglikecrazy #2018 #skincare #best #favourite

ภาพนี้เป็นเครื่องสำอางที่ใช้หมดแล้วในระยะเวลาประมาณไม่ถึงหกเดือน



ใกล้สิ้นปีแล้ว มานั่งทบทวนการซื้อการใช้สกินแคร์ของตัวเองในปีนี้ พบว่าหมดไปหลายบาท แต่บางครั้งก็ได้ลองใช้ในสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองจริงๆ แล้วก็อยากแชร์ประสบการณ์ว่าเราควรเลือกซื้ออะไรยังไงในปีหน้า ปี 2019 บ้าง

อย่าเพิ่งคิดไปว่า ไม่ต้องมาสอนให้ประหยัดมัถยัสต์หรอก ตอนนี้คืออยากรู้ว่าอะไรดีอะไรโดนจะไปซื้อตาม แต่จะบอกว่าเราผ่านมาหมดแล้วกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เลยนึกหลักการเลือกซื้อให้ได้ความคุ้มค่าและไร้ซึ่งความเจ็บใจไว้ข้างหลัง เผื่อไว้เตือนตัวเองในปีหน้า ดังนี้

1. ซื้อไซส์ทดลองมาก่อน ถ้าไซส์จริงแพงมาก บางทีถ้ามันไม่เหมาะกะเรา ก็ไม่ต้องเสียเงินแล้วต้องมานั่งจ้องตากับมันเป็นปีๆ แล้วสุดท้ายก็ลงถังขยะ ไม่ต้องหวังว่าจะยกให้ใครต่อ เพราะของเราไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าขนาดจริงไม่แพงมากก็สามารถซื้อได้เลยนะ

2. ซื้อไซส์จริงประหยัดและสะดวกกว่าเทสเตอร์นะ เช่น ออยล์หรือเซรั่มบำรุงหน้าเทสเตอร์แบบซองเป็นสิ่งที่น่าเวียนหัวมากถ้าเอามาใช้แล้วมันหก กันแดดที่มาในหลอดเล็กๆๆๆๆๆจิ๋วมากแทบบีบไม่ออก หรือโทนเนอร์ขวดเท่าวาเป็กซ์แล้วต้องกระเบียดกระเสียนใช้หยดเล็กๆ กับสำลีให้มันดึงหน้าดึงผิว ประการหนึ่งขยะในรูปของขวดบรรจุภัณฑ์ ถ้าเราลดได้บ้างก็เป็นการดีมิใช่เหรอ

3. ของแถมที่จัดมาเป็นเซ็ตกับเครื่องสำอางในเทศกาลพิเศษ แล้วลงมูลค่าไว้สูงลิ่วและทำเป็นลดราคาลงมายั่วยวนลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นของที่ไม่มีประโยชน์ต่อเราจริงหรือมีขนาดเล็กมาก บางครั้งมาเป็นซองเทสเตอร์เล็กๆ จะเป็นลม (ของแถมไม่ควรมาคิดเป็นมูลค่าก็ในเมื่อคุณอยากสมนาคุณมาให้พวกเรา) เพราะฉะนั้นเวลาซื้อดูดีๆ ถ้ามันลดราคาด้วยแถมด้วยก็พอได้

4. อย่าซื้อของที่คิดว่าเทียบเท่าหรือแทนตัวที่เราอยากได้ (ในราคาถูกกว่า) เพราะสุดท้ายคุณก็จะจดจ่อและไปซื้ออันนั้นจนได้ เข้าทำนอง'เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย' ซื้อไปเลยถ้าคุณมั่นใจว่ามันจะปลุกเร้าความสุขให้คุณได้

5. ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าทั้งไลน์ เช่น เราชอบเซรั่มเอสเต้ลอเดอร์ ANR ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อโฟมไลน์ ANR เก็บเงินไปซื้อโฟมยี่ห้ออื่นตัวที่ดีราคาเหมาะสมและตอบโจทย์ผิวหน้าแทนดีกว่า

6. เลือกซื้อตัวแม่ของแต่ละยี่ห้อ แล้วมาทาต่อเนื่องกัน แบบ combined สารบำรุงที่ได้รับจะหลากหลาย ริ้วรอย จุดด่างดำ สิว ผิวขาดน้ำ เกิดประสิทธิภาพแบบส่งเสริมกันยิ่งขึ้น (ตัวอย่างเช่น เอสเต้ลอเดอร์ ANR, คีลส์วิตซี, น้ำตบเอสเคทู, คลาแรงส์ดับเบิ้ลเซรั่ม, ล็อคซิทานออยล์อินเซรั่ม, ไบโอเธิร์มไลฟ์แพลงตอน และอื่นๆ อีกมากมาย)

7. บางอย่างเทสเตอร์ก็น่าซื้อใช้มากนะ เช่น ครีมเทสเตอร์กระปุก (15 มล. ขึ้นไป) เพราะครีมกระปุกขนาดปกติ เปิดใช้ควักออกการปนเปื้อนหรือเสื่อมประสิทธิภาพเกิดง่าย

8.เป็นเรื่องที่คาใจเรามาตลอด คือความแพงของครีมบำรุงรอบดวงตาเคาท์เตอร์แบรนด์ที่มาในราคาแพงแสนแพง (15 ml. หลักพันขึ้นไป) อันนี้ปีหน้าเราจะเลิกซื้อและจะหันไปใช้เซรั่มที่บ่งชี้ว่าสามารถใช้รอบดวงตาได้ด้วยแทน

9. อย่าซื้อเครื่องสำอาง สกินแคร์ แบรนด์ดารา หรือแบรนด์ในเน็ต ที่ไม่มีอะไรรับรองว่ามีสารอันตราย หรือไม่มีสารซากไรซักอย่างแต่โคตรแพง จำไว้ว่าส่วนใหญ่ที่มีการรีวิวในอินเตอร์เน็ต ผ่านการจ้างรีวิวนะ

10. สำหรับเรา ปีหน้าเรามีเป้าหมายในเรื่องการออมการลงทุนและตั้งใจจะทำอย่างจริงจัง โดยจะกันเงินไว้สำหรับซื้อเครื่องสำอางเดือนละ 10% เช่น เงินเดือน 30,000 บาท ก็กันไว้ 3,000 บาท สำหรับการเปย์ไม่อั้นในแต่ละเดือน (ห้ามเกิน3,000บาท) เดือนไหนที่ใช้ไม่หมดก็เก็บออมหรือลงทุน วิธีนี้คาดไว้ว่าจะสามารถลดอาการลงแดงเวลาที่อดใจซื้อเครื่องสำอาง และลดอาการหัวเสียถ้าหากเผลอตัวซื้อเครื่องสำอางเยอะเกินไปในเดือนใดเดือนหนึ่ง

ใครมีเคล็ดลับดีดีในการเลือกซื้อเครื่องสำอางมาแชร์กันนะคะ เราจะนำไปใช้ในการใช้เงินปีหน้าที่จะมาถึงนี้ ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่