- จากเรื่องย่อคงดูเหมือนหนังธรรมดาๆ แต่จริงๆมันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะมากกกก ฝั่งเมืองนอกถึงกับมีคนบอกว่าเรื่องนี้ "ซับซ้อนระดับหนัง Nolan" เลยนะ ไม่สามารถเล่าไปมากกว่านี้ได้แล้วจริงๆ กลัวจะ Spoil แต่ขอกระตุ้นต่อมความอยากรู้ ด้วยคำโปรยจากโปสเตอร์ "เพื่อความอยู่รอด คนที่ฉันต้องฆ่าก็คือตัวฉันเอง!"

- ตอนแรกลังเลมากว่าจะให้ถึง 5 ดาวเลยหรอ เพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างของเรื่องนี้ไม่ได้ดีเยี่ยม มันคือหนัง Sci-fi / Thriller อินดี้ทุนต่ำเรื่องนึง แต่สิ่งที่ต้องปา 5 ดาวให้รัวๆก็คือ "บท" บททั้งแปลกใหม่ ซับซ้อน และไต่ระดับความพีคอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้พีคสุดที่ได้ดูมาในปี 2018 แล้ว

- Coherence คือตัวอย่างของการทำหนังทุนต่ำ แต่ยิ่งใหญ่ระดับหนังฟอร์มยักษ์ ดูจบแล้วคิดว่าน่าเอาไปให้นักศึกษาหรือคนเริ่มทำหนังได้ศึกษากันเลย เพราะเรื่องนี้จะอยู่แต่ในบ้านเกือบทั้งเรื่อง (พอออกนอกบ้านก็มืดๆ แทบไม่เห็นอะไรเลย) และแค่มีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาให้ตัวละครนั่งถกทฤษฎีกัน แทบไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่า "บท" ที่เขียนมาดีมากๆๆๆ จากหนังอินดี้เล็กๆเรื่องนึง กลายเป็นหนังสเกลใหญ่มากๆไปได้เลย

- ข้อดีของ Coherence ไม่ว่าจะซับซ้อนแค่ไหน แต่เป็นหนังที่ดูแล้วไม่งง ใช่ มันอาจจะมีอะไรให้คิดตาม หรือนั่งทบทวนอีกเยอะ แต่ดูแล้วมันรู้เรื่อง แต่ระหว่างดูต้องใช้สมาธิสูงมากนะ เพราะต้องคอย keep track ตลอดเวลาว่า ตอนนี้ถึงไหนแล้ว, เกิดอะไรขึ้นกันแน่, เข้าใจถูกมั้ย

- ตัวภาพและการถ่ายทำ มันดูเรียลมาก จนเหมือนเรานั่งดู Home Video ของใครสักคนอยู่ (แต่ไม่ใช่การถ่ายแบบ Found Footage) สไตล์นี้ทำให้นึกถึง Unsane หนัง Thriller ทุนต่ำ กำกับโดย Steven Soderbergh (นำแสดงโดย Claire Foy)

- การที่หนังแทบจะเป็น Single Location + การถ่ายแบบนี้ มันทำให้เราเหมือนติดไปอยู่ในโลกนี้กับพวกเขาเลย เหมือนเข้าไปอยู่ในหนังโดยไม่ต้องดู IMAX ยิ่งอินเข้าไปอีก 555

- ดูจบแล้วก็ได้แต่อึ้งว่า "หะ นี่คือผลงานการกำกับครั้งแรกหรอ?" ทำได้ไงอะ แต่น่าแปลกที่หลังจากเรื่องนี้ James Ward Byrkit ก็ยังไม่มีผลงานใหม่ออกมาอีกเลย ถ้าหนังเรื่องแรกยังทำได้สุดยอดขนาดนี้ เรื่องอื่นๆจะขนาดไหน