ด่วน! ไม่พลิกฉลุย5ต่อ3เสียง‘ปปช.’ตีตกปมนาฬิกาหรู‘บิ๊กป้อม’

27 ธ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวน 22 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 เสียง 3 ยกคำร้องกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นนาฬิกาของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ จำนวน 21 เรือน ส่วนอีกเรือนแม้ยังหาไม่ได้ว่าเป็นของนายปัฐวาท แต่ทราบว่าชอบให้เพื่อนคนอื่นๆยืมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตรงนี้จะให้กรมศุลากรกรตรวจสอบว่าเป็นของใครต่อไป
สำหรับกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย 3 คน ได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ส่วนกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์
ในส่วนแหวน12วง พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นมรดกที่ได้รับจากมารดานั้น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ไม่ได้เข้าร่วมพิจารณาในวาระดังกล่าว เนื่องจากขอถอนตัว
อย่างไรก็ดี นายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
https://www.naewna.com/politic/385523
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
27 ธ.ค.61 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าวันนี้(วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2561) ได้มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีเรื่องสำคัญที่ควรแถลงให้สื่อมวลชนทราบ คือ กรณีปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สวมใส่นาฬิกาหรูแต่ไม่แจ้งนาฬิกาดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 และกรณีที่มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีไม่แสดงนาฬิกาหรูและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่างๆ ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวตามสื่อมวลชนนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. (พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอถอนตัวไม่เข้าร่วมพิจารณา) ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบปรากฏว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้วว่า นาฬิกาทั้งหมดจำนวน 22 เรือน ได้ยืมจาก นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและได้คืนไปหมดแล้ว ส่วนแหวนมีทั้งที่เป็นมรดกของบิดาที่มารดามอบให้ระหว่างที่พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งดังกล่าว บางวงเป็นแหวนรุ่นหรือแหวนวัตถุมงคลมีมูลค่าไม่สูงมาก จากการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และขอเอกสารหลักฐานจากผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาหรูในประเทศไทย รวมทั้งขอเอกสารและความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบการสำแดงรายการนาฬิกาที่นำเข้าจากต่างประเทศรวมทั้งผู้จำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นนักธุรกิจที่มีฐานะทางการเงินและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากและชอบสะสมนาฬิการาคาแพง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบพบว่ามีการเก็บรักษานาฬิการาคาแพงอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ จำนวนมากกว่าที่ร้องเรียน จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นคนมีฐานะดี คอยช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับกลุ่มเพื่อนที่เคยศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้ให้เพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเซนต์คาเบรียลยืมนาฬิการาคาแพงไปใช้สวมใส่ ซึ่งรวมถึงพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ เพื่อนร่วมห้องเดียวกับนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่มีความสนิทสนมกันด้วย นอกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ยังให้เพื่อนกลุ่มอื่นยืมนาฬิกาไปสวมใส่ด้วย
เมื่อพิจารณาภาพของนาฬิกาจำนวน 25 เรือนที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่ามีภาพซ้ำกัน 3 คู่ จึงมีนาฬิกาที่ต้องตรวจสอบจำนวน 22 เรือน โดยพบว่าอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ จำนวน 20 เรือนและพบใบรับประกันนาฬิกาอีก 1 เรือนแต่ไม่พบตัวเรือน รวมเป็น 21 เรือน โดย 21 เรือนดังกล่าวพบหลักฐานว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นผู้ซื้อจากผู้จำหน่ายในต่างประเทศจำนวน 1 เรือน ซื้อต่อจากผู้อื่นจำนวน 2 เรือน ส่วนที่เหลือไม่พบหลักฐานการซื้อจากผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ และกรมศุลกากรก็ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันการนำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศได้เพราะผู้นำเข้าบางรายไม่สำแดงข้อมูลรายละเอียดของนาฬิกา ในส่วนการขอข้อมูลการซื้อขายนาฬิกาจากต่างประเทศ บางประเทศได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล หรือบางประเทศตอบว่าไม่สามารถตรวจสอบได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่านาฬิกาที่ปรากฏเป็นข่าวเก็บรักษาอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ และเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการาคาแพงที่นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ได้สะสมไว้แม้ไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขายว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นผู้ซื้อนาฬิกาดังกล่าว แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้เป็นการยึดถือเพื่อตน จึงต้องด้วยบทสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าวว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นเจ้าของนาฬิกาตามภาพข่าวจำนวน 21 เรือน และได้ให้พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ ตามที่ปรากฏในภาพข่าว ประกอบกับนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ได้ให้เพื่อนคนอื่นยืมใช้นาฬิการาคาแพงด้วย จึงรับฟังว่าเป็นการกระทำโดยปกติของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ช่วยดูแลกลุ่มเพื่อนเก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย ในส่วนของนาฬิกาอีก 1 เรือน ที่ไม่พบตัวเรือนและไม่พบใบรับประกันนั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบรายละเอียดข้อมูลนาฬิกาเรือนดังกล่าว แต่เมื่อนาฬิกาเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย และนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อรับฟังว่าพลเอก ประวิตรวงศ์สุวรรณ ได้ยืมนาฬิกาจากนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ มาสวมใส่ในการออกงานต่างๆ จำนวน 21 เรือนข้างต้น จึงรับฟังได้ว่าพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้มีการยืมนาฬิกาเรือนที่ยังตรวจสอบไม่พบมาสวมใส่เช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ และบริษัทคอม-ลิ้งค์ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
กรณีแหวนที่ปรากฏตามภาพข่าวที่พลเอก ประวิตร สวมใส่จำนวน 12 วง นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาคำชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าแหวนจำนวน 3 วงเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ที่ได้รับมาจากมารดาในขณะดำรงตำแหน่งรองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว แหวนที่เหลือเป็นแหวนที่เป็นสัญลักษณ์หน่วยทหาร หรือแหวนวัตถุมงคลที่มีราคาไม่มากนำมาใส่เพื่อเป็นศิริมงคล หรือใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของสังกัด จึงไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เช่นกัน
จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ว่ากรณียังไม่มีมูลเพียงพอว่าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น โดยกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อยเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นอกจากนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน 22 เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป.
https://www.thaipost.net/main/detail/25233
ฝ่ายมั่นคงยืนยัน!ระเบิด'แหลมสมิหลา'แค่2ลูก ที่เหลือยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย
ฝ่ายความมั่นคงร่วมแถลงข่าวยันระเบิดแหลมสมิหลาเพียง2ลูก ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย สงสัยเป็นฝีมือแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่4อำเภอชายแดนสงขลา และจาก3จังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วน สาเหตุมีหลายเรื่องทั้งความมั่นคงและประเด็นเชื่อมโยงทางธุรกิจ ส่วนนางเงือกยืนยันซ่อมแซมได้
27 ธ.ค.61 ความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แหลมสมิหลา จ.สงขลา เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงได้ร่วมกันแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา , พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค9 , พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รอง ผอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า และ พล.ร.ท.ชุตินธร ทัตตานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2
โดยในส่วนของระเบิดที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยว่า ยืนยันว่ามีเพียง 2 ลูก คือ ลูกที่วางระเบิดรูปปั้นนางเงือก ทำให้หางนางเงือกขาด กับลูกที่วางระเบิดรูปปั้นหนูกับแมว ที่อยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยที่เป็นชิ้นส่วนหรือส่วนประกอบของระเบิดทั้ง 2 ลูกเท่านั้น ซึ่งกระจัดกระจายอยู่โดยรอบบริเวณจุดเกิดเหตุไม่ใช่ระเบิดแต่อย่างใด ซึ่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดต้องยิงทำลายทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งชิ้นส่วนระเบิดไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุ
พล.ต.ท.รณศิลป์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนสาเหตุของการลอบวางระเบิดนั้นเชื่อมโยงกันหลายเรื่อง ยังไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ และจากแนวทางการสอบสวนพบว่าอาจจะมีความขัดแย้งในทางการค้าและกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นระเบิดการเมืองแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รอง ผอ.รมน.ภาค4 เปิดเผยไปทางเดียวกัน ว่า ยังไม่สามารถปักใจเชื่อว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด หรือเป็นการกระทำของกลุ่มใด แต่ก่อนหน้านี้พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 4 อำเภอ ชายแดน จ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางส่วน แต่ยังไม่หลักฐานที่ยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของคนกลุ่มนี้หรือไม่
ขณะที่ พล.ร.ท.ชุตินธร ทัตตานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า หลังเกิดเหตุได้จัดกำลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของกองทัพเรือเข้าไปสนับสนุนฝ่ายตำรวจ และจัดกำลังเสริมดูแลความปลอดภัยบริเวณชายหาดแหลมสมิหลาหลังจากนี้
ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา กล่าวว่า ในส่วนการซ่อมแซมรูปปั้นนางเงือกที่เสียหายนั้น จากการตรวจสอบพบว่า สามารถนำหางมาต่อได้ ซึ่งหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
https://www.naewna.com/local/385536
หมดทุกข์หมดโศกรับปีใหม่ 2562 ค่ะ
มีกำลังใจทำงานต่อไปนะคะ....
🎈🎈มาลาริน/ยินดีกับลุงบิ๊กป้อมด้วยค่ะ..ที่พ้นมลทินติดตัวแล้ว ให้กำลังใจรับมือกับความมั่นคงภายในประเทศอย่างปลอดโปร่ง
ด่วน! ไม่พลิกฉลุย5ต่อ3เสียง‘ปปช.’ตีตกปมนาฬิกาหรู‘บิ๊กป้อม’
27 ธ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวน 22 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 เสียง 3 ยกคำร้องกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นนาฬิกาของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ จำนวน 21 เรือน ส่วนอีกเรือนแม้ยังหาไม่ได้ว่าเป็นของนายปัฐวาท แต่ทราบว่าชอบให้เพื่อนคนอื่นๆยืมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตรงนี้จะให้กรมศุลากรกรตรวจสอบว่าเป็นของใครต่อไป
สำหรับกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย 3 คน ได้แก่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ส่วนกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์
ในส่วนแหวน12วง พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นมรดกที่ได้รับจากมารดานั้น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ไม่ได้เข้าร่วมพิจารณาในวาระดังกล่าว เนื่องจากขอถอนตัว
อย่างไรก็ดี นายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
https://www.naewna.com/politic/385523
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.thaipost.net/main/detail/25233
ฝ่ายมั่นคงยืนยัน!ระเบิด'แหลมสมิหลา'แค่2ลูก ที่เหลือยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย
ฝ่ายความมั่นคงร่วมแถลงข่าวยันระเบิดแหลมสมิหลาเพียง2ลูก ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย สงสัยเป็นฝีมือแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่4อำเภอชายแดนสงขลา และจาก3จังหวัดชายแดนภาคใต้บางส่วน สาเหตุมีหลายเรื่องทั้งความมั่นคงและประเด็นเชื่อมโยงทางธุรกิจ ส่วนนางเงือกยืนยันซ่อมแซมได้
27 ธ.ค.61 ความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แหลมสมิหลา จ.สงขลา เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงได้ร่วมกันแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา , พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค9 , พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รอง ผอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า และ พล.ร.ท.ชุตินธร ทัตตานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2
โดยในส่วนของระเบิดที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยว่า ยืนยันว่ามีเพียง 2 ลูก คือ ลูกที่วางระเบิดรูปปั้นนางเงือก ทำให้หางนางเงือกขาด กับลูกที่วางระเบิดรูปปั้นหนูกับแมว ที่อยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยที่เป็นชิ้นส่วนหรือส่วนประกอบของระเบิดทั้ง 2 ลูกเท่านั้น ซึ่งกระจัดกระจายอยู่โดยรอบบริเวณจุดเกิดเหตุไม่ใช่ระเบิดแต่อย่างใด ซึ่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดต้องยิงทำลายทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งชิ้นส่วนระเบิดไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุ
พล.ต.ท.รณศิลป์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนสาเหตุของการลอบวางระเบิดนั้นเชื่อมโยงกันหลายเรื่อง ยังไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ และจากแนวทางการสอบสวนพบว่าอาจจะมีความขัดแย้งในทางการค้าและกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นระเบิดการเมืองแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รอง ผอ.รมน.ภาค4 เปิดเผยไปทางเดียวกัน ว่า ยังไม่สามารถปักใจเชื่อว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด หรือเป็นการกระทำของกลุ่มใด แต่ก่อนหน้านี้พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 4 อำเภอ ชายแดน จ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางส่วน แต่ยังไม่หลักฐานที่ยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของคนกลุ่มนี้หรือไม่
ขณะที่ พล.ร.ท.ชุตินธร ทัตตานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า หลังเกิดเหตุได้จัดกำลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของกองทัพเรือเข้าไปสนับสนุนฝ่ายตำรวจ และจัดกำลังเสริมดูแลความปลอดภัยบริเวณชายหาดแหลมสมิหลาหลังจากนี้
ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา กล่าวว่า ในส่วนการซ่อมแซมรูปปั้นนางเงือกที่เสียหายนั้น จากการตรวจสอบพบว่า สามารถนำหางมาต่อได้ ซึ่งหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
https://www.naewna.com/local/385536
หมดทุกข์หมดโศกรับปีใหม่ 2562 ค่ะ
มีกำลังใจทำงานต่อไปนะคะ....