เรื่องของเฌอปรางทำให้ผมนึกถึงตัวเองเมื่อ 10ปีก่อน

ตอนที่ผมนั่งปั่นธีสิสหัวหมุนเพราะอาจารย์สั่งให้แก้เพราะจวนเวลาส่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจัง เหนื่อยแล้ว ท้อแล้ว
ทำไมมันถึงไม่สำเร็จสักทีอาจารย์แกล้งเราหรือเปล่า ? ตอนที่มันเหนื่อยทุกอย่างมันรุมเร้าเราก็ accept ความคิดเลวร้ายไปหมด
พอมันสำเร็จมันได้ไปวางอยู่บน shelf หนังสือในห้องสมุดแล้วน้องๆ ต่างหยิบยืมมันออกมาเป็น ref จู่ๆ มันก็ยิ้มขึ้นมา...
ความรู้สึกเกีลยดชังอาจารย์คนนั้นมันหายไปหมดเลย

    กว่าหนึ่งปีแล้วที่ผมติดตามเฌอปรางแน่นอนว่ามันไม่ได้พิเศษกว่าใครกว่าแฟนคลับคนไหนๆ ผมก็เป็นแค่แฟนคลับคนหนึ่งที่
เฝ้ามองดูเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอดอาจจะช้าไปด้วยซ้ำเพราะมาไม่ทันช่วงน้องเดบิวต์แรกๆ แต่ก็ซึมซับความพยายามของน้องมาตลอด
    
    เด็กในวัย 22ปีที่ต้องทำทุกอย่าง ทุกโอกาสที่ได้รับให้ดีที่สุด เรียน ซ้อม ทำงาน ในขณะที่ผมเมื่อ 10ปีก่อนได้แต่นั่งปั่นธีสิส
เพียงอย่างเดียว แล้วเอาแต่บ่นๆ ว่าชีวิตยากลำบาก พอมาเจอน้องในช่วงเวลาที่เดียวกัน ผมก็ได้แต่นึกย้อนไป...
ตอนอายุ 22ปีเราได้ทำถึงครึ่งหนึ่งของเด็กคนนี้แล้วหรือยัง ?แน่นอนว่าผมตอบว่าไม่ ถึงตอนนี้อายุล่วงเข้าเลข 3ก็ยังตอบว่าไม่
คนอื่นอาจจะมองว่าอวยก็ได้นะ แต่นั้นแหละที่ทำให้ผมชอบน้องแค่คนเดียวในวงเพราะผมไม่มีทางทำแบบน้องได้ และ...
เคารพน้องมากๆ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดีใจที่ได้เห็นน้องออกมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นนอกห้องแลบ

    ใครหลายคนก็เป็นเหมือนกันคือการเอาไอดอลเป็นแรงพลักดันให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นไม่ว่าจะโอชิใคร สิ่งหนึ่งที่ในเกมกีฬาไม่เคยบอก
ในกติกาคือการห้ามลงแข่ง ไม่มีใครห้าม bolt ลงแข่งกีฑา ในลู่วิ่งไม่มีใครคาดคิดว่า bolt จะวิ่งเร็วที่สุดในตอนแรก
แต่ความแฟร์ของเกมกีฬาก็คือการยินยอมให้ bolt แข่งเก็บเกี่ยวเหรียญรางวัลของเขาต่อไป...

    10 ปีผ่านมาแล้ว ผมเลือกน้องเป็น ref บน shelf หนังสือ ไม่มีทางหรอกที่จะเปิดอ่านไปดูทุกหน้า หลายครั้งที่ผมเปิดมันผ่านๆ
เพียงแค่หวังว่ามันจะไม่ผุขาด สมบรูณ์แข็งแรงดี ถึงแม้คนนอกจะเปิดมันทุกหน้าแล้วชี้ว่าข้อมูลมันผิดห้ามเอาเป็น ref ก็ตาม

    มันทำให้เกิดคำถามว่า หนังสือที่เฟอเฟคที่สุดจะต้องถูกตีพิมพ์กี่ครั้งกัน ?

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่