ธนาคารโลกจัดอันดับไทยได้คะแนนแก้ไขปัญหาล้มละลายดีสุดในอาเซียน 3 ปีซ้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมบังคับคดี ได้จัดการประชุมเพื่อรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ประจำปี 2562 (Ease of Doing Business 2019) โดยมีนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เป็นประธานการประชุม โดยผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย นางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองอธิบดีกรมบังคับคดี นางทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดีกรมบังคับคดี คณะผู้บริหารกรมบังคับคดี ผู้แทนสำนักงานศาลล้มละลายกลาง ผู้แทนสำนักงาน กพร. ผู้แทนสมาคมธนาคารนานาชาติ ผู้แทนธนาคารโลก และผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมประชุมฯ
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้นำเสนอผลการจัดอันดับความยาก –ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ประจำปี 2562 (Ease of Doing Business 2019) ในตัวชี้วัดที่ 9 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 35 ตัวชี้วัดที่ 10 การแก้ไขปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolven) ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนในด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายเพิ่มขึ้นจาก 75.64 ในปีที่ผ่านมาเป็น 76.64 ในปีนี้ อยู่ในลำดับที่ 24 และเป็นอันดับที่ดีที่สุดในอาเซียนมาอย่างต่อเนื่องระยะเวลา 3 ปีซ้อน และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย
ส่วนตัวชี้วัดที่ 5 กรมบังคับคดีมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นคณะทำงานศึกษาและยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจนั้น อยู่ในอันดับที่ 44 อีกทั้งยังได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการที่เกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายของกรมบังคับคดี ทั้งในด้านกฎหมายและกฎระเบียบ ด้านระบบการทำงาน และด้านการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างกรมบังคับคดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามของธนาคารโลก เพื่อให้การดำเนินการของประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกในปีต่อๆไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะเป็นการนำไปสู่มิติใหม่ ในการให้บริการประชาชนอย่างง่าย สะดวก และรวดเร็วอันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในงานบริการภาครัฐให้แก่ประชาชนต่อไป
https://www.naewna.com/local/385162
บังคับคดี เผยธนาคารโลกประเมินไทยยังเป็นที่ 1 อาเซียนแก้ปัญหาล้มละลาย คะแนนยังดีแม้หล่นจากอันดับที่ 26 มาเป็น 27 เตรียมดันร่างพ.ร.บ.ล้มละลาย 2 ฉบับ พัฒนาระบบ e insolvency เชื่อมโยงฐานข้อมูลบุคคลล้มละลายกับนายทะเบียน เริ่มใช้ทั้งระบบครั้งแรกปี 62
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้ประกาศผลการประเมิน Ease of Doing Business ของประเทศไทยพบว่าโดยภาพรวมมีคะแนนดีขึ้น แม้ว่าเป็นอันดับที่ 27 จากปีที่แล้วในอันดับที่ 26 และยังคงยังรักษาตำแหน่ง 1 ใน 30 สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมบังคับคดีรับผิดชอบขอรายงานผลมีการระบุว่าตัวชี้วัดที่ 10 การแก้ไขปัญหาล้มละลายของไทยมีคะแนนดีขึ้น โดยคะแนนห่างจากประเทศดีที่สุด (DTF) ก็ดีขึ้นและที่สำคัญด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายไทยยังเป็นที่ 1 ของอาเซียน โดยรักษาตำแหน่งนี้มาได้เป็นปีที่สามแล้ว ซึ่งไทยได้อันดับที่ 24 ใน 190 ประเทศ โดยคะแนนเพิ่มขึ้นผลมาจากการรวบรวมทรัพย์สินคืนให้กับเจ้าหนี้ ได้ 69.8 เกือบ 70% (ปีที่แล้วได้ 68%) นอกจากนี้ในตัวชี้วัดที่ 9 ที่กรมบังคับคดีร่วมรับผิดชอบกับสำนักงานศาลยุติธรรมในส่วนของการบังคับคดี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดีปีหน้าเชื่อว่าตัวชี้วัดที่ 9 ที่เกี่ยวกับการบังคับคดีในช่วงระยะเวลา 100 วันดังกล่าวจะลดลง เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนของการบังคับตามคำพิพากษาและคำสั่งของศาลหรือปวิพภาคบังคับคดีที่กรมฯและสำนักงานกฤษฎีกาได้ปฎิรูปแก้ไขใหม่ และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 5 กย 60ได้กำหนดเวลาประกาศขายชัดเจน 60 วันนับแต่ยึด ลดจาก 6 รอบเหลือ 4 รอบ จึงทำให้เวลาลดลงได้จริงทั้งนี้จากการทำการประเมินและมีหลักฐาน เหลือ 75 วันแต่ธนาคารโลกระบุว่าตอนมาสัมภาษณ์/เก็บข้อมูลปีนี้ ยังไม่เห็นจำนวนคดีในประ มวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนของการบังคับตามคำพิพากษาและคำสั่งของศาลใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากระยะเวลากฎหมายมีผลกับการประเมินห่างเพียง 5 เดือนเท่านั้น
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงการประชุมทางไกลเรื่องผลการประเมินความยากง่ายในการประกอบธุรกิจว่า ธนาคารโลก ระบุชัดว่า ตัวชี้วัดด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมบังคับคดีรับผิดชอบ เป็นประเด็นที่ท้าทายประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนในด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลายเพิ่มขึ้นจาก 75.64 ในปีที่ผ่านมา เป็น 76.64 ในปีนี้ ซึ่งคะแนนด้านนี้อันดับดีขึ้น คะแนนดีขึ้น และเป็นที่ 1 ของอาเซียน โดยสามารถรักษาตำแหน่งที่ 1 ของอาเซียนได้มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ ไทยเป็นที่ 3 ของอาเซียน และเป็นที่ 4 ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการดำเนินการต่อไป กรมบังคับคดีได้เสนอร่างพ.ร.บ.ล้มละลาย 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการล้มละลายระหว่างประเทศ และเจ้าพนักงานพิทักษ์เอกชน การพัฒนาระบบ e insolvency ที่จะเริ่มใช้ได้ทั้งระบบเป็นครั้งแรกในปี 2562 เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลบุคคลล้มละลายกับนายทะเบียนต่างๆ และการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/817298
ไหนจะวางรากฐานโครงการพื้นฐานต่างๆในประเทศ
มีการลงทุนในโครงการอีอีซี จะมีรัฐบาลไหนทำได้
จากการรับหนี้สินมาจากรัฐบาลก่อน...จนมาถึงวันนี้ในทุกวันนี้
รัฐบาลไม่มีปัญหาในเรื่องการเงินการคลังเลย
ต่างกับวันที่ไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา
ประชาชนไม่ได้โง่ให้นักการเมืองพรรคเพื่อโกงหลอกลวงอีกแล้ว
พลังหนุนลุงตู่จะสั่งสอนให้เอง..
💉มาลาริน/คนโจมตีศก.ได้แต่อวดวาทกรรม..จริงๆแล้วรบ.ลุงตู่วางฐานศก.ให้ยั่งยืนในวันข้างหน้า แก้ล้มละลายดีที่สุดในอาเซียน
ธนาคารโลกจัดอันดับไทยได้คะแนนแก้ไขปัญหาล้มละลายดีสุดในอาเซียน 3 ปีซ้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมบังคับคดี ได้จัดการประชุมเพื่อรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ประจำปี 2562 (Ease of Doing Business 2019) โดยมีนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เป็นประธานการประชุม โดยผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย นางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองอธิบดีกรมบังคับคดี นางทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดีกรมบังคับคดี คณะผู้บริหารกรมบังคับคดี ผู้แทนสำนักงานศาลล้มละลายกลาง ผู้แทนสำนักงาน กพร. ผู้แทนสมาคมธนาคารนานาชาติ ผู้แทนธนาคารโลก และผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมประชุมฯ
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้นำเสนอผลการจัดอันดับความยาก –ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ประจำปี 2562 (Ease of Doing Business 2019) ในตัวชี้วัดที่ 9 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 35 ตัวชี้วัดที่ 10 การแก้ไขปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolven) ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนในด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายเพิ่มขึ้นจาก 75.64 ในปีที่ผ่านมาเป็น 76.64 ในปีนี้ อยู่ในลำดับที่ 24 และเป็นอันดับที่ดีที่สุดในอาเซียนมาอย่างต่อเนื่องระยะเวลา 3 ปีซ้อน และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย
ส่วนตัวชี้วัดที่ 5 กรมบังคับคดีมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นคณะทำงานศึกษาและยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจนั้น อยู่ในอันดับที่ 44 อีกทั้งยังได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการที่เกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายของกรมบังคับคดี ทั้งในด้านกฎหมายและกฎระเบียบ ด้านระบบการทำงาน และด้านการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างกรมบังคับคดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามของธนาคารโลก เพื่อให้การดำเนินการของประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกในปีต่อๆไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะเป็นการนำไปสู่มิติใหม่ ในการให้บริการประชาชนอย่างง่าย สะดวก และรวดเร็วอันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในงานบริการภาครัฐให้แก่ประชาชนต่อไป
https://www.naewna.com/local/385162
บังคับคดี เผยธนาคารโลกประเมินไทยยังเป็นที่ 1 อาเซียนแก้ปัญหาล้มละลาย คะแนนยังดีแม้หล่นจากอันดับที่ 26 มาเป็น 27 เตรียมดันร่างพ.ร.บ.ล้มละลาย 2 ฉบับ พัฒนาระบบ e insolvency เชื่อมโยงฐานข้อมูลบุคคลล้มละลายกับนายทะเบียน เริ่มใช้ทั้งระบบครั้งแรกปี 62
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้ประกาศผลการประเมิน Ease of Doing Business ของประเทศไทยพบว่าโดยภาพรวมมีคะแนนดีขึ้น แม้ว่าเป็นอันดับที่ 27 จากปีที่แล้วในอันดับที่ 26 และยังคงยังรักษาตำแหน่ง 1 ใน 30 สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมบังคับคดีรับผิดชอบขอรายงานผลมีการระบุว่าตัวชี้วัดที่ 10 การแก้ไขปัญหาล้มละลายของไทยมีคะแนนดีขึ้น โดยคะแนนห่างจากประเทศดีที่สุด (DTF) ก็ดีขึ้นและที่สำคัญด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายไทยยังเป็นที่ 1 ของอาเซียน โดยรักษาตำแหน่งนี้มาได้เป็นปีที่สามแล้ว ซึ่งไทยได้อันดับที่ 24 ใน 190 ประเทศ โดยคะแนนเพิ่มขึ้นผลมาจากการรวบรวมทรัพย์สินคืนให้กับเจ้าหนี้ ได้ 69.8 เกือบ 70% (ปีที่แล้วได้ 68%) นอกจากนี้ในตัวชี้วัดที่ 9 ที่กรมบังคับคดีร่วมรับผิดชอบกับสำนักงานศาลยุติธรรมในส่วนของการบังคับคดี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดีปีหน้าเชื่อว่าตัวชี้วัดที่ 9 ที่เกี่ยวกับการบังคับคดีในช่วงระยะเวลา 100 วันดังกล่าวจะลดลง เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนของการบังคับตามคำพิพากษาและคำสั่งของศาลหรือปวิพภาคบังคับคดีที่กรมฯและสำนักงานกฤษฎีกาได้ปฎิรูปแก้ไขใหม่ และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 5 กย 60ได้กำหนดเวลาประกาศขายชัดเจน 60 วันนับแต่ยึด ลดจาก 6 รอบเหลือ 4 รอบ จึงทำให้เวลาลดลงได้จริงทั้งนี้จากการทำการประเมินและมีหลักฐาน เหลือ 75 วันแต่ธนาคารโลกระบุว่าตอนมาสัมภาษณ์/เก็บข้อมูลปีนี้ ยังไม่เห็นจำนวนคดีในประ มวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนของการบังคับตามคำพิพากษาและคำสั่งของศาลใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากระยะเวลากฎหมายมีผลกับการประเมินห่างเพียง 5 เดือนเท่านั้น
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงการประชุมทางไกลเรื่องผลการประเมินความยากง่ายในการประกอบธุรกิจว่า ธนาคารโลก ระบุชัดว่า ตัวชี้วัดด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมบังคับคดีรับผิดชอบ เป็นประเด็นที่ท้าทายประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนในด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลายเพิ่มขึ้นจาก 75.64 ในปีที่ผ่านมา เป็น 76.64 ในปีนี้ ซึ่งคะแนนด้านนี้อันดับดีขึ้น คะแนนดีขึ้น และเป็นที่ 1 ของอาเซียน โดยสามารถรักษาตำแหน่งที่ 1 ของอาเซียนได้มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ ไทยเป็นที่ 3 ของอาเซียน และเป็นที่ 4 ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการดำเนินการต่อไป กรมบังคับคดีได้เสนอร่างพ.ร.บ.ล้มละลาย 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการล้มละลายระหว่างประเทศ และเจ้าพนักงานพิทักษ์เอกชน การพัฒนาระบบ e insolvency ที่จะเริ่มใช้ได้ทั้งระบบเป็นครั้งแรกในปี 2562 เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลบุคคลล้มละลายกับนายทะเบียนต่างๆ และการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/817298
ไหนจะวางรากฐานโครงการพื้นฐานต่างๆในประเทศ
มีการลงทุนในโครงการอีอีซี จะมีรัฐบาลไหนทำได้
จากการรับหนี้สินมาจากรัฐบาลก่อน...จนมาถึงวันนี้ในทุกวันนี้
รัฐบาลไม่มีปัญหาในเรื่องการเงินการคลังเลย
ต่างกับวันที่ไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา
ประชาชนไม่ได้โง่ให้นักการเมืองพรรคเพื่อโกงหลอกลวงอีกแล้ว
พลังหนุนลุงตู่จะสั่งสอนให้เอง..