ประสบการณ์เรียนการตลาด ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกลนคร

สวัสดีค่ะชาวกระทู้พันทิปทุกคน กระทู้นี้เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับจากรั้วเขียวแห่งนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นเด็กคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ เราเติบโตที่กรุงเทพฯ เรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเกือบยี่สิบปี จนกระทั่งแอดมิดชันปี 58 เป็นปีที่ต้องก้าวออกจากรั้วโรงเรียนไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้จักการใช้ชีวิตมากขึ้น เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า แน่นอนว่าในการแอดมิดชั่นเราเลือกแอดที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ครั้งแรกจะไป ม.สงขลา ปัตตานี แต่ที่บ้านไม่ยอมเพราะไกลและเป็นจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ จนแล้วจนรอดก็ได้มาอยู่ที่รั้วนนทรี เกษตรศาสตร์ แห่งดินแดนอิสาน อันกว้างใหญ่ แห่งนี้

                    ครั้งแรกที่รู้ตัวว่าติดคณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ สาขาการตลาด ก็แอบกังวลนะ นานาจิตตังคิดมโนไปก่อนว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นยังไง จะเหมือนที่บางเขนหรือเปล่า แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะที่เรียนเพิ่มเติม ครั้งที่ค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต โอมายก๊อด!! ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินสี่พันเจ็ดร้อยกว่าไร่ ใหญ่มาก แต่ที่นี่ประกอบไปด้วย 4 คณะหลักๆ คือ คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร คณะสาธารณสุขศาสตร์ และคณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ ซึ่งเป็นคณะที่เราอยู่นั่นเอง สำหรับคณะของเราเปิดสอน 7 สาขาวิชา คือ การบัญชี การเงิน การจัดการ การตลาด (สาขาที่เราเรียน) การโรงแรมและการท่องเที่ยว นิติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ต้องบอกก่อนเลยว่าคณะของเราเหมือนคณะมนุษศาสตร์รวมกับบริหารเข้าด้วยกัน ปัจจุบันมีสาขาเปิดขึ้นมาใหม่คือสาขา รัฐประสานศาสตร์ แล้วก็หลักสูตรเขาก็สอนแบบเดียวกันที่บางเขนนะ ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลยยกเว้นที่เรียน ที่นี่ถึงอยู่ไกลแต่สำหรับเด็กกรุงเทพฯอารมณ์ติสๆแบบเรา ถือว่าคุ้มค่า มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในป่าอากาศดีมาก ชีวิตก็สบายๆ ช่วงธันวาคมหน้าหนาวหน่อย มีฝนดาวตกให้ดูอีก คือถ้าเป็นที่กรุงเทพฯคงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้ แต่นอกเหนือจากพวกนี้ก็มีอะไรอีกเยอะแยะที่ชอบ เดี๋ยวเล่าต่อ

                     วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่สาขาการตลาด แตกต่างจากที่คิดไว้มากเพราะแอบคิดเสมอช่วงรับน้องคงเป็นอะไรที่แบบจะต้องเจอแน่ๆพี่ว๊าก โซตัส อะไรพวกนี้ แต่บอกเลยว่าที่นี่แตกต่างจากที่คิดมาก พี่ๆสาขาเราใจดีมาก แบบใจดีมากจริงๆ และอาจารย์ก็ดีมากๆ เหมือนทุกคนคือครอบครัวเดียวกันจริงๆ เพราะเราสามารถพูดคุยหรือขอคำแนะนำได้ทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ ไม่มีการแบ่งชนชั้นหรืออะไร ที่สัมผัสคือความอบอุ่นแบบครอบครัว ในปีแรกของปี 1 การลงทะเบียนเรียนมหาวิทยาลัยจะลงให้ก่อน นิสิตการตลาดจะได้รับหนังสือเล่มเขียวคนละเล่มเป็นไกด์สำหรับการศึกษาการลงทะเบียนเรียนในรายวิชาต่างๆ และได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด แบบใกล้ชิดจริงๆอะไรที่เราไม่รู้หรือไม่มั่นใจอาจารย์แทบจะวางแผนให้ทั้งหมด มีอะไรเดือดร้อนแม้กระทั่งเรื่องเงินอาจารย์ก็ช่วยนะหางานให้ทำเป็นนิสิตช่วยงาน สรุปชีวิตการเรียนที่นี่ตลอดปี 1-4 แฮปปี้มาก

                     ในส่วนของรายวิชา การตลาดเรียนอะไรบ้าง ต้องบอกก่อนเลยจริงๆเราเรียนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตลาดหมดเช่น
วิชาโฆษณา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ศิลปะการขาย เป็นต้น ล้วนเป็นวิชาที่ส่งเสริมหรือเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้ประกอบการ คือที่นี่พร้อมเซฟเราก่อนออกไปทำงานมากจริงๆ ฝึกให้เราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ และวิชาของการตลาดนี่สนุกมากเรียนบางทีก็เหมือนไม่ได้ได้เรียน เพราะงานเยอะ แต่งานมันมักจะมาพร้อมประสบการณ์จำลองเหตุการณ์ในสนามจริงก่อนเสมอ ซึ่งถ้ามองอีกมุมนั่นคือเรื่องดี เพราะในชีวิตการทำงานจริงหลังเรียนจบเราไม่รู้เลยว่าถ้าเรียนจบมาชีวิตเราจะเป็นแบบไหน เราจะทำงานจริงๆได้หรือเปล่า แต่ที่นี่สอนทุกอย่างแบบจริงจัง ติวเข้มมากอะไรที่เราคิดว่ามันทำไม่ได้มันกลายเป็นเรื่องที่ง่ายไปหมด และที่สำคัญเรียนสาขานี้ไม่ผิดหวังเพราะเรียนการตลาดไปยังไงก็ไม่ตกงาน นี่คือเรื่องจริง ทุกวิชาที่เรียนจากที่นี่สามารถเอาไปใช้ในการทำงานได้จริงหมด

                      ในเรื่องของกิจกรรมตลอดระยะเวลา 4 ปี นี้คือชอบมากการตลาดมีเยอะจริงๆ มีตั้งแต่จิตอาสาของสาขาการตลาดเองจะเป็นกิจกรรมระหว่างปี 1 กับ ปี2 จะมีการลงพื้นที่ไปช่วยซ่อมแซมอาคาร โรงเรียน ในเขตที่กันดาร อาจารย์ก็ไปทุกคน สมัยรุ่นเราได้ไปอำเภอโคกศรีสุพรรณ กับอุทยานแห่งชาติภูพาน สนุกมากเหมือนการเข้าค่ายแต่สนุกกว่าการเข้าค่ายคือไม่มีกฎเยอะ เหมือนมาเที่ยวในป่า กางเต้นท์นอน ดูพระอาทิตย์ขึ้น ตกเย็นก็มีกิจกรรมสันทนาการ เผาข้าวโพดล้มวงกินกันท่ามกลางอากาศหนาวๆ อ่อลืมบอกส่วนใหญ่ค่ายจิตอาสาเราจะไปช่วงหน้าหนาวกัน ขึ้นเขาเข้าป่านี่ก็ฟินเลย ส่วนปี 3 มีกิจกรรมไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งพวกเราเลือกกันเองแล้วเสนอให้อาจารย์พาไป รุ่นเราไปดูงานที่โคราชอันนี้สนุกมาก นอกจากจะได้ไปเรียนรู้กรรมวิธีของการเป็นผู้ประกอบการแล้วยังได้เข้าไปเที่ยวด้วย อาหารการกินก็ดีไปอีกเพราะอาจารย์ท่านใส่ใจมากเป็นทริปที่ประทับใจมากๆ แล้วก็ปี 4 เป็นปีสุดท้ายกิจกรรมจะเยอะกว่าทุกปีโดยเราจะได้เป็นผู้จัดกิจกรรมเอง ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนาวิชาการการตลาด อันนี้เราได้จัดจริงๆทำเองทุกอย่าง โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยช่วยเหลืออย่างห่างๆ เคยถามอาจารย์เหมือนกันว่าทำไมต้องให้เราจัดงานสัมมนา ท่านก็บอกว่าในการทำการตลาดหรือเราเรียนจบไปได้ไปทำงานมีการจัดอีเว้นต์ หรือออแกนไนซ์พวกนี้ มันจำเป็น เราจะได้รู้วิธีการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ การติดต่อประสานงานอะไรพวกนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กร แล้วก็วิชาปัญหาพิเศษก็มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จริงๆ จากสินค้าเกษตรที่มีปัญหาในท้องถิ่น แล้วต้องจัดบูธขายของจริงด้วย วิชานี้เราได้ลงพื้นที่ไปตามชุมชนจริงๆ คือจำลองเหมือนว่าเราคือผู้ประกอบการคนหนึ่ง  

                        บรรยากาศกิจกรรมค่ายอาสาของสาขาของเรา ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุกนะ






                        บรรยากาศการไปดูงานที่จังหวัดนครราชสีมา เราไม่ได้เรียนแค่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวนะ














                        ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของมหาวิทยาลัย เราเชื่อว่าหลายคนต้องคิดแบบเราตอนแรกที่นี่กันดารแน่นอน อันนี้ก็ไม่เถียงแต่จริงๆไม่ได้ขนาดนั้น ถึงจะมหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่ในป่าแต่ที่นี่มีอินเตอร์เน็ต มีไวไฟ หอพักไม่ซ่อมซ่อ หักพักที่นี่ใหม่มากเฟอร์นิเจอร์ครบติดแอร์ ราคาถูกกว่ากรุงเทพฯ ค่าครองชีพต่ำแต่คุณภาพชีวิตดี ประสบการณ์ที่หาได้ยากจากในเมืองหลวง อย่างน้อยนะเราตื่นเช้าไปเรียนเหลือเวลาเข้าห้องเช็คชื่ออีกแค่ 10 นาที ตื่นสายก็ไปเข้าเรียนทันเพราะรถไม่ติด ถ้าใครไม่มีรถส่วนตัวที่มอก็มีตะไลรับส่งนะ คาเฟ่รอบรั้วมหาวิทยาลัยก็มีชีวิตแบบชิวๆ ชิคๆ ไปอีก ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย สภาพอากาศก็ดีที่นี่มี 3 ฤดูจริงๆนะ หน้าร้อนก็ร้อนมาก หน้าฝนก็ฝนตกแรงจริงจัง หน้าหนาวก็ 8-9 องศาก็มีมาแล้ว เสื้อกันหนาวต้องเป็นโค้ทถึงจะรอด เพราะหนาวจริงๆ หนาวขนาดที่เครื่องทำน้ำอุ่นก็เอาไม่อยู่ และเราชอบหน้าหนาวที่นี่มากเพราะมีฝนดาวตก ท้องฟ้าปลอดดโปร่งสามารถมองเห็นดาวชัด ดูดาวตกกับอากาศเย็นๆนี่เป็นอะไรที่ประทับใจมากจริงๆ แล้วก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าอาคารเรียนเราจะน้อยนะเพราะเขาสร้างอาคารใหม่เพิ่มขึ้นเยอะ มีที่เรียนเพียงพอต่อนิสิตและอุปกรณ์ก็ทันสมัยมากๆ  

                        บรรยากาศภายใน ม.ของเรา ธรรมชาติมากๆ จะมีซักกี่มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในป่ากลางขุนเขา และอบอุ่นมากมายขนาดนี้













                        นอกจากนี้ดาวที่นี่สวยมาก โดยเฉพาะดาวฟ้าในฤดูหนาวท้องฟ้ายามราตรีจะสดใสกว่าเคยมี




                         สุดท้ายนี้คงไม่ต้องถามเราว่าทำไมเราถึงรักที่นี่ เพราะนี่คือคำตอบทั้งหมด จากบ้านแดนไกลสู่ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่น ต้องขอบคุณสาขาการตลาดที่ทำให้เราได้มาพบกัน และมอบประสบการณ์ดีๆระหว่างที่ศึกษา บอกเลยว่าถึงมหาวิทยาลัยของเราจะห่างไกลใกล้แดนลาว แต่ที่นี่ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพนะคะ สุดท้ายขอบคุณที่อ่านกันมาจบ  

                          อ่อตอนนี้ที่ ม.ของเรากำลังเปิดรับสมัครนิสิตใหม่ ไม่ต้องสอบ ไม่ต้องสัมภาษณ์ เพียงแค่เกรดเฉลี่ย 2.00 ขึ้นไปก็สมัครได้ ถ้าสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://misreg.csc.ku.ac.th/admission/?fbclid=IwAR1IBUqJlqrwl0EeOfb0IcygiAeZ6MTa_I4Y8wJrj91hcDSN0MygI-6tnHw

ขอขอบคุณรูปภาพจาก
Photo Ku.CSC ชมรมถ่ายภาพประจำมหาวิทยาลัย
MKTG Ku. CSC 75 by Fim Feem
K. NESS
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่