จะว่าเป็นแฟชั่น หรืออะไรก็ตามที แต่ในช่วงไม่กี่มีมานี้รู้สึกได้ชัดเจนว่า ผู้คนในสังคมมีปฎิกริยาด้านลบต่อการคุยเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ทำงาน หรือในงานพบปะพวกพ้องคนรู้จักในโอกาสต่างๆ รวมไปถึงการพบปะพูดคุยในโลกโซเชี่ยลด้วย ถ้าสังเกตดู พอมีคนคุยวกเข้าเรื่องการเมือง (และเริ่มมีบางคนเริ่มสนใจฟัง หรือร่วมออกความเห็น) ก็จะมีบางคนพยายามเบรก บ้างก็เบรกหัวทิ่ม~~ห้ามกันตรงๆเลย บ้างก็เบรกนิ่มๆ ตัดบทเปลี่ยนเรื่อง, ชนแก้ว, แหกปากร้องเพลง, พูดลามกขำขัน ฯลฯ ซึ่งไม่ว่ายังไงก็สะท้อนว่ารังเกียจเรื่องการเมือง แต่ก็แปลกดี ทีกับเรื่องลามกหยาบคาย นินทาเสื่อมเสีย ส่วนมากไม่ค่อยมีท่ามีรังเกียจกัน ตรงกันข้ามกลับดูเฮฮาครื้ันเครงซะด้วยซ้ำ
ผมเองไม่ได้รังเกียจที่จะคุยการเมือง แต่ไม่ถึงกับชอบและแทบจะไม่เริ่มต้นคุยก่อนเลย แต่คิดว่ามันแปลกที่ในเมื่อการเมืองเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบชีวิตและความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ แต่ทำไมสังคมทุกวันนี้เหมือนจำกัดให้ไปคุยการเมืองอยู่ในซอกหลืบเล็กๆ (อย่างเช่นห้องรดน.)
ตกลงแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม??
ดีแล้วใช่ไหม? ที่คนคุยเรื่องการเมืองกลายเป็นตัวน่ารังเกียจในสังคม
ผมเองไม่ได้รังเกียจที่จะคุยการเมือง แต่ไม่ถึงกับชอบและแทบจะไม่เริ่มต้นคุยก่อนเลย แต่คิดว่ามันแปลกที่ในเมื่อการเมืองเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบชีวิตและความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ แต่ทำไมสังคมทุกวันนี้เหมือนจำกัดให้ไปคุยการเมืองอยู่ในซอกหลืบเล็กๆ (อย่างเช่นห้องรดน.)
ตกลงแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม??