The Journey To Annapurna. : 14 – 24 October 2018
กิน-เดิน -นอน บนเส้นทาง ABC.
Vlog รีวิว การเดินทางไป ABC หรือ Annapurna Base Camp อย่างละเอียด ที่นำมาให้ทุกคนได้ดู โดยเราจะนำมาเป็นคลิปวิดีโอให้ดูกันเลย เสมือนกับทุกคนได้ไปกับเรา อย่างไรอย่างนั้น โดยจะแบ่งเป็นวันๆ เราใช้เวลาในการเดิน 5 วัน 4 คืน จะเป็นอย่างไร...ไม่พิมพ์เยอะ เจ็บนิ้ว ไปชมกันดีกว่า !!!
Let's go to ABC
------------------------------------------------
Episode 1: ตอนที่ 1 : วันเดินทาง
วันเดินทาง : 14 October 2018.
คลิปการเดินทางสู่ ABC หรือชื่อเต็มคือ Annapurna Base Camp. ในตอนแรกนี้เป็นวันเดินทางไปประเทศเนปาลกับชาวคณะ 14 คน โดยพวกเรานัดกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 07.30 โดยเที่ยวบินของเราจะออกจากที่นี่เวลา 10.30 น. โดยตั๋วเครื่องไปกลับของการบินไทยซึ่งจองล่วงหน้าไว้หลายเดือน ไป- กลับ แค่ 13,000 นิดๆ โดยทริปนี้เราแพลนกันนานพอสมควร ด้วยความตื่นเต้น + กลัวไม่ตื่น เราเลยออกแต่เช้าตรู่ประมาณตีสี่กว่าๆ โดยเรียก Grab Taxi เพื่อความสะดวกเพราะกระเป๋าใหญ่มว้ากกก
ไปถึงสนามบินก็ประมาณตีห้ากว่าๆ เลยหาที่นอนหลับรอ ตอนนี้คนยังบางตาไม่ค่อยเยอะมากนัก ตื่นอีกทีคือประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ ตกใจเมือนกันมีคนมานั่งข้างๆ เต็มมาก สนามบินตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คน เลยข้อความไปหาพี่ๆชาวคณะ และเดินไปสมทบเจอกัน นั่งคุยกันสักพักก็พากันไปเช็คอิน กินข้าว และเข้าไปรอเครื่อง จนได้เวลาเครื่องออก การบินไทย ThaiAirways ไม่เคยทำไห้ผิดหวังเรื่องของกิน ชอบมาก กับข้าวอร่อย เป็นกับข้าวแบบอินเดีย มีผลไม้ เค้ก พอหอมปากหอมคอ แถมเสริฟพร้อมเครื่องดื่ม เราสั่งไวน์ไปกินฟินๆ นั่งไปสักพักใหญ่ ทุกคนต่างบุกขึ้นไปริมหน้าต่าง โชคดีที่เรานั่งฝั่งขวา เพราะได้เห็นยอดเขา Everest โผล่สูงเสียดฟ้า ทุกคนต่างถ่ายรูป แต่การเห็นด้วยตาจริงๆนั้นมันวิเศษสุด เป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์มาก
เมื่อถึงสนามบิน Tribhuvan International Airport. ก็เข้า ตม. แล้วก็ออกไปด้านนอกโดยมีไกด์มารับ ไกด์ของเรามีสองคนชื่อว่า Phurba และ DB ซึ่งเป็นไกด์ที่ทางบริษัท Nepal Horizons
https://www.nepalhorizontreks.com จัดให้ (เราซื้อทริปครั้งนี้กับบริษัทนี้ ดีมากขอบอก ) โดยการจัดแจงทริปนี้ต้องขอขอบคุณพี่หนุ่ม จากร้าน Phuket Ourdoor
https://www.facebook.com/pkodshop/ ที่เป็นธุระให้พวกเราตลอด พี่หนุ่มเคยไปที่นี่มา 3 ครั้งแล้ว เลยรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากสนใจสามารถจองกับทางเวบไซต์ได้โดยตรงเลย (ดูแลกันดีสุดๆ )
จากนั้นพวกเราก็เดินไปต่อเครื่องเพื่อไปเมือง Pokhara โดยมีไกด์ของเรา Phuba คอยจัดการให้ทุกอย่าง แล้วก็ขึ้นเครื่องโดยเราใช้บริการเครื่องบินเล็กของสายการบิน Yeti Airlie www.yetiairlines.com ซึ่งเป็นการนั่งเครื่องบินเล็กครั้งแรกของเรา ภายในตัวลำค่อนข้างแคบเหมือนกันแต่ก็สบายอยู่ มีแจกน้ำเปล่าและถั่วให้กิน นั่งประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงเมือง Pokhara ลงสนามบินก็มีเรื่องเซอร์ไพรซ์ คือ เจอเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงศพของนั่งท่องเที่ยวลงจากลำ ซึ่งสอบถามไปได้ความว่าโดนหิมะถล่ม ….. พวกเราก็ได้แต่มองหน้ากัน…. จากนั้นเดินไปเอากระเป๋า เข็นใส่รถเข็นไปที่รถเพื่อที่จะไปที่พักของเราในวันนี้
นั่งรถกันไม่นานก็ถึงที่พักอยู่ใจกลางเมือง Pokhara เราพักที่ Hotel Pokhara View โดยไกด์ของเราจัดการเรื่อง Check in จากนั้นก็ไปห้องของตัวเองกัน เรานอนห้องสามเตียง กับพี่ๆ จัดแจงของต่างๆ และก็ได้เวลาไปเดินชมเมืองกัน ในตัวเมืองมีร้านขายของเต็มไปหมด สามารถเดินไปชมทะเลสาบ Phewa ได้ด้วย ที่นี่ร้านขายของ อุปกรณ์ Trekking เยอะมาก สามารถมาซื้อที่นี่กันได้เลย ราคาถูกด้วย เรามาซื้อไม้ Trekking ที่นี่ เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามริมทะเลสาบ ดูเมือง ความเป็นอยู่ของผู้คน อากาศ ณ วันนี้ค่อนข้างเย็นสบาย ไปทางหนาวๆ เดินไปจนค่ำ ดูเค้าทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างริมน้ำ และก็เดินกลับมาหาข้าวกินกับพี่ๆ มาที่นี่ตั้งใจจะต้องกินอาหารพื้นเมืองเนปาลีให้ได้ แต่วันนี้ยังหาร้านไม่เจอ เลยไปนั่งร้านอาหารอินเดียสั่ง แกงกะหรี่ไก่และนาน มากิน อร่อยดี ก็ได้บรรยากาศที่นี่เหมือนกันจากนั้นก็เดินกลับที่พัก ผู้คนตอนนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร เราแวะซื้อรองเท้าแตะ ไม้ค้ำ และอุปกณ์อาบน้ำ เพราะดันลืมไว้สนามบินหมดเลย และที่สำคัญคือซื้อซิมโทรศัพท์ของที่นี่ โดยการซื้อไม่ยากเลย ใช้สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรกและหน้าวีซ่าให้ทางร้าน จากนั้นเค้าจะทำการเปลี่ยนจัดแจงให้เราทุกอย่าง พอเสร็จสรรพก็กลับที่พัก อาบน้ำ นอน เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ …วันแรกของการเดินทางสู่ Annapurna.
-------------------------------------------------------
Episode 2: ตอนที่ 2: วันที่ 1 เดินทางสู่ Ghandruk
Day 1 to Ghandruk.[Vlog.2] : 15 October 2018.
คลิปการเดินทางสู่ ABC หรือชื่อเต็มคือ Annapurna Base Camp. ในวันนี้เป็นวันแรกของการเดิน โดยเป้าหมายของเราคือ การเดินไป Ghandruk โดยเราออกจาก Pokhara โดยมีรถบัสมารับถึงหน้าโรงแรม หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ ก็เก็บของและขึ้นรถบัสไปยังเมือง Nayapul และจากนี้ไปก็จะเป็นการเดินล้วนๆ 🚶🏻♂️🚶🏻♂️
ระหว่างนั่งรถบัส ข้างทางก็เป็นวิวธรรมชาติสวยงาม แถมมีทิวเขาภูเขาน้ำแข็งออกมาให้เห็นตลอด สวยงามมากทีเดียว อากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย ค่อนข้างหนาวอยู่ เรานั่งรถสักพักจึงถึงจุดลงรถ เป็นร้านค้าที่ทุกๆคนจะมาเริ่มเดินกันตรงจุดนี้ มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก พวกเราพักกินอาหารว่าง ขนม เข้าห้องน้ำกันเสร็จสรรพ และเริ่มแต่งตัว จัดของสำหรับการเดิน ลูกหาบก็เริ่มแบ่งของสัมภาระกัน และแบกเดินไปล่วงหน้า และก็มาถึงคิวเดินของพวกเรา !!!
ในช่วงการเดินแรกๆจะเป็นเหมือนการเดินเข้าไปหมู่บ้าน เราจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านจริงๆ มีร้านค้าประปราย สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้าน ห้องแถวที่มีสีสัน พร้อมผู้คนที่เป็นมิตรตลอดทาง เดินไปสักพักก็เริ่มเข้าโซนที่เป็นป่า ทุ่งหญ้า น้ำตก และนาข้าว สวยงามมากๆ ระหว่างเดินก็หยุดแวะถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ ตอนนี้มื้อกลางวันของเราโดนขยับไปอยู่ประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ เพราะความเดินช้าของกลุ่มเราด้วย เดินวันแรกก็รู้เลยว่าวันที่เหลือจะเป็นอย่างไร ตอนนี้สิ่งที่กลัวอย่างเดียวคือ ไกด์จะรำคาญพวกเราใหม ? เพราะลุงพูบาไกด์ของเรา จะคอยเร่งพวกเราตลอด แสดงว่าพวกเราคงเป็นกลุ่มที่เดินช้าจริงๆ พอไกล้บ่าย 3 ก็เห็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเราจะแวะทานอาหารกลางวันกันที่นี่
อาหารมื้อแรกของการเดินทางในวันนี้ เราสั่งอาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า ดัลบัต เป็นอาหารพื้นเมืองยอดนิยม สามารถเติมได้ด้วย โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม โดยจะเป็นเหมือนคล้ายๆ ถาดหลุมมีแกงกะหรี่ ผักลวก ถั่วเขียวต้ม(ใส่เครื่องแกง) ประมาณนี้ อาหารกลิ่นแรงแต่รสไม่จัด ค่อนข้างไปทางจืดด้วย พี่ๆหลายคนถึงกับกินไม่ได้ แต่เราด้วยเป็นคนชอบอาหารแนวนี้อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา เหลือบไปเป็นไกด์และลูกหาบของเรานี่เปิบกับมือ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เป็นเหมือนการกินแบบชาวบ้านที่นี่จริงๆ
พอกินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ เพราะเป้าหมายเราอยู่ที่ Ghandruk โดย ณ ขณะนี้ถ้าเทียบเวลากับระยะทางเราเลทไปมาก จนไกด์ถึงขั้นบ่น ว่าพวกเราช้าจริงๆ และจะไปถึงที่พักมืดแน่ๆ เรารีบเดินทางกันต่อ โดยเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นทางชันขึ้นเขา มีขั้นบันไดเยอะแยะ พิสูจน์หน้าขามาก เมื่อยสุดๆ ต้องเดินไป หยุดพักไป เรากลายเป็นกลุ่มรั้งท้าย เพราะเราอยากถ่ายรูป วิวมันสวยมากๆจริงๆ การปลูกนาเป็นขั้นบันไดของที่นี่ดูแล้วสบายตา ใจอยากจะนอนพักซะตรงนี้เลย แต่ระยะทางยังอีกยาวไกล
ตอนนี้ก็เริ่มไกล้มืดแล้ว ดีที่ยังมีลูกหาบคนนึงคอยอยู่กับเรา ยังบอกทางเราได้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน อย่างไร ( เพราะเขาต้องแบกขาตั้งกล้องด้วย เราจึงขอให้เค้าเดินกับกลุ่มเราเป็นพิเศษ ) ตอนนี้มืดแล้ว ต้องใช้ไฟฉายตามทาง ระยะทางยิ่งชันและสูงขึ้น เราเดินไปพักนึงก็ไปสมทบกับกลุ่มข้างหน้าที่ล่วงหน้ามา และเราก็รวมกันเดินไปด้วยกันเพราะตอนนี้มืดสนิท บางคนไม่มีไฟฉาย เลยต้องเกาะกลุ่มกันไป เรารีบเร่งฝีเท้ากัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกๆคนคิดถึงคือ อาหารค่ำ น้ำอุ่น และเตียงนอน ทางยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ เดินไปสักพักใหญ่ จึงเห็นแสงไฟจากโรงแรม ระยิบระยับ การเดินทางในวันนี้สิ้นสุดแล้ว ! พอถึงโรงแรมก็นั่งพัก ขาตอนนี้เมื่อยและตึงมากๆ เรารีบไปห้องพัก จัดแจงของ และไปอาบน้ำอุ่น เอาตรงๆ เราว่าโรงแรมค่อนข้างสบายกว่าที่คิดมาก มีน้ำอุ่นให้อาบ มีห้องนอน เรานอนกับพี่ๆ เป็นห้องมีสามเตียง อากาศตอนนี้หนาวสุดๆ อาบน้ำเสร็จก็ลงมารับประทานอาหารเย็นกัน วันนี้เราสี่งผัดหมี่ ก็ค่อนข้างจืดเหมือนกัน แต่มีกลิ่นหอม อร่อยอยู่เหมือนกัน จากนั้นก็จิบชาร้อน และเข้านอน ก่อนนอนก็ต้องสั่งอาหารเช้าสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้ เพราะต้องออกเดินกันแต่เช้า
วันนี้ใส่เสื้อฟลีซนอน กางเกงวอร์ม และถุงเท้า Heat tech ห่มผ้าของโรงแรม สำหรับเราก็เอาอยู่ โดยที่ไม่ต้องใช้ถุงนอน (เราติดถุงนอนมาเหมือนกัน ) เราเข้านอนกันประมาณสองทุ่ม ก่อนนอนก็กินยาคลายกล้ามเนื้อ และยาแก้ไข้ หลับแบบสบายสุดๆ ZZZzzz. ฝันดี. เจอกันพรุ่งนี้ …สนุกจัง🗻🗻
---------------------------------------------------------
[CR] เดินไป ABC ประเทศ เนปาล กัน ! [Vlog]
ไปถึงสนามบินก็ประมาณตีห้ากว่าๆ เลยหาที่นอนหลับรอ ตอนนี้คนยังบางตาไม่ค่อยเยอะมากนัก ตื่นอีกทีคือประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ ตกใจเมือนกันมีคนมานั่งข้างๆ เต็มมาก สนามบินตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คน เลยข้อความไปหาพี่ๆชาวคณะ และเดินไปสมทบเจอกัน นั่งคุยกันสักพักก็พากันไปเช็คอิน กินข้าว และเข้าไปรอเครื่อง จนได้เวลาเครื่องออก การบินไทย ThaiAirways ไม่เคยทำไห้ผิดหวังเรื่องของกิน ชอบมาก กับข้าวอร่อย เป็นกับข้าวแบบอินเดีย มีผลไม้ เค้ก พอหอมปากหอมคอ แถมเสริฟพร้อมเครื่องดื่ม เราสั่งไวน์ไปกินฟินๆ นั่งไปสักพักใหญ่ ทุกคนต่างบุกขึ้นไปริมหน้าต่าง โชคดีที่เรานั่งฝั่งขวา เพราะได้เห็นยอดเขา Everest โผล่สูงเสียดฟ้า ทุกคนต่างถ่ายรูป แต่การเห็นด้วยตาจริงๆนั้นมันวิเศษสุด เป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์มาก
เมื่อถึงสนามบิน Tribhuvan International Airport. ก็เข้า ตม. แล้วก็ออกไปด้านนอกโดยมีไกด์มารับ ไกด์ของเรามีสองคนชื่อว่า Phurba และ DB ซึ่งเป็นไกด์ที่ทางบริษัท Nepal Horizons https://www.nepalhorizontreks.com จัดให้ (เราซื้อทริปครั้งนี้กับบริษัทนี้ ดีมากขอบอก ) โดยการจัดแจงทริปนี้ต้องขอขอบคุณพี่หนุ่ม จากร้าน Phuket Ourdoor https://www.facebook.com/pkodshop/ ที่เป็นธุระให้พวกเราตลอด พี่หนุ่มเคยไปที่นี่มา 3 ครั้งแล้ว เลยรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากสนใจสามารถจองกับทางเวบไซต์ได้โดยตรงเลย (ดูแลกันดีสุดๆ )
จากนั้นพวกเราก็เดินไปต่อเครื่องเพื่อไปเมือง Pokhara โดยมีไกด์ของเรา Phuba คอยจัดการให้ทุกอย่าง แล้วก็ขึ้นเครื่องโดยเราใช้บริการเครื่องบินเล็กของสายการบิน Yeti Airlie www.yetiairlines.com ซึ่งเป็นการนั่งเครื่องบินเล็กครั้งแรกของเรา ภายในตัวลำค่อนข้างแคบเหมือนกันแต่ก็สบายอยู่ มีแจกน้ำเปล่าและถั่วให้กิน นั่งประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงเมือง Pokhara ลงสนามบินก็มีเรื่องเซอร์ไพรซ์ คือ เจอเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงศพของนั่งท่องเที่ยวลงจากลำ ซึ่งสอบถามไปได้ความว่าโดนหิมะถล่ม ….. พวกเราก็ได้แต่มองหน้ากัน…. จากนั้นเดินไปเอากระเป๋า เข็นใส่รถเข็นไปที่รถเพื่อที่จะไปที่พักของเราในวันนี้
นั่งรถกันไม่นานก็ถึงที่พักอยู่ใจกลางเมือง Pokhara เราพักที่ Hotel Pokhara View โดยไกด์ของเราจัดการเรื่อง Check in จากนั้นก็ไปห้องของตัวเองกัน เรานอนห้องสามเตียง กับพี่ๆ จัดแจงของต่างๆ และก็ได้เวลาไปเดินชมเมืองกัน ในตัวเมืองมีร้านขายของเต็มไปหมด สามารถเดินไปชมทะเลสาบ Phewa ได้ด้วย ที่นี่ร้านขายของ อุปกรณ์ Trekking เยอะมาก สามารถมาซื้อที่นี่กันได้เลย ราคาถูกด้วย เรามาซื้อไม้ Trekking ที่นี่ เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามริมทะเลสาบ ดูเมือง ความเป็นอยู่ของผู้คน อากาศ ณ วันนี้ค่อนข้างเย็นสบาย ไปทางหนาวๆ เดินไปจนค่ำ ดูเค้าทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างริมน้ำ และก็เดินกลับมาหาข้าวกินกับพี่ๆ มาที่นี่ตั้งใจจะต้องกินอาหารพื้นเมืองเนปาลีให้ได้ แต่วันนี้ยังหาร้านไม่เจอ เลยไปนั่งร้านอาหารอินเดียสั่ง แกงกะหรี่ไก่และนาน มากิน อร่อยดี ก็ได้บรรยากาศที่นี่เหมือนกันจากนั้นก็เดินกลับที่พัก ผู้คนตอนนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร เราแวะซื้อรองเท้าแตะ ไม้ค้ำ และอุปกณ์อาบน้ำ เพราะดันลืมไว้สนามบินหมดเลย และที่สำคัญคือซื้อซิมโทรศัพท์ของที่นี่ โดยการซื้อไม่ยากเลย ใช้สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรกและหน้าวีซ่าให้ทางร้าน จากนั้นเค้าจะทำการเปลี่ยนจัดแจงให้เราทุกอย่าง พอเสร็จสรรพก็กลับที่พัก อาบน้ำ นอน เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ …วันแรกของการเดินทางสู่ Annapurna.
ระหว่างนั่งรถบัส ข้างทางก็เป็นวิวธรรมชาติสวยงาม แถมมีทิวเขาภูเขาน้ำแข็งออกมาให้เห็นตลอด สวยงามมากทีเดียว อากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย ค่อนข้างหนาวอยู่ เรานั่งรถสักพักจึงถึงจุดลงรถ เป็นร้านค้าที่ทุกๆคนจะมาเริ่มเดินกันตรงจุดนี้ มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก พวกเราพักกินอาหารว่าง ขนม เข้าห้องน้ำกันเสร็จสรรพ และเริ่มแต่งตัว จัดของสำหรับการเดิน ลูกหาบก็เริ่มแบ่งของสัมภาระกัน และแบกเดินไปล่วงหน้า และก็มาถึงคิวเดินของพวกเรา !!!
ในช่วงการเดินแรกๆจะเป็นเหมือนการเดินเข้าไปหมู่บ้าน เราจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านจริงๆ มีร้านค้าประปราย สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้าน ห้องแถวที่มีสีสัน พร้อมผู้คนที่เป็นมิตรตลอดทาง เดินไปสักพักก็เริ่มเข้าโซนที่เป็นป่า ทุ่งหญ้า น้ำตก และนาข้าว สวยงามมากๆ ระหว่างเดินก็หยุดแวะถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ ตอนนี้มื้อกลางวันของเราโดนขยับไปอยู่ประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ เพราะความเดินช้าของกลุ่มเราด้วย เดินวันแรกก็รู้เลยว่าวันที่เหลือจะเป็นอย่างไร ตอนนี้สิ่งที่กลัวอย่างเดียวคือ ไกด์จะรำคาญพวกเราใหม ? เพราะลุงพูบาไกด์ของเรา จะคอยเร่งพวกเราตลอด แสดงว่าพวกเราคงเป็นกลุ่มที่เดินช้าจริงๆ พอไกล้บ่าย 3 ก็เห็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเราจะแวะทานอาหารกลางวันกันที่นี่
อาหารมื้อแรกของการเดินทางในวันนี้ เราสั่งอาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า ดัลบัต เป็นอาหารพื้นเมืองยอดนิยม สามารถเติมได้ด้วย โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม โดยจะเป็นเหมือนคล้ายๆ ถาดหลุมมีแกงกะหรี่ ผักลวก ถั่วเขียวต้ม(ใส่เครื่องแกง) ประมาณนี้ อาหารกลิ่นแรงแต่รสไม่จัด ค่อนข้างไปทางจืดด้วย พี่ๆหลายคนถึงกับกินไม่ได้ แต่เราด้วยเป็นคนชอบอาหารแนวนี้อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา เหลือบไปเป็นไกด์และลูกหาบของเรานี่เปิบกับมือ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เป็นเหมือนการกินแบบชาวบ้านที่นี่จริงๆ
พอกินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ เพราะเป้าหมายเราอยู่ที่ Ghandruk โดย ณ ขณะนี้ถ้าเทียบเวลากับระยะทางเราเลทไปมาก จนไกด์ถึงขั้นบ่น ว่าพวกเราช้าจริงๆ และจะไปถึงที่พักมืดแน่ๆ เรารีบเดินทางกันต่อ โดยเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นทางชันขึ้นเขา มีขั้นบันไดเยอะแยะ พิสูจน์หน้าขามาก เมื่อยสุดๆ ต้องเดินไป หยุดพักไป เรากลายเป็นกลุ่มรั้งท้าย เพราะเราอยากถ่ายรูป วิวมันสวยมากๆจริงๆ การปลูกนาเป็นขั้นบันไดของที่นี่ดูแล้วสบายตา ใจอยากจะนอนพักซะตรงนี้เลย แต่ระยะทางยังอีกยาวไกล
ตอนนี้ก็เริ่มไกล้มืดแล้ว ดีที่ยังมีลูกหาบคนนึงคอยอยู่กับเรา ยังบอกทางเราได้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน อย่างไร ( เพราะเขาต้องแบกขาตั้งกล้องด้วย เราจึงขอให้เค้าเดินกับกลุ่มเราเป็นพิเศษ ) ตอนนี้มืดแล้ว ต้องใช้ไฟฉายตามทาง ระยะทางยิ่งชันและสูงขึ้น เราเดินไปพักนึงก็ไปสมทบกับกลุ่มข้างหน้าที่ล่วงหน้ามา และเราก็รวมกันเดินไปด้วยกันเพราะตอนนี้มืดสนิท บางคนไม่มีไฟฉาย เลยต้องเกาะกลุ่มกันไป เรารีบเร่งฝีเท้ากัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกๆคนคิดถึงคือ อาหารค่ำ น้ำอุ่น และเตียงนอน ทางยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ เดินไปสักพักใหญ่ จึงเห็นแสงไฟจากโรงแรม ระยิบระยับ การเดินทางในวันนี้สิ้นสุดแล้ว ! พอถึงโรงแรมก็นั่งพัก ขาตอนนี้เมื่อยและตึงมากๆ เรารีบไปห้องพัก จัดแจงของ และไปอาบน้ำอุ่น เอาตรงๆ เราว่าโรงแรมค่อนข้างสบายกว่าที่คิดมาก มีน้ำอุ่นให้อาบ มีห้องนอน เรานอนกับพี่ๆ เป็นห้องมีสามเตียง อากาศตอนนี้หนาวสุดๆ อาบน้ำเสร็จก็ลงมารับประทานอาหารเย็นกัน วันนี้เราสี่งผัดหมี่ ก็ค่อนข้างจืดเหมือนกัน แต่มีกลิ่นหอม อร่อยอยู่เหมือนกัน จากนั้นก็จิบชาร้อน และเข้านอน ก่อนนอนก็ต้องสั่งอาหารเช้าสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้ เพราะต้องออกเดินกันแต่เช้า
วันนี้ใส่เสื้อฟลีซนอน กางเกงวอร์ม และถุงเท้า Heat tech ห่มผ้าของโรงแรม สำหรับเราก็เอาอยู่ โดยที่ไม่ต้องใช้ถุงนอน (เราติดถุงนอนมาเหมือนกัน ) เราเข้านอนกันประมาณสองทุ่ม ก่อนนอนก็กินยาคลายกล้ามเนื้อ และยาแก้ไข้ หลับแบบสบายสุดๆ ZZZzzz. ฝันดี. เจอกันพรุ่งนี้ …สนุกจัง🗻🗻
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น