คนแอบรัก

ชีวิตของเราเป็นของเราอยากทำไรก็ทำแค่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็พอ
ด้วยประโยคนี้ด้วยการตีความผิด ทำให้ผมไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวว่าเราจะทำร้ายคนอื่นจนผมไม่ได้สนใจความรู้สึกตัวเองที่มันกำลังโรยแรง กำลังเสียใจ กำลังระเหยไปตามสายลม ฮ่าๆ ใจผมมีอะไรมากมายอยากบอกอยากทำแต่กลัวว่าจะไปทำให้ใครบาดเจ็บ ซึ่งไม่ใช่วิถีทางของผม
ทุกครั้งที่มีการชอบใครสักคน มันจะตามมาของคำที่ว่า คนนั้นมาแล้ว แล้วก็ยิ้มไปทั้งวัน เพื่อนจะเริ่มรู้สึกและอยากรู้ ต่อไปก็ตกหลุมรักคนนี้เพราะสิ่งที่เขาเป็น และอยากบอกให้เขารู้ว่าเราชอบ แต่ด้วยสิ่งที่ผมกลัว ผมยังไม่ได้บอกไปจนมีวันที่เสียใจจนต้องปฏิเสธเสียงของหัวใจแล้วต้องช้ำนานสุดที่ใช่เวลาลืมคนที่ผมชอบ สองปีครึ่ง คือนานสำหรับที่ชอบ แต่คบกันผมจะใช่ทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา
ส่วนตัวเป็นคนถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมา เลยทำให้ผมจะมองคนที่ผมชอบ/เกลียด/เบื่อแบบไม่เต็มตาเพราะกลัวเขารู้ว่าเราคิดอะไรอยู่
พฤศจิกาปีนี้ ผมฝึกงาน ตัดสินใจหายใจเข้าแล้วบอกตัวเองว่าผมจะตั้งใจสหกิจเพื่อเป้าหมายที่ดีกว่า เมื่อมาอยู่บ้านพนักงานผมก็เจอเมท(พี่เมท1)หน้าตาดีแต่เขาอวบอ้วนแต่หน้าเขาหล่อในสายตาคนอื่น ส่วนผมมองเขาปกติ ริมฝีปากเขาไม่สวย ส่วนอีกคนผมยังไม่เจอ
เมื่อฝ่ายบุคคลพาไปแนะนำเด็กใหม่ ด้วยความที่อยากทำความรู้จักเมทอีกคน ผมเลยโผล่เขาไปตอนที่พึ่งรู้ว่าพี่เมทอยู่ตรงหน้า คิดแค่ว่าแนะนำตีสนิทเมทแบบเอาสนิทเลย ผมโผล่เข้าแล้วบอกว่า"สวัสดีครับพี่ ผมเป็นน้องเมทพี่นะคับ"แล้วพี่เขาก็บอกว่า"ค-คับผม ค-คับน้อง"แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจเพราะผมมองพี่เขาไม่เต็มตา
นึกหน้าพี่เขาไม่ออกเมื่อกลับห้องนอนมา แต่พอดูรูปหน้าห้องนอนพบว่าพี่เมท1หล่อว่ะ น่ารักอ่ะ ประมาณว่าเป้าหมายใหม่ พอรู้ว่าเขามีแฟนก็บอกเลยว่าไม่เอาแล้ว เมื่อพี่เมท2กลับมาห้องก็ไม่ได้คุยไรเพราะผมไม่รู้จะคุยอะไรเพราะเขาคุยภาษาถิ่นแล้วผมไม่ใช่คนถิ่นนี้ ก็ยิ่งหาเรื่องคุยไม่ได้เลย เวลาเขาจะไปไหนเขาก็ไม่เคยชวนคุยสรุปผมยิ่งหาเรื่องคุยไม่ได้เลยไปอีก ก็ไม่มีไรคุยเลย เขาคุยกันสองคน แรกๆผมนอนไม่หลับเพราะเขาโม้กันถึงเที่ยงคืน ผมเป็นคนนอนเร็วสามทุ่มนอนนะคับ แต่ผมนอนไม่หลับ ผมก็คิดในใจขี้โม้จังว่ะสองคนนี้ สุดท้ายตื่นสายว้ายซวยไปทำงานสาย แล้วหลังๆปรับตัวโดย เขาจะทำอะไรก็ชั่งผมจะนอนไม่ว่าเขาจะดังแค่ไหน ข่มตานอนเพื่อสุขภาพของเราที่สุด ในใจก็คิดว่าพี่เมท2น่ารักอีกแล้ว เพราะพี่เขาพูดดีกว่าพี่เมท1แต่ก็นั่นอีกแหละ ผมเป็นภูมิแพ้อากาศ แพ้เหงื่อ แพ้ฝุ่น กินยาทีแพงมากบอกแม่ว่า"ไม่ไหวกับค่ายาจริงๆอยากกลับบ้านแล้ว"เมื่อปรับตัวได้แล้ว บริษัทมาติดแอร์ให้ เหตุเกิดที่การติดตั้งแอร์ต้องเจาะผนัง กลับมาถึงเข้าห้องพบว่าฝุ่นสีแดงเต็มเสื้อผ้า คิดว่าคงน้อยจับดูดีๆไม่น้อยแล้วล่ะ ออกห้องมา พี่เมท2กลับมาถึง เดินเข้าห้อง ผมบอก"พี่คับ ฝุ่นเยอะหน่อยนะ เขามาติดแอร์"พร้อมเดินออกห้องจะไปหยิบไม้กวาด พี่เขาพูด"ใครทำแบบนี้" ขณะเดินออกห้อง ผมก็ตอบว่า"เขามาติดแอร์ไง" พี่เขาพูด"ใครทำแบบนี้"ตอนนี้ผมหันหลังให้ ผมก็บอกอีกว่า"เขามาติดแอร์ มันมีฝุ่นอยู่ระวังนะ" พี่เขาพูดขึ้นเสียง"ใคร.ทำ.แบบ.นี้" ผมหันหลังกลับไปดูว่ามันพูดอะไรของมัน แล้วพี่เขาโฟกัสไปที่ เบาะที่นอนของผมไปกองที่ฝั่งพี่เขา ผมจึงเข้าใจว่าอ่อ นี่หมายถึงเบาะหรอ ผมจึงตอบกลับว่า"ผมไม่รู้..."เสียงดังนิดหน่อย แล้วกเดินออกมาเอาถุงขยะ ไม้กวาด ที่ตักผง พร้อมคิดในใจเสียความรู้สึก เสียใจที่ทำไมต้องคิดว่าผมเป็นคนทำ ผมเศร้าอยู่สามวัน พี่ที่สนิทกันถามว่าเป็นอะไรเศร้าๆ ผมด้วยความไม่อยากเก็บไว้สู้เล่าตลกๆให้ฟังดีกว่า พอเล่าเสร็จ พี่สนิทบอกว่า"ต้องฟังความสองฝั่ง" แล้วไปกินข้าวกับพี่สนิทเจอพี่เมท2ที่ร้านข้าว ผมแทบไม่อยากสบตา กลับมาพี่สนิทจึงอาสาไปเคลึยร์ให้ ผมบอกไม่เอาหรอกช่างมันเถอะแต่ในใจภาพล้มไปแล้ว สรุปพี่เขาไปถามแล้วผมบังเอิญเดินไปได้ยิน ผมแทบภาพล้มรอบสอง คิดล่วงหน้าว่าจะอยู่ยังไงต่อไป ถ้าพี่เขามาถาม สรุปเรื่องนี้จบเพื่อนที่มาฝึกงานรู้หมดว่าผมชอบใครและเชียร์ให้ผมสมหวัง จิ้นให้ตาย พี่สนิทบอกว่าพี่เมท2ไม่ได้ตะคอก เขาบอกว่าไม่ได้ยินที่ผมพูด แล้วเขารู้สึกผิดจริงๆ ซึ่งมันค้านในใจผมเพราะสิ่งที่ผมเข้าใจมันไม่ใช่ เขาบอกเขาไม่ได้ยินแต่เขาโฟกัสที่เบาะนอนของผมที่วางทับเบาะพี่เมททั้งสองคน ผมจึงคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่ผมต้องสนใจเพราะเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พี่สนิทบอกว่าพี่เขาอยากขอโทษที่ทำ แต่ผมยังไม่ได้ยินคำขอโทษนั้นจนวันนี้
มันก็มีเหตุพี่สนิทชวนเมา ผมก็เมาไม่รู้เรื่องตามแบบต้นฉบับ พี่เมท2ช่วยผมไปนอนในห้อง แล้วที่เหลิอไปนอนดูดาวที่ชายหาดทิ้งผมไว้คนเดียวในห้อง มีต่อคับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่