แอบชอบ แต่ไม่อยากเป็นแฟน แค่อยากอยู่ข้างเธอในทุกโมเม้นของชีวิตเธอ

สวัสดีค่ะทุกคน เราก็เป็นคนนึงที่ชอบอ่านเรื่องราวความรักใน pantip มากๆ ซึ่งแต่ละคู่ก็จะมีเหตุการณ์ หรือตอนจบที่แตกต่างกันไป เราจึงอยากมาเล่าของตัวเองให้ฟังบ้างค่ะ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเราและผู้ชายคนนึง (หรืออาจหลายๆ คน)

รายละเอียดเราจำได้ไม่หมดเพราะนานมากๆ อาจจะมีเพิ่มเติมจากเรื่องจริงบ้างเพื่ออรรถรสนะคะ เรื่องจะยาวมากๆ จะพยายามเอาโมเม้นท์ดีๆ มาให้อ่านกันนะคะ จะได้แฮปปี้ๆ กัน คอมเม้นแลกเปลี่ยนหรือปักหมุดได้นะคะ เราจะได้รู้ว่ามีคนอยากอ่านรึเปล่า แล้วอย่าแชร์กันเยอะนะ เดี๋ยวเจ้าตัวรู้55555

ชื่อตัวละครในเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นค่ะ มาเริ่มกันเลยนะคะ

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ตอนเราอยู่ ม.ต้น ค่ะ เราได้มีโอกาสไปค่ายๆ นึง และระหว่างเบรค เราก็เดินออกไปข้างนอกห้องประชุมเพื่อไปหยิบน้ำดื่ม ก็มีผู้ชายคนนึง หน้าตาดี คมๆ ไทยๆ สูงไม่มาก มายืนขวางไว้ แล้วก็ทักเราค่ะ

พี่กัปตัน (นามสมมุติ) : สวัสดีครับ เธออยู่ปีอะไรหรอ
เรา : (แอบโกรธในใจ เราเพิ่งอยู่ ม.ต้น เองนะ) เอ่อ เพิ่ง ม.2 เองค่ะ
พี่กัปตัน : อ้าวหรอ ขอโทษที พี่ชื่อกัปตันนะ
เรา : อ๋อค่ะ สวัสดีค่ะ
พี่กัปตัน : แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไร
เรา : (ชูป้ายชื่อที่ค่ายแจกให้พี่กัปตันอ่าน)
พี่กัปตัน : เราอ่านไม่ออกหรอก (แล้วโน้มหน้ามากระซิบใกล้ๆ ว่า) ความน่ารักของเธอมันบังตาเราอ่ะ
เรา : บ้า ทำอะไรเนี่ย คนเยอะแยะเห็นไหม ไปดีกว่า (แล้วก็เดินออกมาค่ะ)

ด้วยความที่เรายังเด็กแล้วก็ไม่เคยมีใครมาจีบแบบนี้มาก่อน ก็เลยรู้สึกดีกับพี่กัปตันคนนี้ไปแล้วค่ะ ทุกคนอาจจะคิดว่า เราใจง่าย ใช่ค่ะ ง่ายจริงๆ ยอมรับเลย5555

หลังจากนั้น ในค่าย เราก็แอบหันไปมองพี่เค้าบ่อยๆ ค่ะ (เรานั่งหน้าพี่เค้าค่ะ เยื้องไปซ้ายมือ เวลาเรามองพี่เค้า ก็จะหันไปทางขวาข้างหลัง) เมื่อยคอมากๆ มีหลายครั้งค่ะที่เราหันไปมองแล้วเราสองคนสบตากัน แล้วพี่เค้าก็ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ เขินมากๆ ตอนนั้น

ค่ายมีทั้งหมด 4 วันค่ะ วันที่ 3 ตอนบ่าย เค้าให้เบรคค่ะ เราก็เดินไปศาลากลางน้ำคนเดียว ว่าจะไปรับลม แล้วพี่กัปตันก็เดินมาหาเราค่ะ

พี่กัปตัน : ไปเดินเล่นกันไหม
เรา : อ้าว แล้วเพื่อนพี่ล่ะ (เราเห็นมีเพื่อนพี่กัปตันอีกคนค่ะที่อยู่กับพี่กัปตันตลอดค่าย)
พี่กัปตัน : อ๋อ ข้าวปั้นน่ะหรอ มันกลับไปเล่นบอลที่หอน่ะ (สถานที่ที่เราไปค่าย เป็นโรงเรียนประจำของพี่กัปตันค่ะ เพราะงั้นพี่กัปตันกับพี่ข้าวปั้นก็จะพักอยู่ที่นี่ค่ะ)
เรา : งั้นไปก็ได้ค่ะ

ทุกคนคะ ทุกคนคิดว่า พี่กัปตันจะพาเราไปเดินเล่นที่ไหนคะ ตอนแรกเราก็คิดว่า อาจจะเป็น สนามบอล สนามบาส สระว่ายน่ำทั่วๆ ไป แต่สุดท้ายพี่กัปตันพาเราไปเดินเล่นสุสานค่ะ ที่โรงเรียนพี่กัปตันมีสถานที่ทางศาสนาค่ะ เลยทำให้มีสุสานด้วย ซึ่งใหญ่มากๆ ความรู้สึกเราคือ เอิ่มมากๆ

เรา : พี่พากรีน (นามสมมุติเราค่ะ) มาเดินเล่นสุสานเนี่ยนะ
พี่กัปตัน : ก็พี่นึกไม่ออกแล้วอ่ะว่าจะพาไปไหนดี

เราสองคนเดินกันไปเรื่อยๆ ค่ะ พี่กัปตันพาเรามาหยุดที่หน้าหลุมศพหลุมนึง ปกติหลุมศพทั่วๆ ไปจะเป็นสีขาวหรือหินอ่อนสีขาวล้วนใช่ไหมคะ แต่หลุมนี้ ฝาหลุมเค้าสกรีนหรือทำอะไรสักอย่าง ให้มันเป็นรูปผู้เสียชีวิตกับเพื่อนๆ และครอบครัวของเค้าค่ะ ซึ่งสวยมากๆ ดูซึ้งและมีความหมายมากๆ

พี่กัปตัน : เนี่ย คนนี้เค้าเป็นดาราด้วยนะ
เรา : ไม่น่าล่ะ กรีนก็ว่าหน้าคุ้นๆ แถมหลุมยังพิเศษกว่าคนอื่นด้วย
พี่กัปตัน : รู้ไหม วันเสียเค้าตรงกับวันเกิดพี่เลยแหละ
เรา : จริงป้ะเนี่ย (เราก็มองดูป้ายหลุมศพค่ะ "มรณะ 11 มิถุนายน 20xx")

แล้วเราก็เดินกันไปเรื่อยๆ ค่ะ หลังเวลาพักเบรคคือเวลาทานอาหารเย็นค่ะ เราก็เดินกลับไปยังสถานที่จัดค่ายค่ะ พี่กัปตันขอตัวไปเปลี่ยนชุดที่หอก่อน เราก็เลยเดินกลับมาคนเดียว

พอมาถึง ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงค่ะ ผิวขาวสะอาดแบบ อยากจะถามว่า ชีวิตนี้รู้จักแดดประเทศไทยไหมคะ สูง ตี๋มากๆ หล่อแบบคุณชายๆ (พี่คนนี้ฮอทมากๆ ในค่ายค่ะ สาวๆ กรี๊ดหนักมากๆ ) เดินเข้ามาทำท่าจะมาทักเราค่ะ เราก็แอบเชิ่ดหน่อยๆ (คิดว่าตัวเองสวยมากค่ะ เพราะตอนนั้นเราลดความอ้วนแล้วน้ำหนักลงเยอะมาก เด็กอ่ะนะ5555) ทำเป็นไม่เห็นแล้วพยายามเดินสวนเค้าไป (แต่ในใจคือกรี๊ดแตกไปแล้ว คนอะไรหล๊อหล่อ) พอเดินสวนกัน เค้าก็มาคว้าแขนเราไว้ค่ะ

เรา : (ทำหน้าตกใจ) เอ่อ มีอะไรรึเปล่าคะ
พี่เควิน (นามสมมุติ): อ๋อ ขอโทษทีครับ พอดีว่า เราอยากรู้จักเธออ่ะครับ
เรา : เราเนี่ยนะคะ (ชี้เข้าหาตัวเองแบบงงๆ อะไรกันเนี่ยวันนี้)
พี่เควิน : ใช่ครับ คือตอนนี้อาหารเย็นอีกสักพักถึงจะเสร็จ เราไปเดินเล่นแถวนี้กันก่อนไหมครับ
เรา : (คิดในใจ เอาไงดีอ่ะะ คนหล่อชวนอ่ะะ) ก็ได้ค่ะ (แรดว่ะ)

เราสองคนก็ไปเดินเล่นค่ะ (เดินเล่นอีกแล้ว) รอบๆ อาคารที่จัดค่ายค่ะ น่าแปลกใจตรงที่เราสองคนคุยกันถูกคอมากๆ สนุกสนานเฮฮา ยิ่งมุขกันโบ๊ะบ๊ะ เหมือนเจอพี่ชายที่พลัดพราก55555

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เดินไปทานอาหารเย็นกันค่ะ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์บริการตัวเองค่ะ เรากับพี่เควินก็ไปเข้าแถวตักอาหารกันค่ะ ระหว่างนั้น พี่กัปตันก็มาพอดีค่ะ พี่กัปตันมองมาที่เราที่กำลังพูดคุยกับพี่เควินอยู่ค่ะ พอเราเห็นพี่กัปตันเราก็โบกมือให้พี่กัปตัน พี่เค้าก็เดินมาทางเราค่ะ

พี่กัปตัน : แหม ไม่รอพี่เลยนะ ขอให้อ้วน (แต่สายตาพี่กัปตันคือมองไปที่พี่เควินแบบน่ากลัวมากๆ ค่ะ)
เรา : โอ๊ย ไม่อ้วนหรอก อ้วนก็ลดได้ พี่น่ะแหละ รีบมากินเลย (รีบลากแขนพี่กัปตันออกมาห่างๆ พี่เควิน)
พี่เควิน : แล้วนี่กรีนจะนั่งทานข้าวกับใครหรอครับ
เรา : ก็....(เออ นั่นสิ กินกับใครดี) ก็นั่งด้วยกันหมดเลยเนี่ยแหละค่ะ 3 คน พี่กัปตันนั่งด้วยกันนะๆๆ
พี่กัปตัน : งั้นเดี๋ยวพี่พาข้าวปั้นไปด้วยนะ

ระหว่างนั่งทานข้าวกัน พี่กัปตันเงียบมากค่ะ คู่สนทนามีแค่เรากับพี่เควินเท่านั้น ส่วนพี่กัปตันก็นั่งทานข้าวเงียบๆ กับพี่ข้าวปั้น
เรื่องราวของวันนี้ก็จบลงเท่านี้ค่ะ

วันรุ่งขึ้น วันที่ 4 วันสุดท้ายของค่าย จะมีการสรุปงานโดยเดินทางไปอีกทีนึงค่ะ

ในส่วนของการเดินทาง แน่นอนค่ะ เราอยากนั่งกับพี่กัปตัน5555 ส่วนพี่เควินกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเพราะติดธุระต่อ ซึ่งเรากับพี่เควินไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเบอร์หรือไลน์ใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ จากกันแบบจากไปเลย

ตอนเค้าแบ่งรถตู้กัน เราก็พยายามเดินไปช้าๆ ทำเหมือนไม่มีรถนั่ง แต่จริงๆ คือส่องพี่กัปตันว่าขึ้นคันไหนค่ะ เราก็พยายามเดินๆ ไปทางรถคันนั้น ทำเป็นว่า ขอนั่งด้วยนะคะ แต่ไม่เอ่ยปาก กลัวเสียฟอร์มค่ะ

จากความกลัวเสียฟอร์ม เลยได้นั่งคนละคันกับพี่กัปตันค่ะ นกไปอีก55555 สมน้ำหน้าตัวเอง

เมื่อมาถึงสถานที่สำหรับสรุปงานค่าย การสรุปงานค่ายจะเป็นการแสดงค่ะ เราก็ไปเปลี่ยนชุดค่ะ ซึ่งผู้หญิงและผู้ชายแต่งตัวห้องเดียกวันค่ะ เพราะสถานที่เล็กมากๆ เราก็เขินๆ เนาะ ชุดกระโปรงคือแก่มากๆ (เราไปยืมพี่คนนึงมาค่ะ) เขินใครน่ะหรอ ไม่น่าถาม55555

แล้วเราก็ให้พี่อีกคนแต่งหน้าให้ค่ะ ปากนี่ชมพูมากกก ปกติอยู่ค่ายหรือชีวิตปกติเราไม่แต่งหน้าเลยค่ะ หน้าสดๆ เพราะเพิ่ง ม.ต้น เนาะ

พอแต่งหน้าเสร็จ เราก็ไปนั่งที่มุมห้อง มองดูผู้ชายแต่งตัวค่ะ เพลินตาดี555555 แล้วพี่กัปตันก็เดินมาหาเราค่ะ พร้อมเนกไทที่ยังไม่ผูกห้อยคออยู่

พี่กัปตัน : กรีนครับ ผูกเนกไทให้พี่หน่อยสิครับ (พร้อมกับโน้มหน้าลงมาหาเราใกล้ๆ เขินมากกกก)
เรา : เอ่อ จริงๆ กรีนผูกไม่เป็นหรอกค่ะพี่
พี่กัปตัน : อ้าวหรอครับ แย่จัง ไม่เป็นไรๆ แต่วันนี้ (กระซิบข้างหูอีกแล้ว) กรีนสวยมากๆ เลยนะ (แล้วก็เดินออกไปค่ะ)

แล้วพี่กัปตันก็เดินไปที่กระจกแล้วผูกเนกไทให้ตัวเองค่ะ เรางงมาก55555 แล้วมาให้เราผูกให้ทำม้ายยย

เมื่อจบการแสดง ทุกคนที่แสดงก็จะถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ที่มาชมป็นปกติ แต่เราคือไม่ได้มีเพื่อนมาชมการแสดงด้วยค่ะ ก็เลยจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย พี่กัปตันก็มาค่ะ

พี่กัปตัน : กรีนจะไปไหนหรอ มาถ่ายรูปด้วยกันก่อนสิ
เรา : เอ่อ จะไปเปลี่ยนชุดน่ะค่ะ แต่ถ่ายรูปก่อนก็ได้ ว่าแต่พี่มีโทรศัพท์หรอคะ (ที่เรารู้มาคือเด็กโรงเรียนประจำคุณครูจะไม่ให้พกโทรศัพท์ค่ะ)
พี่กัปตัน : อ๋อ เพื่อนพี่น่ะ เค้าเอากล้องของโรงเรียนมาถ่ายรูปไว้ติดบอร์ดกิจกรรม

เราสองคนก็ไปถ่ายรูปกันค่ะ เพื่อนๆ พี่กัปตันแต่ละคนเฮฮามากๆ ค่ะ มีแซวๆ ให้เขินๆ กันบ้างเล็กน้อย

แล้วเราสองคนก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยกันค่ะ ตอนนั้นทุกคนยังถ่ายรูปกันยังไม่เสร็จ ในห้องแต่งตัวก็จะมีแค่เราสองคนค่ะ เราวางสูจิบัตรการแสดงไว้บนเก้าอี้ แล้วเราก็เดินไปหยิบชุดไปเปลี่ยนในห้องน้ำค่ะ พอกลับมา พี่กัปตันก็แต่งตัวเสร็จแล้ว เราสองคนก็ออกมาข้างนอกค่ะ เราหยิบสูจิบัตรของเรามาด้วย

เราสองคนก็ร่ำลาต่างคนต่างกลับค่ะ ก่อนกลับพี่กัปตันก็บอกว่า ถ้าถึงบ้านแล้วให้เปิดสูจิบัตรปกหลังดูด้วยนะ พอเราถึงบ้านเรารีบเปิดดูค่ะ พอเปิดดู เป็นเบอร์และอีเมลของพี่กัปตันค่ะ คนอะไรโรแมนติกจัง อิอิ (แอบงงว่าเอาเบอร์มาให้ทำไม ไม่มีโทรศัพท์ไม่ใช่หรอ ความจริงคือพี่กัปตันแอบพกค่ะ ชั่วร้ายมาก555)

หลังจากนั้นเราก็เริ่มโทรคุยกันค่ะ คุยทุกคืนเลย มีบ้างที่เวลาคุณครูตรวจหอก็จะไม่ได้คุย แต่เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ เพื่อนๆ พี่กัปตันก็เริ่มรู้จักเรามากขึ้น เพราะเพื่อนพี่กัปตันที่เป็นคนถ่ายรูปให้ตอนงานค่ายไปบอกต่อค่ะ แต่เพื่อนๆ พี่เค้าก็น่ารักดีนะคะ เราสองคนคุยกันมาเรื่อยๆ เวลาพี่เค้าไปไหน เราก็จะตามไปทุกที่ค่ะ แอบโรคจิตเบาๆ แต่รักแรกนี่นา ทำให้เริ่มรู้จักและสนิทเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เค้ามากขึ้นค่ะ แต่ระหว่างเราได้แค่คุยนะคะ ไม่มีการลงเฟซอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนแอบๆ คุยกันค่ะ ไม่มีใครรับรู้นอกจากเพื่อนๆ พี่เค้าค่ะ

เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี เราสองคนก็ยังคงคุยกันค่ะ ไม่ได้เป็นแฟนกันสักที สถานะตอนนั้นคืออะไรไม่รู้ สมัยนั้นยังไม่มีคำว่า คนคุย บัญญัติขึ้นมา สถานะเราเลยงงๆ รู้แค่ว่า แค่ได้คุยกันทุกวันแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่มีเหตุการณ์ๆ นึงหลังจากนี้ ที่ทำให้เราเสียใจมากที่ไม่ทำให้สถานะเราสองคนชัดเจนสักทีค่ะ

คืนวันนึง เรากำลังเล่นเฟซบุ้ค แล้วเจอโพสต์ๆ นึง เพื่อนที่สนิทมากสมัยเรียนมัธยมปีที่แล้ว (ตอน ม.1 เราเรียนที่นี่ พอขึ้น ม.2 เราก็ย้ายมาอีกที่ค่ะ) นางโพสต์รูปพี่กัปตันพร้อมแคปชั่นประมาณว่า แอบชอบพี่กัปตันค่ะ ตอนนั้นเราอึ้งมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ ยังคงโทรคุยกับพี่กัปตันเหมือนเดิม แต่ๆๆๆๆ ท่าที่พี่กัปตันเริ่มห่างๆ แล้วค่ะ ตาม step เลย พี่เค้าคงจะชอบเพื่อนเราแล้วล่ะ แต่ตอนนั้นเรายังเด็กค่ะ ทำเป็นไม่รับรู้อาการห่างๆ ของพี่เค้า ยังคงโทรๆๆๆๆ จนพี่เค้าไม่รับสายติดต่อกันหลายวันมากๆ พอโทรติดก็อ้างว่า งานเยอะ การบ้านเยอะ บลาๆๆ

จนวันนึง เพื่อนเราที่โพสต์รูปพี่กัปตันลงเฟซ นางทักแชทมาหาเราค่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยทักมาเลย

ตังเม (นามสมมุติ) : แกกกกกกกกกกกกกก แกรู้จักพี่กัปตันด้วยหรอวะ
เรา : เออ แกรู้ได้ไงวะ พี่กัปตันบอกแกหรอ
ตังเม : ก็เออดิ ก็ลองๆคุยกัน แก พี่เค้าหล่อเนาะ ฉันชอบพี่เค้าว่ะะะ แกช่วยฉันหน่อยสิ
เรา : จะให้ช่วยยังไงยะ ไม่เอาหรอก ใครชอบใครก็ไปจัดการเองดิ ไม่อยากยุ่งโว้ย นอนแล้ว ฝันดีนะ

หลังจากนั้น เรางอนพี่กัปตันหนักมากค่ะ ไม่โทรไปหาอีกเลย และพี่เค้าก็ไม่โทรมาหาเราด้วยค่ะ ชัดเจนมาก ทำให้สถานะเรายิ่งคลุมเครือไปอีก

ผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน เราได้มีโอกาสไปค่ายค่ะ จัดที่โรงเรียนพี่กัปตันอีกแล้ว เราก็คิดว่า เราจะไม่ไปหาเค้า ไม่ไปเจอเค้าแน่นอน

แต่ๆๆๆ กิจกรรมอย่างนึงในค่ายคือการเล่นกีฬาค่ะ มีโค้ชรับเชิญ ซึ่งโค้ชรับเชิญคือใคร ทุกคนเดาออกไหมคะ

ใช่ค่ะ พี่กัปตันค่ะ พี่กัปตันเป็นโค้ชบอลให้ฝั่งผู้ชาย ส่วนฝั่งผู้หญิงมีเป็นโค้ชวอลเลย์บอล เป็นรุ่นน้องของพี่กัปตัน แต่ก็เป็นรุ่นพี่เราอยู่ดี ชื่อพี่ นาวา (นามสมมุติ) ขาวๆ ไม่สูงมาก หน้าตาจัดว่าดีเลยค่ะ ไม่แย่ พี่นาวารู้ด้วยค่ะว่าเราเคยคุยกับพี่กัปตัน ลับหลังคนในค่ายคือพี่นาวาจะมาแซวๆ เราค่ะ เราก็เฉยๆ นะ จะพยายามชวนคุยเรื่องอื่นมากกว่า และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักพี่นาวาค่ะ

ขอตัดถึงแค่นี้นะคะ ขอรอดูฟีดแบคก่อนละกันว่า จะมีคนติดตามรึเปล่า รับรองว่าเรื่องราวซับซ้อนมากๆ ค่ะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเสนอแนะวิธีการเล่าเรื่องได้นะคะ ว่าน่าเบื่อไปรึเปล่า หรือให้เพิ่มอะไรตรงไหน สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่