เรียนพยาบาลที่แคนาดา
สวัสดีค่ะพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน สบายดีกันนะคะ วันนี้ฟลุคมีเวลาว่างก็เลยจะมาเล่าเรื่องและประสบการณ์ในชีวิตช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
ฟลุคหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย😆 มาเริ่มกันเลยดีกว่านะคะ จากหัวข้อเรื่องเรียนพยาบาลที่แคนาดา ก่อนอื่นเราก็จะต้องมาทำความรู้จักกับระบบและเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการประชาชนก่อนเนอะ ที่แคนาดา จะเริ่มต้นตั้งแต่ Health Care assistant หรือ Nursing Assistant ระยะเวลาในการเรียน ประมาณ6 ถึง 8 เดือนค่ะ เรียกง่ายๆว่าผู้ช่วยพยาบาลค่ะ เขาก็จะทำหน้าที่ดูแลคนไข้คือดูแลทุกอย่าง แต่ไม่สามารถ ให้ยากับคนไข้โดยตรง หรือ ทำแผล หรือ ฉีดยา คือดูแลคนไข้แค่Basic Care เท่านั้นค่ะ ซึ่งตอนนี้ฟลุคก็ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่และทำเงิน 24$ต่อชั่วโมงฟลุคทำกับ รัฐบาลเลยได้เงินเยอะกว่า แต่ถ้าใครทำกับเอกชนก็จะได้อยู่ที่เริ่ม19$ต่อชั่วโมง เอาเป็นว่างานจะหนักที่สุดในบรรดาHealth care providers เลยค่ะ และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฟลุคตัดสินใจที่จะเรียนพยาบาลต่อ🤔
มาต่อกันที่ตำแหน่งที่สูงกว่าผู้ช่วยพยาบาลนั้นก็คือ Licensed Practical Nurse หรือเรียกสั้นๆ ว่า LPN ซึ่งก็จะเรียนอยู่ที่ 2 ปีค่ะและฟลุคก็กำลังเรียนอยู่นะตอนนี้ค่ะ พยาบาล LPN ของที่แคนาดาจะแตกต่างกันมากกับของที่ไทย ถ้าเทียบหลักสูตรแล้วกับไทยก็จะเท่ากับตำแหน่งพยาบาลเทคนิคของไทย ซึ่ง ณ ตอนนี้ที่ไทยน่าจะไม่มีอยู่แล้ว หน้าที่ของ LPN ที่แคนาดา หลักๆแล้วจะดูแลคนไข้ ให้ยา ฉีดยา ทำแผล ทำแผนการรักษา ประเมินผล และสามารถ เข้าเฝือกให้คนไข้ได้ แต่ต้องเรียนเพิ่มเติม คือLPN ทำทุกอย่างเหมือน RN แต่LPNจะดูแลเฉพาะคนที่ไม่วิกฤต ส่วน RN จะดูแลคนไข้ที่วิกฤตค่ะ ต่อจาก LPN ก็มี RPN หรือ registered psychiatric nurse พยาบาลเฉพาะทางจิตเวช เรียนสองปีเหมือนกันกับLPN แต่ต้องทำในแผนกจิตเวชเท่านั้นไม่สามารถ ย้ายมาทำแผนกปกติได้
ต่อมาก็จะเป็น RN BSN ก็จะเรียน4 ปีแบบไทย แล้วก็ต่อจาก RN ก็จะเป็น Nurses Practitioner หรือ NP ทำงานเป็นเหมือนหมอเลยค่ะต้องจบปริญญาโท เอาเป็นว่ามันมีหลากหลายมากๆค่ะ เงินเดือนก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามตำแหน่ง เรารู้จักแต่ละตำแหน่งพยาบาลไปแล้ว
มาเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ว่าฟลุคต้องทำยังไงบ้างกว่าจะได้เรียนพยาบาลเริ่มมมค่ะ ระหว่างที่ฟลุคกำลังเรียนผู้ช่วยพยาบาลอยู่นั้น ฟลุคก็เรียนห้องข้างๆกับ พยาบาล LPN ฟลุคเห็นพวกนางแขวนหูฟังที่ใช้ตรวจร่างกาย stethoscope แล้วคืออย่างแขวนบ้างคงจะรู้สึกดีมากๆ555 อันนั้นแค่ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งคือฟลุคอยากทำหน้าที่มากกว่านั้นมากกว่าBasic care อยากฉีดยา อยากช่วยคนไข้ให้หาย ไม่ว่าจะให้ยา หรือจะดูแลองค์รวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นร่างกายและจิตใจและอื่นๆ เรียกสั้นๆว่า Holistic Care approach สั้นไหม? 😆
ฟลุคก็เริ่มหาข้อมูลการสมัคร ดูคุณสมบัติว่าเราจะผ่านไหม คือฟลุคใช้วุฒิของมอหกที่ไทยยื่น คุณสมบัติที่เขาต้องการคือ เกรด12 English คณิตศาสตร์ ชีวะและเคมี และต้องไม่ต่ำกว่าท70% ฟลุคยื่นวุฒิมอหกโรงเรียนไทยไป ผ่านแค่ชีวะเท่านั้น นอกนั้นคือต้องไปเรียนใหม่หมด เพราะหลักสูตรของที่นี้ไม่รับรองและทางไม่มหาลัยไม่รับคะแนนสอบอังกฤษโทเฟล หรือ ไอเอล ต้องเป็น ภาษาอังกฤษเกรด12 เท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ คณิต เคมี ฟลุคต้องไปเรียนร่วมกับนักเรียนมอหกของที่นี้ คือช่วงนั้นท้อมากๆค่ะ กลัวว่าจะไม่ผ่าน กลัวว่าจะยื่นคะแนน Entrance ไปแล้วแล้วไม่ติด กินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ผลสุดท้ายฟลุคก็เรียนกับเด็กมอหกที่นี้ผ่าน แล้วก็ยื่นคะแนนไปค่ะ สรุปติดค่ะ ฟลุคติดมหาลัยของรัฐบาล ค่าเทอมก็จะถูกกว่าของมหาลัยเอกชนหลายเท่าตัวเลยค่ะ ระหว่างรอโรงเรียนเปิด ฟลุคก็ทำงานผู้ช่วยพยาบาลเก็บเงินไว้ใช้จ่ายตอนเรียนพยาบาล
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง ฟลุคไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้มานั่งอยู่ในห้องนักเรียนพยายาล และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาเกิดด้วย เราต้องสู้หลายเท่ามากถ้าเทียกกับฝรั่งที่นี้ พูดแล้วก็จะร้องไห้ 55 ในห้องฟลุคมีนักเรียน20 คน จากนักเรียนที่สมัคร 500 กว่าคน เราเป็นหนึ่งใน20 คือดีใจมากๆๆ และฟลุคก็เป็น เอเชียคนเดียวในห้อง นอกนั้นฝรั้งหมด ไม่มีเพื่อนปินส์เลย ตอนนั้นได้แต่ท่องไว้ว่าต้อง สตรองๆๆๆ น่าของคุณพี่ลูกเกรด the faceลอยมาเลยค่ะ กะเทยไทยต้องสตรอง เครียดมากๆค่ะช่วงแรกๆ ต้องปรับตัวหลายๆอย่าง การบ้านก็เยอะและก็ต้องสอบ และ สอบปฏิบัติอีก แต่ดีหน่อยที่ฟลุคเรียนผู้ช่วยพยาบาลมา อะไรหลายๆอย่างก็ค่อนข้างลื่นไหล เพื่อนนี้หายากมากๆๆ คือฟลุคสมผัสได้เลยว่าทุกคนในคลาสมาเรียนจริงๆไม่ได้มาหาเพื่อน ช่วงแรกๆก็เหงานะไม่มีเพื่อน แต่ต่อมาพอได้รู้จักกัน ก็สนิทสนมเฮฮาปาร์ตี้มากๆค่ะ555 ในเทอมแรกฟลุคเรียนทั้งหมด 6 ตัว เริ่มจาก health promotion, กฎหมาย, anatomy and physiology และ pathology, วิชาที่4 ก็ Pharmacology เรียนเกี่ยวกับยาการให้ยาชนิดต่างๆ, วิชาที5 nursing communications วิชาที่6 nursing skills ฝึกในlab สอบเยอะมากๆๆๆๆ อ่านหนังสือเยอะมากกก
ไม่มีเวลาให้คุณสามีเลย แต่ฟลุคก็ต้องขอบคุณนางที่เป็นกำลังใจให้และเข้าใจในตัวฟลุค เทอมแรกผ่านไปได้ด้วยดี คะแนนทุกวิชาคือเริ่ดดด คือฟลุคต้องบอกเลยว่า การที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาเกิดเรา มันทำให้เราต้องขยันและอดทนฝึกฝนมากกว่าฝรั่งที่นี้ซึ่งมันก็เป็นข้อดีของการไม่ใช่ native speaker ตอนนี้ฟลุคอยู่เทอมสองแล้วค่ะ หนักและยากขึ้นไปเรื่อยๆ กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากๆค่ะนะตอนนี้ สุดท้ายฟลุคก็อยากจะบอกพี่ๆเพื่อนๆน้องๆว่า ความขยันจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จไม่มากก็น้อย เราต้องอดทนและอย่าลืมเชื่อมั่นในตัวเราว่าเราทำได้ ท่องเขาไว้ค่ะ สู้ๆๆ ขอบคุณทุกคนนะคะที่อุตส่าห์อ่านจนจบ🙏 ฝากไลค์ฝากแชร์ด้วยนะคะ เผื่อเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์และกำลังใจให้สำหรับหลายๆคน ขอบคุณและสวัสดีค่ะ MerryChristmas and happy new year ค่ะทุกคน ปล.ถ้าอยากรู้จักฟลุคมากขึ้น ตามมาได้นะคะที่ Fluke Marvelous ในเฟสค่ะ

ฝากกระทู้เก่าๆของฟลุคด้วยนะคะเผื่อว่าจะได้รู้จักฟลุคมากขึ้น
https://pantip.com/topic/35618622
https://pantip.com/topic/36428229
เรียนพยาบาลที่แคนาดา
สวัสดีค่ะพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคน สบายดีกันนะคะ วันนี้ฟลุคมีเวลาว่างก็เลยจะมาเล่าเรื่องและประสบการณ์ในชีวิตช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
ฟลุคหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย😆 มาเริ่มกันเลยดีกว่านะคะ จากหัวข้อเรื่องเรียนพยาบาลที่แคนาดา ก่อนอื่นเราก็จะต้องมาทำความรู้จักกับระบบและเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการประชาชนก่อนเนอะ ที่แคนาดา จะเริ่มต้นตั้งแต่ Health Care assistant หรือ Nursing Assistant ระยะเวลาในการเรียน ประมาณ6 ถึง 8 เดือนค่ะ เรียกง่ายๆว่าผู้ช่วยพยาบาลค่ะ เขาก็จะทำหน้าที่ดูแลคนไข้คือดูแลทุกอย่าง แต่ไม่สามารถ ให้ยากับคนไข้โดยตรง หรือ ทำแผล หรือ ฉีดยา คือดูแลคนไข้แค่Basic Care เท่านั้นค่ะ ซึ่งตอนนี้ฟลุคก็ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่และทำเงิน 24$ต่อชั่วโมงฟลุคทำกับ รัฐบาลเลยได้เงินเยอะกว่า แต่ถ้าใครทำกับเอกชนก็จะได้อยู่ที่เริ่ม19$ต่อชั่วโมง เอาเป็นว่างานจะหนักที่สุดในบรรดาHealth care providers เลยค่ะ และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฟลุคตัดสินใจที่จะเรียนพยาบาลต่อ🤔
มาต่อกันที่ตำแหน่งที่สูงกว่าผู้ช่วยพยาบาลนั้นก็คือ Licensed Practical Nurse หรือเรียกสั้นๆ ว่า LPN ซึ่งก็จะเรียนอยู่ที่ 2 ปีค่ะและฟลุคก็กำลังเรียนอยู่นะตอนนี้ค่ะ พยาบาล LPN ของที่แคนาดาจะแตกต่างกันมากกับของที่ไทย ถ้าเทียบหลักสูตรแล้วกับไทยก็จะเท่ากับตำแหน่งพยาบาลเทคนิคของไทย ซึ่ง ณ ตอนนี้ที่ไทยน่าจะไม่มีอยู่แล้ว หน้าที่ของ LPN ที่แคนาดา หลักๆแล้วจะดูแลคนไข้ ให้ยา ฉีดยา ทำแผล ทำแผนการรักษา ประเมินผล และสามารถ เข้าเฝือกให้คนไข้ได้ แต่ต้องเรียนเพิ่มเติม คือLPN ทำทุกอย่างเหมือน RN แต่LPNจะดูแลเฉพาะคนที่ไม่วิกฤต ส่วน RN จะดูแลคนไข้ที่วิกฤตค่ะ ต่อจาก LPN ก็มี RPN หรือ registered psychiatric nurse พยาบาลเฉพาะทางจิตเวช เรียนสองปีเหมือนกันกับLPN แต่ต้องทำในแผนกจิตเวชเท่านั้นไม่สามารถ ย้ายมาทำแผนกปกติได้
ต่อมาก็จะเป็น RN BSN ก็จะเรียน4 ปีแบบไทย แล้วก็ต่อจาก RN ก็จะเป็น Nurses Practitioner หรือ NP ทำงานเป็นเหมือนหมอเลยค่ะต้องจบปริญญาโท เอาเป็นว่ามันมีหลากหลายมากๆค่ะ เงินเดือนก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามตำแหน่ง เรารู้จักแต่ละตำแหน่งพยาบาลไปแล้ว
มาเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ว่าฟลุคต้องทำยังไงบ้างกว่าจะได้เรียนพยาบาลเริ่มมมค่ะ ระหว่างที่ฟลุคกำลังเรียนผู้ช่วยพยาบาลอยู่นั้น ฟลุคก็เรียนห้องข้างๆกับ พยาบาล LPN ฟลุคเห็นพวกนางแขวนหูฟังที่ใช้ตรวจร่างกาย stethoscope แล้วคืออย่างแขวนบ้างคงจะรู้สึกดีมากๆ555 อันนั้นแค่ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งคือฟลุคอยากทำหน้าที่มากกว่านั้นมากกว่าBasic care อยากฉีดยา อยากช่วยคนไข้ให้หาย ไม่ว่าจะให้ยา หรือจะดูแลองค์รวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นร่างกายและจิตใจและอื่นๆ เรียกสั้นๆว่า Holistic Care approach สั้นไหม? 😆
ฟลุคก็เริ่มหาข้อมูลการสมัคร ดูคุณสมบัติว่าเราจะผ่านไหม คือฟลุคใช้วุฒิของมอหกที่ไทยยื่น คุณสมบัติที่เขาต้องการคือ เกรด12 English คณิตศาสตร์ ชีวะและเคมี และต้องไม่ต่ำกว่าท70% ฟลุคยื่นวุฒิมอหกโรงเรียนไทยไป ผ่านแค่ชีวะเท่านั้น นอกนั้นคือต้องไปเรียนใหม่หมด เพราะหลักสูตรของที่นี้ไม่รับรองและทางไม่มหาลัยไม่รับคะแนนสอบอังกฤษโทเฟล หรือ ไอเอล ต้องเป็น ภาษาอังกฤษเกรด12 เท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ คณิต เคมี ฟลุคต้องไปเรียนร่วมกับนักเรียนมอหกของที่นี้ คือช่วงนั้นท้อมากๆค่ะ กลัวว่าจะไม่ผ่าน กลัวว่าจะยื่นคะแนน Entrance ไปแล้วแล้วไม่ติด กินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ผลสุดท้ายฟลุคก็เรียนกับเด็กมอหกที่นี้ผ่าน แล้วก็ยื่นคะแนนไปค่ะ สรุปติดค่ะ ฟลุคติดมหาลัยของรัฐบาล ค่าเทอมก็จะถูกกว่าของมหาลัยเอกชนหลายเท่าตัวเลยค่ะ ระหว่างรอโรงเรียนเปิด ฟลุคก็ทำงานผู้ช่วยพยาบาลเก็บเงินไว้ใช้จ่ายตอนเรียนพยาบาล
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง ฟลุคไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้มานั่งอยู่ในห้องนักเรียนพยายาล และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาเกิดด้วย เราต้องสู้หลายเท่ามากถ้าเทียกกับฝรั่งที่นี้ พูดแล้วก็จะร้องไห้ 55 ในห้องฟลุคมีนักเรียน20 คน จากนักเรียนที่สมัคร 500 กว่าคน เราเป็นหนึ่งใน20 คือดีใจมากๆๆ และฟลุคก็เป็น เอเชียคนเดียวในห้อง นอกนั้นฝรั้งหมด ไม่มีเพื่อนปินส์เลย ตอนนั้นได้แต่ท่องไว้ว่าต้อง สตรองๆๆๆ น่าของคุณพี่ลูกเกรด the faceลอยมาเลยค่ะ กะเทยไทยต้องสตรอง เครียดมากๆค่ะช่วงแรกๆ ต้องปรับตัวหลายๆอย่าง การบ้านก็เยอะและก็ต้องสอบ และ สอบปฏิบัติอีก แต่ดีหน่อยที่ฟลุคเรียนผู้ช่วยพยาบาลมา อะไรหลายๆอย่างก็ค่อนข้างลื่นไหล เพื่อนนี้หายากมากๆๆ คือฟลุคสมผัสได้เลยว่าทุกคนในคลาสมาเรียนจริงๆไม่ได้มาหาเพื่อน ช่วงแรกๆก็เหงานะไม่มีเพื่อน แต่ต่อมาพอได้รู้จักกัน ก็สนิทสนมเฮฮาปาร์ตี้มากๆค่ะ555 ในเทอมแรกฟลุคเรียนทั้งหมด 6 ตัว เริ่มจาก health promotion, กฎหมาย, anatomy and physiology และ pathology, วิชาที่4 ก็ Pharmacology เรียนเกี่ยวกับยาการให้ยาชนิดต่างๆ, วิชาที5 nursing communications วิชาที่6 nursing skills ฝึกในlab สอบเยอะมากๆๆๆๆ อ่านหนังสือเยอะมากกก
ไม่มีเวลาให้คุณสามีเลย แต่ฟลุคก็ต้องขอบคุณนางที่เป็นกำลังใจให้และเข้าใจในตัวฟลุค เทอมแรกผ่านไปได้ด้วยดี คะแนนทุกวิชาคือเริ่ดดด คือฟลุคต้องบอกเลยว่า การที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาเกิดเรา มันทำให้เราต้องขยันและอดทนฝึกฝนมากกว่าฝรั่งที่นี้ซึ่งมันก็เป็นข้อดีของการไม่ใช่ native speaker ตอนนี้ฟลุคอยู่เทอมสองแล้วค่ะ หนักและยากขึ้นไปเรื่อยๆ กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากๆค่ะนะตอนนี้ สุดท้ายฟลุคก็อยากจะบอกพี่ๆเพื่อนๆน้องๆว่า ความขยันจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จไม่มากก็น้อย เราต้องอดทนและอย่าลืมเชื่อมั่นในตัวเราว่าเราทำได้ ท่องเขาไว้ค่ะ สู้ๆๆ ขอบคุณทุกคนนะคะที่อุตส่าห์อ่านจนจบ🙏 ฝากไลค์ฝากแชร์ด้วยนะคะ เผื่อเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์และกำลังใจให้สำหรับหลายๆคน ขอบคุณและสวัสดีค่ะ MerryChristmas and happy new year ค่ะทุกคน ปล.ถ้าอยากรู้จักฟลุคมากขึ้น ตามมาได้นะคะที่ Fluke Marvelous ในเฟสค่ะ
https://pantip.com/topic/36428229