
“ก๊อก...ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูนำพร้อมกับประตูที่ถูกผลักเข้ามา อย่างไม่ต้องรอเสียงขออนุญาตต่อบุคคลภายในห้อง เพราะเป็นธรรมเนียมรู้กันอยู่แล้ว เมื่อมีไฟดวงเล็กๆสว่างที่หน้าประตู แสดงว่ามีเจ้าของห้องกลุ่มศิลปินกำลังทำงานอยู่ หนูนาค่อยๆเดินเข้าไปพร้อมปิดประตูเบาๆ และกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้ทุกคนในวงอยู่ที่ตำแหน่งเครื่องดนตรีของแต่ละคน ทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และหันมามองที่สาวเอเชียร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ประตู ด้วยสีหน้าที่บอกความรู้สึกกันไปคนละแบบ
สำหรับหนูนาทราบดีอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร เพราะพวกเขาคือกลุ่มศิลปินที่ดังมาก และไหนจะโปสเตอร์รูปพวกเขาที่ติดตามฝาผนังในห้องนี้อีก ถึงแม้ว่าเธอพึ่งจะรู้จักพวกเขาในนามเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่พอมาเห็นตัวจริงไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไร ถึงแม้เธอจะเป็นนักเขียนนิยายก็ตาม
“สวัสดีค่ะ! ฉันนีน่าค่ะ พวกคุณเรียกฉันเหมือนกับที่คนที่นี่เรียกได้เลย...คิดว่าพวกคุณคงพอจะทราบแล้วว่าฉันมีหน้าที่ดูแลพวกคุณที่นี่...”เงียบ!!!หลังจากที่หนูนาพูดจบก็ยังเกิดความเงียบภายในห้อง หนูนาเห็นสายตาของทุกคนที่ยังจ้องมาที่เธอโดยไม่มีใครได้เอ่ยอะไรเลย
“ฮะ..แอ้ม!”เสียงกระแอมของนักร้องนำดังขึ้นมา เพื่อทำลายความเงียบที่กำลังสร้างความอึดอัดให้สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้ เรียกสติเพื่อนๆเขาที่ยังจ้องเธอตาไม่กะพริบกัน ซึ่งเขารู้สึกไม่ชอบสักเท่าไหร่ และทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นหนูนามองตามต้นตอของเสียงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“อืม...สวัสดีครับ ผมไรอัลเป็นตัวแทนของทุกคนยินดีต้อนรับครับ และหลังจากนี้รบกวนด้วยครับ” ไรอัลเป็นผู้กล่าวทักทายและต้อนรับหนูนาอย่างเป็นทางการและให้เกียรติสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียว ณ ห้องแห่งนี้ และทุกคนก็กล่าวทักทายพร้อมแนะนำชื่อตัวเอง และคนสุดท้าย..
“ปีเตอร์...เรียกว่า ‘พีท’ แล้วกัน” หลังจากสิ้นเสียงไร้อารมณ์ของปีเตอร์เหล่าสมาชิกในวงได้หันและย้ายสายตามาที่ปีเตอร์ อย่าง งงๆ และอึ้งๆด้วยความประหลาดใจ เพราะต่างคนคงคิดไปทางเดียวกันว่าหญิงสาวตรงหน้าคง...ซึ่งทุกคนเข้าใจความหมายกันชัดเจนแค่เพียงสบตากันเอง
“พูดยาวแฮะ...” พอลพึมพำเบาๆและหันไปขยิบตากับไรอัล
หนูนาหันมายิ้มพยักหน้ารับกับคำทักทายกลับพร้อมแนะนำชื่อของทุกคนและจนมาถึงคนสุดท้ายนักร้องนำ ที่แนะนำตัวกับเธอแบบเย็นชาไร้ซึ่งรอยยิ้มหนูนาหุบยิ้มทันทีเมื่อได้สบตาคุณชายชาเย็น แต่แล้วจู่ๆเธอก็กลับยิ้มอีกครั้งทั้งใบหน้า เพราะทันทีที่เธอได้เห็นตัวจริงพร้อมกับได้ยินน้ำเสียงของเขาครั้งแรกพร้อมตั้งฉายาให้เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม ไอเดียร์นิยายเรื่องใหม่ก็เกิดขึ้นทันทีซึ่งรอยยิ้มและแววตาของหนูนาไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของปีเตอร์ได้เลย
“น่าจับมาชิมจริงๆ” เขาคิดได้ทันทีที่เห็น โดยไม่รู้ถึงเหตุผลเลยว่าการที่เธอแสดงสีหน้าและอารมณ์แบบนั้นเกิดจากอะไร เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งเขาอยากรู้จริงๆ อะไรในความคิดของเธอถึงทำให้เธอดูสดใสน่ามองมากมายขนาดนี้ ตาจ้องตากันจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
พอล ละ จากเครื่องดนตรีประจำตำแหน่ง เดินตรงมาที่ “นีน่าพวกเราคงไม่ออกไปหาอะไรกิน...มื้อเที่ยงรบกวนนีน่าช่วยจัดการให้ด้วย ได้มั้ย?”
หนูนาตื่นจากภวังค์ไอเดียร์ที่มันพุ่ง “ เดี๋ยวคืนนี้จะไปปั่นโครงเรื่องเสนอสำนักพิมพ์”คิดได้ดังนั้น “ค่ะ...พวกคุณอยากทานอะไรกัน เดี๋ยวนีน่าจัดการให้...”
“ได้ทุกอย่างครับ พวกเราทานง่ายๆ แต่พีทแพ้ถั่วครับ”
“ค่ะ....รับทราบค่ะ...รอสักครู่นะคะ”
“OH!…WOW…” ทันทีที่หนูนาออกจากห้องไป เสียงเหล่าสมาชิกในวงก็ร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน ยกเว้นปีเตอร์ที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับเพื่อนร่วมวง เพราะรู้สึกหวงเธออย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“ผู้หญิงไทยว่ากันว่าสวยแล้ว แต่นีน่าพ่วงด้วยความน่ารักน่าทะนุถนอมมาก…ว่ามั้ย พีท” จอนนี่พูดขึ้นมาพร้อมถามปีเตอร์ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์สื่อความหมายบางอย่าง
“ไม่รู้สิ...คงต้องไปถามแคทรีนดูนะ” คำตอบของปีเตอร์ ทำเอาจอนนี่หุบยิ้มทันที
“ไอ้นี่! เล่นของสูง...แฮะ” จอนนี่ร้องออกมา
“Ha..Ha...Ha” เหล่ามาชิกที่เหลือต่างหัวเราะชอบใจ
“ก็อก...ก็อก...” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเอียน ผู้จัดการก็ก้าวเข้ามาพร้อมปิดประตู
“ขอโทษ...ผมติดประชุมพึ่งเสร็จเลยให้นีน่าแวะเข้ามาแนะนำตัวกับพวกคุณก่อน” แล้วสายตาก็กวาดมองไปทั่วห้องเพื่อมองหาหญิงสาวที่เอ่ยนามออกไป
“เธอออกไปจัดการอาหารเที่ยงให้พวกเรา” ปีเตอร์ตอบข้อสงสัยจากสายตาของเอียน
“อืม!...ดี...ผมดีใจที่พวกคุณโอเคกับเธอ เธอเป็นเด็กดีและขยันมาก” เอียนพยักหน้ารับรู้พร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเพิ่ม
“นีน่า...มีแฟนหรือคนรักเหรอยัง?” สตีฟที่เงียบอยู่นานถามขึ้น พร้อมชายตาแอบไปมองนักร้องนำของวง เห็นว่ากำลังก้มหน้า แต่ท่าทางนิ่งๆแบบนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าคงตั้งใจฟังคำตอบอยู่
“HA..HA...Ha เป็นคำถามที่ดีสตีฟ แต่ผมไม่แน่ใจในเรื่องนี้ มันเรื่องส่วนตัวของเธอ...แต่เท่าที่รู้จักเธอมากว่าสองสัปดาห์ ผมไม่เคยเห็นใครที่นี่ที่เธอจะสนิทเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่รู้คือเธอทำงานสองที่ คือที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนกับที่นี่และไปเรียน เพราะฉะนั้นเสียใจด้วยนะ ผมไม่รู้จริงๆพวกคุณคงต้องสังเกตและถามเธอเอง...”
“เฮ้ย!!!...” สตีฟร้องอย่างเสียดาย “ว่าแต่ว่าคุณเอียน มีอะไรเหรอเปล่าครับ” ถามต่อทันที
“ไม่มีอะไร...พวกคุณซ้อมต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้ว แค่เข้ามาดูความเรียบร้อย...ถ้างั้นผมขอตัว” ก่อนจะเดินออกจากห้องเอียนหันกลับมาพูด“ ผมลืมบอก นีน่าเขาจะมีเรียนด้วย เดี๋ยวพวกคุณถามกันเองนะ เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลพวกคุณกับห้องนี้” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทุกคนเพียงพยักหน้ารับทราบไม่มีใครกล่าวอะไรกันอีก ต่างก็ซ้อมเพลงกันต่อจนกว่ามื้อเที่ยงจะพร้อม
เมื่อทุกคนจัดการอาหารมื้อเที่ยงเรียบร้อยวันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนจากข้อมูลที่ได้รับจากเอียน คงเดากันได้ทันทีว่ามาจากร้านที่เธอเคยทำงาน หลังจากเสร็จแล้วทุกอย่างต่างก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง กลุ่มศิลปินก็เข้าไปในส่วนของการซ้อม ส่วน หนูนาหลังจากเก็บทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็มานั่งที่โซฟา เพื่อรอรับคำสั่งว่าใครต้องการอะไร เธอไม่เคยเห็นการซ้อมดนตรีกันมาก่อนและอีกสามวันศิลปินกลุ่มนี้ต้องออกงาน พวกเขาซ้อมเพลงที่จะไปเล่นและมีมุขน่ารักกล่าวทักทายแฟนเพลงบรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ เพราะพวกเขาเหล่านี้ร่วมงานรู้จักกันมาหลายปีแล้วนั้นเอง หนูนานั่งดูมาได้สักพัก ไหนๆก็ไหนๆไม่มีใครเรียกใช้เธอก็เลยตัดสินใจหยิบ MacBook ในกระเป๋าออกมา
“ขอปั่นนิยายเรื่องใหม่ส่งโครงเรื่องไปที่เมืองไทยสักหน่อยดีกว่า” คิดได้ดังนั้นเธอหยิบหูฟังเสียบและเปิดเพลงฟัง ขณะปั่นนิยายมันเป็นวิธีการสร้างสมาธิของเธอในการเขียน แต่คราวนี้เป็นอัลบั้มเพลงของกลุ่มศิลปินในห้องแห่งนี้ เพราะเธอจะเขียนโดยบุคลิกตัวละครที่จะโลดแล่นในนิยายของเธอคือพวกเขา “จังหวะรักมาเฟีย (Mafia’s Rhythms Of Love)” คือชื่อของเรื่องผลงานชิ้นนี้
อิริยาบทของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาชายหนุ่มที่ถูกตั้งฉายาเลย ตอนนี้เขาเห็นเธอนั่งกับพื้นวาง MacBook กับโต๊ะกลางที่บริเวณโซฟา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขากลับอยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร...
“เป็นอะไรว๊ะ! ทำไมถึงอยากรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังฟังอะไร คิดอะไร ทำอะไร” เพราะอยู่ๆแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทุกคนในห้องก็ต่างทำหน้าที่ของตัว จนเวลาล่วงมาพอหันไปดูนาฬิกาก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เป็นไรอัลที่เอ่ยกับสมาชิกในวง
“...วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะ พรุ่งนี้สายๆ เรามาซ้อมกันอีกรอบ”
หนูนาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ปีเตอร์เดินออกจากห้องซ้อมแล้ว มานั่งที่โซฟาใกล้เธอที่สุด และก้มหน้ามาเกือบใกล้หน้าเธอแต่จ้องไปที่หน้าจอ MacBook ว่าเธอกำลังทำอะไร ซึ่งเป็นภาษาที่เขาอ่านไม่ออก แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นภาษาไทย เพราะตัวอักษรคล้ายๆกับที่ปักไว้ตรงหน้าอกตุ๊กตาพวงกุญแจที่ขโมยของเธอมา ซึ่งเขาไปหาคำตอบของบทความนั้นมาแล้วจึงเอ่ยถามเธอว่า “หนูนา...กำลังทำอะไรเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงและสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ใกล้ตัวมาก หนูนาก็หันไปด้วยความตกใจ ทำให้ตอนนี้หน้าเธอกับปีเตอร์ห่างกันแค่คืบ ซึ่งเขาหันหน้ามารอเธอก่อนอยู่แล้ว พอเห็นหน้านักร้องหนุ่มใกล้ๆทำเอาหนูนาลืมหายใจ ตาโตจ้องเขาตาไม่กะพริบจน ปีเตอร์ต้องบอก “หายใจด้วยสิ” พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นอาการของหนูนา “น่ารักแฮะ” คิดในใจ
“อืม...กำลัง...เขียน...นิยาย...ส่ง...สำนักพิมพ์....” หนูนาตอบแบบตะกุกตะกัก เพราะต้องเตือนตัวเองให้หายใจไปด้วย พร้อมกับค่อยๆถอยหน้าออกห่างทีละนิด
“หนูนา...เขียนนิยายด้วยเหรอเนี่ย!!...ว่าแต่เรื่องเกี่ยวกับอะไร ขออ่านด้วยได้มั้ย?”
“อือ!...คือ...” จะให้บอกได้อย่างไรก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา น่าอายตายเลย
“ไม่ได้ค่ะ...เป็นความลับเพราะยังเขียนไม่เสร็จ...คือ หนูนา...พึ่งเริ่มเปิดเรื่องใหม่เมื่อครู่เอง...คงให้คุณทราบและอ่านไม่ได้...เพราะมันเป็นภาษาไทยหนูนาเขียนส่งสำนักพิมพ์ที่ไทย” อธิบายด้วยความลืมตัวเผลอแทนตัวว่า ‘หนูนา’ ตามคำเรียกของ นักร้องนำอย่างลืมตัว...
ปีเตอร์รับฟังและพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มกับแววตาบ่งบอกความดีใจอย่างชัดเจนที่หนูนาแทนตัวเองกับเขาว่า ‘หนูนา’ โดยที่เธอเป็นไปตามธรรมชาติไม่รู้ตัวสักนิด และยิ่งได้มองหน้าเธอใกล้ๆอีกครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้หลับหนูนามีดวงตาที่กลมโต ขนตางอนยาวอย่างธรรมชาติรับกับดวงตา จนเขาอยากจะจับมาชิมและจูบปากอิ่มที่ช่างเจรจานี้จริงๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆที่น่าจะมาจากกลิ่นแป้งบวกกลิ่นสาวช่างน่าหลงใหลนักจนไม่อยากถอยห่างจากเธอเลย
สมาชิกในกลุ่มต่างก็เดินมาที่เธอเพื่อที่จะมากล่าวคำลา และก็เดินออกจากห้องไป “พีท นายยังไม่กลับเหรอ?” และเป็นไรอัลที่หันมาถาม
“อืม...สักพัก...บาย” พูดเพียงแค่นั้นและกล่าวลา โดยสายตาไม่ได้หันมองคู่สนทนาด้วยเลย
“บาย...” ไรอัลกล่าวลาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ “บาย..นีน่า”
“บาย...” หนูนากล่าวพร้อมยิ้มน่ารักส่งให้ไรอัล ทำให้ปีเตอร์ที่เห็นถึงกับหน้าตึงใส่ทั้งสองอย่างลืมตัว
“เอ่อ!...คือคุณจะกลับตอนไหนคะ?” ทันทีที่ไรอัลเดินออกไป หนูนาก็หันมามองนักร้องหนุ่มที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว
“ถามทำไม...” ปีเตอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เนื่องจากอารมณ์ยังค้างกับสถานการณ์เมื่อครู่
“เป็นอะไรของเขา ถามดีๆอยู่ๆก็มาทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่ยังไงไม่รู้” หนูนาคิดแต่ตอบกลับไปว่า “คือฉันจะต้องรอปิดห้องคะถ้าพวกคุณไม่ใช้ห้องแล้ว” พอได้ฟังคำตอบของเธอทำให้ปีเตอร์ที่อารมณ์ค้างอยู่เมื่อกี้นี้เพิ่มความขุ่นมัวมากไปอีก เพราะจากตอนแรกแทนตัว ‘หนูนา’ เป็น ‘ฉัน’ ทำให้ปีเตอร์ขบกรามแน่นและลุกจากตรงนั้น คว้าเสื้อโค้ชแล้วก็เดินออกจากห้องไปเลย
“การกระทำแบบนั้นคงหมายถึง กลับแล้วสินะ” หนูนาบ่นกับตัวเองและมองอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าศิลปินอารมณ์ต้องแปรปรวนแบบนี้
ปีเตอร์ตอนนี้นั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่เคลื่อนรถออกจากที่จอดรถของตึกด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิด
“ทำไมถึงหงุดหงิดแบบนี้ว่ะ..” บ่นกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเองหรือว่าจะคิดถึงเจซี เพราะเขากับเจซีไม่ได้เจอกันมากว่าสองเดือนกว่า เพราะเขาต้องไปทัวร์คอนเสิร์ต พอเขากลับมาเธอก็ต้องไปเดินแบบที่ฝรั่งเศษอีกสามสัปดาห์ได้แต่คุยโทรศัพท์กันบ้างเวลาว่างที่ไม่ตรงกันจึงไม่ค่อยได้คุย ทั้งเขาและเธอต่างก็ชินเพราะรู้จักคบหากันมากว่าสิบปี ถ้าเป็นคู่อื่นคงแต่งงานไปแล้ว แต่ระหว่างเขากับเธอต่างก็ไม่มีใครเร่งรัดใคร หรือแสดงความต้องการที่จะอยากแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกัน
แต่ความรู้สึกของเขาที่เป็นอยู่นี้ เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เขาพึ่งเจอได้แค่สองวัน เมื่อนั่งทบทวนแต่ก็ยังหาคำตอบกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจปล่อยมันไปและขับรถอออกไป ด้วยความรู้สึกที่ค้างคา....
❅❈❅❈❅❈❅❈
4.จังหวะรักมาเฟีย [ Mafia’s Rhythms Of Love ] SET : Romance Of Mafia ลำดับที่ 1 ตอน II <แรกพบ > (จบตอน)
“ก๊อก...ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูนำพร้อมกับประตูที่ถูกผลักเข้ามา อย่างไม่ต้องรอเสียงขออนุญาตต่อบุคคลภายในห้อง เพราะเป็นธรรมเนียมรู้กันอยู่แล้ว เมื่อมีไฟดวงเล็กๆสว่างที่หน้าประตู แสดงว่ามีเจ้าของห้องกลุ่มศิลปินกำลังทำงานอยู่ หนูนาค่อยๆเดินเข้าไปพร้อมปิดประตูเบาๆ และกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้ทุกคนในวงอยู่ที่ตำแหน่งเครื่องดนตรีของแต่ละคน ทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และหันมามองที่สาวเอเชียร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ประตู ด้วยสีหน้าที่บอกความรู้สึกกันไปคนละแบบ
สำหรับหนูนาทราบดีอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร เพราะพวกเขาคือกลุ่มศิลปินที่ดังมาก และไหนจะโปสเตอร์รูปพวกเขาที่ติดตามฝาผนังในห้องนี้อีก ถึงแม้ว่าเธอพึ่งจะรู้จักพวกเขาในนามเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่พอมาเห็นตัวจริงไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไร ถึงแม้เธอจะเป็นนักเขียนนิยายก็ตาม
“สวัสดีค่ะ! ฉันนีน่าค่ะ พวกคุณเรียกฉันเหมือนกับที่คนที่นี่เรียกได้เลย...คิดว่าพวกคุณคงพอจะทราบแล้วว่าฉันมีหน้าที่ดูแลพวกคุณที่นี่...”เงียบ!!!หลังจากที่หนูนาพูดจบก็ยังเกิดความเงียบภายในห้อง หนูนาเห็นสายตาของทุกคนที่ยังจ้องมาที่เธอโดยไม่มีใครได้เอ่ยอะไรเลย
“ฮะ..แอ้ม!”เสียงกระแอมของนักร้องนำดังขึ้นมา เพื่อทำลายความเงียบที่กำลังสร้างความอึดอัดให้สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้ เรียกสติเพื่อนๆเขาที่ยังจ้องเธอตาไม่กะพริบกัน ซึ่งเขารู้สึกไม่ชอบสักเท่าไหร่ และทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นหนูนามองตามต้นตอของเสียงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“อืม...สวัสดีครับ ผมไรอัลเป็นตัวแทนของทุกคนยินดีต้อนรับครับ และหลังจากนี้รบกวนด้วยครับ” ไรอัลเป็นผู้กล่าวทักทายและต้อนรับหนูนาอย่างเป็นทางการและให้เกียรติสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียว ณ ห้องแห่งนี้ และทุกคนก็กล่าวทักทายพร้อมแนะนำชื่อตัวเอง และคนสุดท้าย..
“ปีเตอร์...เรียกว่า ‘พีท’ แล้วกัน” หลังจากสิ้นเสียงไร้อารมณ์ของปีเตอร์เหล่าสมาชิกในวงได้หันและย้ายสายตามาที่ปีเตอร์ อย่าง งงๆ และอึ้งๆด้วยความประหลาดใจ เพราะต่างคนคงคิดไปทางเดียวกันว่าหญิงสาวตรงหน้าคง...ซึ่งทุกคนเข้าใจความหมายกันชัดเจนแค่เพียงสบตากันเอง
“พูดยาวแฮะ...” พอลพึมพำเบาๆและหันไปขยิบตากับไรอัล
หนูนาหันมายิ้มพยักหน้ารับกับคำทักทายกลับพร้อมแนะนำชื่อของทุกคนและจนมาถึงคนสุดท้ายนักร้องนำ ที่แนะนำตัวกับเธอแบบเย็นชาไร้ซึ่งรอยยิ้มหนูนาหุบยิ้มทันทีเมื่อได้สบตาคุณชายชาเย็น แต่แล้วจู่ๆเธอก็กลับยิ้มอีกครั้งทั้งใบหน้า เพราะทันทีที่เธอได้เห็นตัวจริงพร้อมกับได้ยินน้ำเสียงของเขาครั้งแรกพร้อมตั้งฉายาให้เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม ไอเดียร์นิยายเรื่องใหม่ก็เกิดขึ้นทันทีซึ่งรอยยิ้มและแววตาของหนูนาไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของปีเตอร์ได้เลย
“น่าจับมาชิมจริงๆ” เขาคิดได้ทันทีที่เห็น โดยไม่รู้ถึงเหตุผลเลยว่าการที่เธอแสดงสีหน้าและอารมณ์แบบนั้นเกิดจากอะไร เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งเขาอยากรู้จริงๆ อะไรในความคิดของเธอถึงทำให้เธอดูสดใสน่ามองมากมายขนาดนี้ ตาจ้องตากันจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
พอล ละ จากเครื่องดนตรีประจำตำแหน่ง เดินตรงมาที่ “นีน่าพวกเราคงไม่ออกไปหาอะไรกิน...มื้อเที่ยงรบกวนนีน่าช่วยจัดการให้ด้วย ได้มั้ย?”
หนูนาตื่นจากภวังค์ไอเดียร์ที่มันพุ่ง “ เดี๋ยวคืนนี้จะไปปั่นโครงเรื่องเสนอสำนักพิมพ์”คิดได้ดังนั้น “ค่ะ...พวกคุณอยากทานอะไรกัน เดี๋ยวนีน่าจัดการให้...”
“ได้ทุกอย่างครับ พวกเราทานง่ายๆ แต่พีทแพ้ถั่วครับ”
“ค่ะ....รับทราบค่ะ...รอสักครู่นะคะ”
“OH!…WOW…” ทันทีที่หนูนาออกจากห้องไป เสียงเหล่าสมาชิกในวงก็ร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน ยกเว้นปีเตอร์ที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับเพื่อนร่วมวง เพราะรู้สึกหวงเธออย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“ผู้หญิงไทยว่ากันว่าสวยแล้ว แต่นีน่าพ่วงด้วยความน่ารักน่าทะนุถนอมมาก…ว่ามั้ย พีท” จอนนี่พูดขึ้นมาพร้อมถามปีเตอร์ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์สื่อความหมายบางอย่าง
“ไม่รู้สิ...คงต้องไปถามแคทรีนดูนะ” คำตอบของปีเตอร์ ทำเอาจอนนี่หุบยิ้มทันที
“ไอ้นี่! เล่นของสูง...แฮะ” จอนนี่ร้องออกมา
“Ha..Ha...Ha” เหล่ามาชิกที่เหลือต่างหัวเราะชอบใจ
“ก็อก...ก็อก...” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเอียน ผู้จัดการก็ก้าวเข้ามาพร้อมปิดประตู
“ขอโทษ...ผมติดประชุมพึ่งเสร็จเลยให้นีน่าแวะเข้ามาแนะนำตัวกับพวกคุณก่อน” แล้วสายตาก็กวาดมองไปทั่วห้องเพื่อมองหาหญิงสาวที่เอ่ยนามออกไป
“เธอออกไปจัดการอาหารเที่ยงให้พวกเรา” ปีเตอร์ตอบข้อสงสัยจากสายตาของเอียน
“อืม!...ดี...ผมดีใจที่พวกคุณโอเคกับเธอ เธอเป็นเด็กดีและขยันมาก” เอียนพยักหน้ารับรู้พร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเพิ่ม
“นีน่า...มีแฟนหรือคนรักเหรอยัง?” สตีฟที่เงียบอยู่นานถามขึ้น พร้อมชายตาแอบไปมองนักร้องนำของวง เห็นว่ากำลังก้มหน้า แต่ท่าทางนิ่งๆแบบนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าคงตั้งใจฟังคำตอบอยู่
“HA..HA...Ha เป็นคำถามที่ดีสตีฟ แต่ผมไม่แน่ใจในเรื่องนี้ มันเรื่องส่วนตัวของเธอ...แต่เท่าที่รู้จักเธอมากว่าสองสัปดาห์ ผมไม่เคยเห็นใครที่นี่ที่เธอจะสนิทเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่รู้คือเธอทำงานสองที่ คือที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนกับที่นี่และไปเรียน เพราะฉะนั้นเสียใจด้วยนะ ผมไม่รู้จริงๆพวกคุณคงต้องสังเกตและถามเธอเอง...”
“เฮ้ย!!!...” สตีฟร้องอย่างเสียดาย “ว่าแต่ว่าคุณเอียน มีอะไรเหรอเปล่าครับ” ถามต่อทันที
“ไม่มีอะไร...พวกคุณซ้อมต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้ว แค่เข้ามาดูความเรียบร้อย...ถ้างั้นผมขอตัว” ก่อนจะเดินออกจากห้องเอียนหันกลับมาพูด“ ผมลืมบอก นีน่าเขาจะมีเรียนด้วย เดี๋ยวพวกคุณถามกันเองนะ เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลพวกคุณกับห้องนี้” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทุกคนเพียงพยักหน้ารับทราบไม่มีใครกล่าวอะไรกันอีก ต่างก็ซ้อมเพลงกันต่อจนกว่ามื้อเที่ยงจะพร้อม
เมื่อทุกคนจัดการอาหารมื้อเที่ยงเรียบร้อยวันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนจากข้อมูลที่ได้รับจากเอียน คงเดากันได้ทันทีว่ามาจากร้านที่เธอเคยทำงาน หลังจากเสร็จแล้วทุกอย่างต่างก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง กลุ่มศิลปินก็เข้าไปในส่วนของการซ้อม ส่วน หนูนาหลังจากเก็บทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็มานั่งที่โซฟา เพื่อรอรับคำสั่งว่าใครต้องการอะไร เธอไม่เคยเห็นการซ้อมดนตรีกันมาก่อนและอีกสามวันศิลปินกลุ่มนี้ต้องออกงาน พวกเขาซ้อมเพลงที่จะไปเล่นและมีมุขน่ารักกล่าวทักทายแฟนเพลงบรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ เพราะพวกเขาเหล่านี้ร่วมงานรู้จักกันมาหลายปีแล้วนั้นเอง หนูนานั่งดูมาได้สักพัก ไหนๆก็ไหนๆไม่มีใครเรียกใช้เธอก็เลยตัดสินใจหยิบ MacBook ในกระเป๋าออกมา
“ขอปั่นนิยายเรื่องใหม่ส่งโครงเรื่องไปที่เมืองไทยสักหน่อยดีกว่า” คิดได้ดังนั้นเธอหยิบหูฟังเสียบและเปิดเพลงฟัง ขณะปั่นนิยายมันเป็นวิธีการสร้างสมาธิของเธอในการเขียน แต่คราวนี้เป็นอัลบั้มเพลงของกลุ่มศิลปินในห้องแห่งนี้ เพราะเธอจะเขียนโดยบุคลิกตัวละครที่จะโลดแล่นในนิยายของเธอคือพวกเขา “จังหวะรักมาเฟีย (Mafia’s Rhythms Of Love)” คือชื่อของเรื่องผลงานชิ้นนี้
อิริยาบทของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาชายหนุ่มที่ถูกตั้งฉายาเลย ตอนนี้เขาเห็นเธอนั่งกับพื้นวาง MacBook กับโต๊ะกลางที่บริเวณโซฟา ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขากลับอยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร...
“เป็นอะไรว๊ะ! ทำไมถึงอยากรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังฟังอะไร คิดอะไร ทำอะไร” เพราะอยู่ๆแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทุกคนในห้องก็ต่างทำหน้าที่ของตัว จนเวลาล่วงมาพอหันไปดูนาฬิกาก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เป็นไรอัลที่เอ่ยกับสมาชิกในวง
“...วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะ พรุ่งนี้สายๆ เรามาซ้อมกันอีกรอบ”
หนูนาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ปีเตอร์เดินออกจากห้องซ้อมแล้ว มานั่งที่โซฟาใกล้เธอที่สุด และก้มหน้ามาเกือบใกล้หน้าเธอแต่จ้องไปที่หน้าจอ MacBook ว่าเธอกำลังทำอะไร ซึ่งเป็นภาษาที่เขาอ่านไม่ออก แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นภาษาไทย เพราะตัวอักษรคล้ายๆกับที่ปักไว้ตรงหน้าอกตุ๊กตาพวงกุญแจที่ขโมยของเธอมา ซึ่งเขาไปหาคำตอบของบทความนั้นมาแล้วจึงเอ่ยถามเธอว่า “หนูนา...กำลังทำอะไรเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงและสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ใกล้ตัวมาก หนูนาก็หันไปด้วยความตกใจ ทำให้ตอนนี้หน้าเธอกับปีเตอร์ห่างกันแค่คืบ ซึ่งเขาหันหน้ามารอเธอก่อนอยู่แล้ว พอเห็นหน้านักร้องหนุ่มใกล้ๆทำเอาหนูนาลืมหายใจ ตาโตจ้องเขาตาไม่กะพริบจน ปีเตอร์ต้องบอก “หายใจด้วยสิ” พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นอาการของหนูนา “น่ารักแฮะ” คิดในใจ
“อืม...กำลัง...เขียน...นิยาย...ส่ง...สำนักพิมพ์....” หนูนาตอบแบบตะกุกตะกัก เพราะต้องเตือนตัวเองให้หายใจไปด้วย พร้อมกับค่อยๆถอยหน้าออกห่างทีละนิด
“หนูนา...เขียนนิยายด้วยเหรอเนี่ย!!...ว่าแต่เรื่องเกี่ยวกับอะไร ขออ่านด้วยได้มั้ย?”
“อือ!...คือ...” จะให้บอกได้อย่างไรก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา น่าอายตายเลย
“ไม่ได้ค่ะ...เป็นความลับเพราะยังเขียนไม่เสร็จ...คือ หนูนา...พึ่งเริ่มเปิดเรื่องใหม่เมื่อครู่เอง...คงให้คุณทราบและอ่านไม่ได้...เพราะมันเป็นภาษาไทยหนูนาเขียนส่งสำนักพิมพ์ที่ไทย” อธิบายด้วยความลืมตัวเผลอแทนตัวว่า ‘หนูนา’ ตามคำเรียกของ นักร้องนำอย่างลืมตัว...
ปีเตอร์รับฟังและพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มกับแววตาบ่งบอกความดีใจอย่างชัดเจนที่หนูนาแทนตัวเองกับเขาว่า ‘หนูนา’ โดยที่เธอเป็นไปตามธรรมชาติไม่รู้ตัวสักนิด และยิ่งได้มองหน้าเธอใกล้ๆอีกครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้หลับหนูนามีดวงตาที่กลมโต ขนตางอนยาวอย่างธรรมชาติรับกับดวงตา จนเขาอยากจะจับมาชิมและจูบปากอิ่มที่ช่างเจรจานี้จริงๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆที่น่าจะมาจากกลิ่นแป้งบวกกลิ่นสาวช่างน่าหลงใหลนักจนไม่อยากถอยห่างจากเธอเลย
สมาชิกในกลุ่มต่างก็เดินมาที่เธอเพื่อที่จะมากล่าวคำลา และก็เดินออกจากห้องไป “พีท นายยังไม่กลับเหรอ?” และเป็นไรอัลที่หันมาถาม
“อืม...สักพัก...บาย” พูดเพียงแค่นั้นและกล่าวลา โดยสายตาไม่ได้หันมองคู่สนทนาด้วยเลย
“บาย...” ไรอัลกล่าวลาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ “บาย..นีน่า”
“บาย...” หนูนากล่าวพร้อมยิ้มน่ารักส่งให้ไรอัล ทำให้ปีเตอร์ที่เห็นถึงกับหน้าตึงใส่ทั้งสองอย่างลืมตัว
“เอ่อ!...คือคุณจะกลับตอนไหนคะ?” ทันทีที่ไรอัลเดินออกไป หนูนาก็หันมามองนักร้องหนุ่มที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว
“ถามทำไม...” ปีเตอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เนื่องจากอารมณ์ยังค้างกับสถานการณ์เมื่อครู่
“เป็นอะไรของเขา ถามดีๆอยู่ๆก็มาทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่ยังไงไม่รู้” หนูนาคิดแต่ตอบกลับไปว่า “คือฉันจะต้องรอปิดห้องคะถ้าพวกคุณไม่ใช้ห้องแล้ว” พอได้ฟังคำตอบของเธอทำให้ปีเตอร์ที่อารมณ์ค้างอยู่เมื่อกี้นี้เพิ่มความขุ่นมัวมากไปอีก เพราะจากตอนแรกแทนตัว ‘หนูนา’ เป็น ‘ฉัน’ ทำให้ปีเตอร์ขบกรามแน่นและลุกจากตรงนั้น คว้าเสื้อโค้ชแล้วก็เดินออกจากห้องไปเลย
“การกระทำแบบนั้นคงหมายถึง กลับแล้วสินะ” หนูนาบ่นกับตัวเองและมองอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าศิลปินอารมณ์ต้องแปรปรวนแบบนี้
ปีเตอร์ตอนนี้นั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่เคลื่อนรถออกจากที่จอดรถของตึกด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิด
“ทำไมถึงหงุดหงิดแบบนี้ว่ะ..” บ่นกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเองหรือว่าจะคิดถึงเจซี เพราะเขากับเจซีไม่ได้เจอกันมากว่าสองเดือนกว่า เพราะเขาต้องไปทัวร์คอนเสิร์ต พอเขากลับมาเธอก็ต้องไปเดินแบบที่ฝรั่งเศษอีกสามสัปดาห์ได้แต่คุยโทรศัพท์กันบ้างเวลาว่างที่ไม่ตรงกันจึงไม่ค่อยได้คุย ทั้งเขาและเธอต่างก็ชินเพราะรู้จักคบหากันมากว่าสิบปี ถ้าเป็นคู่อื่นคงแต่งงานไปแล้ว แต่ระหว่างเขากับเธอต่างก็ไม่มีใครเร่งรัดใคร หรือแสดงความต้องการที่จะอยากแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกัน
แต่ความรู้สึกของเขาที่เป็นอยู่นี้ เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เขาพึ่งเจอได้แค่สองวัน เมื่อนั่งทบทวนแต่ก็ยังหาคำตอบกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจปล่อยมันไปและขับรถอออกไป ด้วยความรู้สึกที่ค้างคา....
❅❈❅❈❅❈❅❈