*** review นี้ไม่เน้นรูปนะครับ เน้นข้อมูลเท่าที่หามาเองเท่านั้น ตรงไหนข้อมูลไม่ถูกต้องทักท้วงได้ครับ ยินดีแก้ไข
เกิดมาจนหัวจะหงอกแล้วยังไม่เคยไปเที่ยวยุโรปเลยสักครั้ง พอจะมีครั้งแรกมันก็ตื่นเต้นหน่อย ทีแรกคิดจะไปทัวร์แต่หาโปรแกรมทัวร์ที่ถูกใจไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเที่ยวเองเลยละกัน
ว่าด้วยเรื่อง Visa
ทั้ง Greece และ Italy ต่างก็อยู่ในเขต Schengen ซึ่งนั่นก็แปลว่าเราสามารถขอ visa ครั้งเดียวก็สามารถเที่ยวได้ทั้งสองประเทศ แต่จะต้องไปขอที่ไหนล่ะ? หาข้อมูลเก่าๆ บางคนก็บอกให้ขอประเทศที่ไปถึงที่แรก บางคนก็บอกให้ขอประเทศที่อยู่นานที่สุด เพราะตามแผนคือจะบินไปลงที่ Greece ก่อนแต่จะอยู่ Italy นานกว่าหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ (ตอนนั้นยังเขียนแผนท่องเที่ยวไม่เสร็จดี) เอาไงดีวะ...โทรไปถามสถานทูตกรีซประจำประเทศไทยเลยละกัน เจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ยื่นขอ visa กับสถานทูตของประเทศที่จะเที่ยวนานที่สุดในทริป ดังนั้นต้องกลับมาคุยกันเองก่อนว่าจะเที่ยวที่ไหนมากกว่ากัน
นับไปนับมา...อยู่ Italy นานกว่าแฮะ แต่ถ้าจะยื่นขอ visa จากสถานทูตอิตาลีต้องเตรียมเอกสารเยอะกว่า แถมมีค่าใช้จ่ายมากกว่าอีก (เพราะเป็นการยื่นผ่าน agency) ก็เลยทำการบ้านใหม่...อยู่เที่ยว Greece นานกว่าเดิม เพื่อจะได้ยื่นขอ visa กับสถานทูตกรีซซึ่งเป็นการยื่นโดยตรง ได้ความดังนี้แล้วก็จัดการโทรนัดคิวยื่นเอกสารขอ visa กับสถานทูตกรีซประจำประเทศไทยโลดครับ!!
เดินทางสะดวกมากนะ ออกจาก BTS ช่องนนทรี ก็เข้าไปที่อาคารสาทรนครได้เลย (ที่มี McDonald อยู่ตรงมุมตึกน่ะแหละ) ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน้าลิฟต์ว่ามาติดต่อสถานทูตกรีซ เขาจะให้แลกบัตรตรงหน้าลิฟต์นี่เลย วันนั้นผมไปเป็นคิวแรกๆ ก็เลยได้เข้าไปนั่งรอในสถานทูตฯ ก่อน แต่เขาจะให้นั่งรออยู่แค่ 6 คนเท่านั้น คนที่เกินกว่านี้ต้องรอที่หน้าลิฟต์ด้านล่างครับ
เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ จะแจ้งให้เราเรียงเอกสารตามลำดับแล้วค่อยเอาไปส่งให้ตรวจสอบ แล้วสักพักก็จะเรียกไปถ่ายรูปเพื่อใช้ใน visa (ถ้าได้นะ) ฉะนั้นแล้วเตรียมตัวไปให้พร้อมครับ จากนั้นก็ไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียม visa แล้วก็รับใบนัดรับpassport คืน เท่านี้ก็เรียบร้อย
แผนการเดินทาง
พอได้ visa แล้ว...ก็ได้เวลาทำแผนการเดินทางจริงจังเพื่อที่ว่าจะได้จองตั๋วรถไฟและตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เท่าที่สามารถจะจองล่วงหน้าได้ เวลาเที่ยวจริงจะได้ไม่ต้องพกเงินสดให้มันเสี่ยงภัย ไปๆ มาๆ เราจะได้เที่ยว Italy มากกว่า Greece ซะงั้น 5555 แผนการท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นแบบนี้ครับ
### สัญลักษณ์ [R] คือ สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ครับ
Day 1 (Nov 30):
- Arrive Athens
- Acropolis
- Temple of Zeus
- Plaka and around
Day 2 (Dec 1):
- Temple of Poseidon
- Evening train to Kalambaka [R]
Day 3 (Dec 2):
- Meteora’s monasteries
- Evening train to Athens [R]
Day 4 (Dec 3):
- Morning flight to Santorini [R]
- Sunset at Oía
Day 5 (Dec 4):
- Walk around Thíra
- Flights to Venice [R]
Day 6 (Dec 5):
- Piazza San Marco
- San Marco Basilica
- Realto Bridge
Day 7 (Dec 6):
- Doge’s Palace Museum
- Venice National Museum
- Murano Island
- Night train to Florence [R]
Day 8 (Dec 7):
- Doumo [R]
- Afternoon train to Pisa [R]
- Vecchio Bridge
- Night train to Rome [R]
Day 9 (Dec 8):
- Palatine Hill [R]
- Roman Forum [R]
- Colosseum [R]
- Fountain of Four Rivers
- Trevi Fountain
- Trastevere
Day 10 (Dec 9):
- Vatican City [R]
- Piazza di Spagna
Day 11 (Dec 10):
- Train to Leonardo da Vinci Airport
- Flights to Bangkok
Greece – Italy 11 วัน เที่ยวแน่น ไม่ต้องนอน!!
เกิดมาจนหัวจะหงอกแล้วยังไม่เคยไปเที่ยวยุโรปเลยสักครั้ง พอจะมีครั้งแรกมันก็ตื่นเต้นหน่อย ทีแรกคิดจะไปทัวร์แต่หาโปรแกรมทัวร์ที่ถูกใจไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเที่ยวเองเลยละกัน
ว่าด้วยเรื่อง Visa
ทั้ง Greece และ Italy ต่างก็อยู่ในเขต Schengen ซึ่งนั่นก็แปลว่าเราสามารถขอ visa ครั้งเดียวก็สามารถเที่ยวได้ทั้งสองประเทศ แต่จะต้องไปขอที่ไหนล่ะ? หาข้อมูลเก่าๆ บางคนก็บอกให้ขอประเทศที่ไปถึงที่แรก บางคนก็บอกให้ขอประเทศที่อยู่นานที่สุด เพราะตามแผนคือจะบินไปลงที่ Greece ก่อนแต่จะอยู่ Italy นานกว่าหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ (ตอนนั้นยังเขียนแผนท่องเที่ยวไม่เสร็จดี) เอาไงดีวะ...โทรไปถามสถานทูตกรีซประจำประเทศไทยเลยละกัน เจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ยื่นขอ visa กับสถานทูตของประเทศที่จะเที่ยวนานที่สุดในทริป ดังนั้นต้องกลับมาคุยกันเองก่อนว่าจะเที่ยวที่ไหนมากกว่ากัน
นับไปนับมา...อยู่ Italy นานกว่าแฮะ แต่ถ้าจะยื่นขอ visa จากสถานทูตอิตาลีต้องเตรียมเอกสารเยอะกว่า แถมมีค่าใช้จ่ายมากกว่าอีก (เพราะเป็นการยื่นผ่าน agency) ก็เลยทำการบ้านใหม่...อยู่เที่ยว Greece นานกว่าเดิม เพื่อจะได้ยื่นขอ visa กับสถานทูตกรีซซึ่งเป็นการยื่นโดยตรง ได้ความดังนี้แล้วก็จัดการโทรนัดคิวยื่นเอกสารขอ visa กับสถานทูตกรีซประจำประเทศไทยโลดครับ!!
เดินทางสะดวกมากนะ ออกจาก BTS ช่องนนทรี ก็เข้าไปที่อาคารสาทรนครได้เลย (ที่มี McDonald อยู่ตรงมุมตึกน่ะแหละ) ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน้าลิฟต์ว่ามาติดต่อสถานทูตกรีซ เขาจะให้แลกบัตรตรงหน้าลิฟต์นี่เลย วันนั้นผมไปเป็นคิวแรกๆ ก็เลยได้เข้าไปนั่งรอในสถานทูตฯ ก่อน แต่เขาจะให้นั่งรออยู่แค่ 6 คนเท่านั้น คนที่เกินกว่านี้ต้องรอที่หน้าลิฟต์ด้านล่างครับ
เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ จะแจ้งให้เราเรียงเอกสารตามลำดับแล้วค่อยเอาไปส่งให้ตรวจสอบ แล้วสักพักก็จะเรียกไปถ่ายรูปเพื่อใช้ใน visa (ถ้าได้นะ) ฉะนั้นแล้วเตรียมตัวไปให้พร้อมครับ จากนั้นก็ไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียม visa แล้วก็รับใบนัดรับpassport คืน เท่านี้ก็เรียบร้อย
แผนการเดินทาง
พอได้ visa แล้ว...ก็ได้เวลาทำแผนการเดินทางจริงจังเพื่อที่ว่าจะได้จองตั๋วรถไฟและตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เท่าที่สามารถจะจองล่วงหน้าได้ เวลาเที่ยวจริงจะได้ไม่ต้องพกเงินสดให้มันเสี่ยงภัย ไปๆ มาๆ เราจะได้เที่ยว Italy มากกว่า Greece ซะงั้น 5555 แผนการท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นแบบนี้ครับ
### สัญลักษณ์ [R] คือ สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ครับ
Day 1 (Nov 30):
- Arrive Athens
- Acropolis
- Temple of Zeus
- Plaka and around
Day 2 (Dec 1):
- Temple of Poseidon
- Evening train to Kalambaka [R]
Day 3 (Dec 2):
- Meteora’s monasteries
- Evening train to Athens [R]
Day 4 (Dec 3):
- Morning flight to Santorini [R]
- Sunset at Oía
Day 5 (Dec 4):
- Walk around Thíra
- Flights to Venice [R]
Day 6 (Dec 5):
- Piazza San Marco
- San Marco Basilica
- Realto Bridge
Day 7 (Dec 6):
- Doge’s Palace Museum
- Venice National Museum
- Murano Island
- Night train to Florence [R]
Day 8 (Dec 7):
- Doumo [R]
- Afternoon train to Pisa [R]
- Vecchio Bridge
- Night train to Rome [R]
Day 9 (Dec 8):
- Palatine Hill [R]
- Roman Forum [R]
- Colosseum [R]
- Fountain of Four Rivers
- Trevi Fountain
- Trastevere
Day 10 (Dec 9):
- Vatican City [R]
- Piazza di Spagna
Day 11 (Dec 10):
- Train to Leonardo da Vinci Airport
- Flights to Bangkok