จาตุรนต์ ชวนคนไทย เทคะแนน ให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย หยุดประยุทธ์ อยู่ต่อ!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1991534
จาตุรนต์ ชวนคนไทย เทคะแนน ให้พรรคฝ่ายหนุน ระบอบประชาธิปไตย หยุดประยุทธ์อยู่ต่อ!
จาตุรนต์ ชวนคนไทย – 22 ธ.ค. ที่ตลาดสดมหาราช จ.กระบี่ นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงการวางแผนสู้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า จับคู่ได้ถูก เรื่องนี้เป็นภารกิจที่สำคัญของ ทษช. เราจะทำให้ได้เสียงเกินครึ่ง เป็นตัวตัดสินว่าประชาธิปไตยสามารถยันฝ่าย คสช.ไว้ได้ ถ้าเราได้เสียงเกิน 251 เสียงไปมากๆ โอกาสตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมี
เวลานี้พรรคการเมืองที่ชัดเจน ว่า จะสนับสนุนพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อก็มีเพียงพรรค พปชร. การเลือกตั้งครั้งนี้สุดท้ายแล้วคือการถามประชาชนว่าจะให้พล.อ.
ประยุทธ์และพวกเป็นรัฐบาลต่อหรือไม่
เรามีจุดยืนชัดเจนว่าจะหยุดการสืบทอดอำนาจ หยุด พล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้เป็นนายกฯ ต่อ ขณะนี้เรามีปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ต้องใช้งานพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จะแก้ได้มากกว่าเพราะให้คนเดิมแก้นั้นแก้ไม่ได้
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่การได้ที่นั่งในสภาฯ ใครเป็นฝ่ายชนะก็ตั้งรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นการแข่งกับพรรคอีกซีกหนึ่งที่เขามี 250 ในกระเป๋า พรรคทษช.ส่งทั้งเขต และ ปาร์ตี้ลิสต์ แต่จะได้แค่ไหนก็พูดยาก แต่เราจะเป็นพรรค ที่ช่วย ชี้ขาดชัยชนะของ พรรคฝ่ายประชาธิปไตย
“ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงมากกว่า 251 เด๊ดล็อกจะเกิดได้น้อย แต่หากเกิดเด๊ดล็อก ฝ่าย คสช.มีอำนาจของเขาอยู่ว่าจะทำอะไรก็ได้ด้วยมาตรา 44 ทางออกคือประชาชนเทคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตย หากพรรค พปชร.เป็นรัฐบาลได้ด้วย ส.ว.แต่ตัวเองเป็นเสียงข้างน้อย เขาจะอยู่ได้ไม่นาน เราจะได้เห็นความเปราะบางของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างมากในสภาฯ “ นายจาตุรนต์ กล่าว
อนาคตใหม่ ลุย เบตง กระตุ้นการค้าชายแดน สร้างงาน ชาวบ้านมีเงินเอง!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1991750
อนาคตใหม่ ลุย เบตง กระตุ้นการค้าชายแดน สร้างงาน ให้ชาวบ้านมีเงินเอง!
เบตง / เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนาคตใหม่ พร้อมคณะ เดินทางไปยัง อ.เบตง จ.ยะลา ร่วมพบปะพูดคุยกับสมาชิกพรรค ประชาชน และผู้ประกอบการใน อ.เบตง เมืองท่องเที่ยวและการค้าชายแดนที่สำคัญในจังหวัดชายแดนใต้
โดยได้ร่วมเดินรณรงค์แนะนำพรรคและหาสมาชิกพรรค ร่วมกับคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จ.ยะลา จากบริเวณปากทางอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ไปจนถึงหน้าตลาดสดอำเภอเบตง พร้อมพูดคุยกับประชาชนถึงปัญหาต่างๆ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากชาวเบตง ที่โรงแรมการ์เด้นวิวเบตง จังหวัดยะลา ท่ามกลางผู้สนใจเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังวิสัยทัศน์ของพรรคเป็นจำนวนมาก
นาย
ธนาธรกล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาที่เบตง รวมถึงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในครั้งนี้ ตนได้สื่อสารปัญหาร่วมกับประชาชน พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่ประชาชนกำลังประสบคือปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น กรณีค่าเงินริงกิตลดลง ทำให้แรงงานไทยส่งเงินกลับมาได้น้อยลง
นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียก็ลดลงเพราะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ปัญหายางพารา ปัญหาการประมง และปัญหาทางเศรษฐกิจอื่นๆ และในกรณีจังหวัดชายแดนใต้ ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาความไม่สงบเป็นการเฉพาะ จากการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งได้งบประมาณปีละกว่า 12,700 ล้านบาท แต่ก็ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหามาตลอด
สร้างงานจากนมแพะ-ยางพารา
นาย
ธนาธร กล่าวอีกว่า ในส่วนของปัญหาเศรษฐกิจเอง พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าปัญหาดังกล่าวจะแก้ไขได้ ก็ด้วยการดึงเอาศักยภาพของท้องถิ่นออกมา ในกรณีจังหวัดชายแดนใต้เอง
ตนเห็นว่ามีทรัพยากรสำคัญของท้องถิ่นอยู่แล้วมากมาย ตัวอย่างเช่นกรณีของแพะ ซึ่งเป็นปศุสัตว์เศรษฐกิจสำคัญในพื้นที่ แต่ที่ผ่านมามีเพียงการส่งออกในรูปวัตถุดิบไปต่างประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศไทยและท้องถิ่นชายแดนใต้ ต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปจำนวนมหาศาล
พรรคอนาคตใหม่จึงขอเสนอนโยบายการทำอุตสาหกรรมการแปรรูปนมแพะอย่างเต็มรูปแบบขึ้นมา ซึ่งสามารถสร้างตำแหน่งงานได้ถึง 4,000 ตำแหน่ง และเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์จากนมแพะได้ถึง 3,800 ล้านบาทต่อปี
ใช้เงินลงทุน 6,800 ล้านบาทภายในเวลา 4 ปี หรือ 1,700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรัฐสามารถนำเอางบประมาณออกมาจากงบประมาณฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ เพียง 13% ต่อปี ก็สามารถทำนโยบายนี้ได้ในทันที
อีกตัวอย่างหนึ่งคือกรณีของยางพารา ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นจำนวนมากออกสู่ตลาดโลก แต่จากข้อเท็จจริงจะพบได้ว่ายางพาราของไทยขาดกระบวนการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่า ทำให้ส่วนแบ่งมูลค่าไปตกอยู่กับคู่ค้าที่มีความสามารถในการแปรรูป โดยเฉพาะมาเลเซีย
ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่ มีแนวคิดที่จะต้องนำยางพารามาสู่การแปรรูปเพื่อความยั่งยืน พรรคอนาคตใหม่เองขอเสนอการนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบของถนน ใช้แทนที่วัตถุดิบเดิมในการซ่อมบำรุงและก่อสร้างถนน ซึ่งที่ผ่านมามีงานวิจัยรองรับแล้ว ว่าถนนที่มียางพาราเป็นส่วนผสมในบางเลเยอร์ สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายที่สุดและทนทานที่สุด
ซึ่งประเทศไทยมีงบประมาณในการซ่อมและสร้างถนนอยู่แล้วจำนวนมหาศาลต่อปี ไม่ต้องจัดสรรงบเพิ่ม เพียงแค่เปลี่ยนส่วนประกอบของวัตถุดิบเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเรากลับคงรูปการซ่อมและสร้างถนนแบบเดิมๆเอาไว้ ไม่ยอมเปลี่ยน ทั้งๆที่มีงานวิจัยที่ยืนยันแล้วว่าคุ้มค่ากว่า ก็เพราะผู้รับเหมารายเดิมจะเสียผลประโยชน์นั่นเอง
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของเบตงเองนั้น เป็นเมืองการค้าชายแดนที่มีลักษณะเฉพาะ มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกถึง 4 พันล้านบาทต่อปี ส่วนเมืองใกล้เคียงอย่างสะเดา มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี
ซึ่งเป็นศักยภาพที่ต้องได้รับการส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมทักษะการประกอบการนำเข้า-ส่งออก การอบรมด้านภาษา รวมทั้งการอำนวยความสะดวก เช่นเวลาการเปิดปิดด่าน ที่ไม่ควรยึดเวลาราชการ แต่ควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดเอง
'เสรีพิศุทธ์' ขยี้โต๊ะจีนพลังประชารัฐ เหน็บระดมทุนเยอะ หวังซื้อเสียง!
https://www.thairath.co.th/content/1452106
"เสรีพิศุทธ์" ขยี้ต่อ!! อัดโต๊ะจีน "พลังประชารัฐ" ระดมทุนทำไม 600 ล้าน ยก กกต.ไฟเขียวพรรคใช้เงินไม่เกิน 60 ล้าน ถามกลับจะเอาไปโกง ซื้อเสียงใช่หรือไม่!
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.61 พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ว่า กกต.ออกระเบียบให้ผู้สมัครใช้เงินได้เพียง 2 ล้านบาท พรรคการเมืองใช้เงินไม่เกิน 70 ล้านบาท แล้วพรรคพลังประชารัฐไปหาทุนทำไมถึง 600 ล้านบาท อยากถามเอาไปทำไม เอาไปซื้อเสียง เอาไปโกงการเลือกตั้งใช่หรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วดูรายชื่อสมาชิกพลังประชารัฐ ก็สามารถรวมเงินกันได้ 70 ล้านบาท ไม่ต้องจัดระดมทุน ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่า คนที่ซื้อโต๊ะของพรรคพลังประชารัฐต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันใช่หรือไม่ อยากถามว่าหากคนพวกนี้เข้าไปบริหารประเทศจะเอาคืนหรือไม่ การกระทำดังกล่าวผิดทั้งระเบียบกฎหมาย ผิดทั้งคุณธรรม จริยธรรม ส่วนประชาชนลำบากยากเข็ญจน แต่ 4 รัฐมนตรีมาปฏิบัติตัวเช่นนี้มันน่าละอาย
'วีระ' จี้ 2 พรรค โชว์รายชื่อซื้อโต๊ะจีน ถาม 'องอาจ-นิกร' ใช้เงินพรรคซื้อหรือเงินส่วนตัว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1284352
เมื่อวันที่ 22 ธันวานาย
วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่โต๊ะจีนราคาโต๊ะละ 1 ล้านบาท และการจัดงานระดมทุนหาเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งราคาโต๊ะจีน ราคาโต๊ะละ 3 ล้าน หาก 2 พรรคการเมืองนี้มีความสุจริตใจในการระดมทุนเข้าพรรค ต้องนำรายชื่อบุคคลที่ซื้อโต๊ะจีนออกมาโชว์ได้ทันที ไม่ใช่ปิดปากเงียบ เพราะกฎหมายระบุว่าการบริจาคเงินเกิน 1 แสนควรทำอย่างไรบ้าง หากแสดงหลักฐานล่าช้าหรือมีความพยายามจะประวิงเวลา ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เกี่ยวข้องอาจจะหาวิธีการสร้างหลักฐานเท็จปั้นตัวเลขและรายชื่อตัวบุคคลเพื่อไม่ให้เข้าข่ายความผิดตามข้อกฎหมายหรือไม่ นอกจากนั้นกรณีหลักฐานการจัดแผนผังโต๊ะจีนหลุดมาถึงสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ จึงเป็นที่มาของการปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องของหลายหน่วยงาน หากไม่ตรงตามข้อเท็จจริงผู้จัดงานจะระบุชื่อแต่ละหน่วยงานได้อย่างไร ถ้าไม่มั่นใจจะเขียนคำว่าคลังหรือไม่ หรือคำว่าหัวหน้าพรรค 4 โต๊ะ หรือของเลขาพรรคหรือไม่
“ดังนั้น การระบุผู้จองต้องหมายถึงพรรคจะต้องมีหลักฐานชัดเจนแล้ว เนื่องจากมีผู้ร่วมงานเต็มทุกโต๊ะ ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการบริจาคก่อน แล้วเลี้ยงขอบคุณในภายหลังคงไม่มีเหตุผลเพียงพอ แสดงว่าการจัดเลี้ยงดังกล่าวก็เป็นเพียงปาหี่นะซิ ดังนั้น ป.ป.ช.และกกต. ต้องหาไปรายชื่อว่าบุคคลที่เข้าร่วมมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกี่ราย ข้าราชการเอาเงินตัวเองซื้อโต๊ะ หรือใครออกให้ ถ้าซื้อจริง ข้าราชการเหล่านั้นเอาเงินมาจากไหน ร่ำรวยผิดปกติกันนักหรือ หากเป็นปลัดกระทรวงเงินเดือน 1 แสนบาท ถามว่ากล้าควักเงินซื้อโต๊ะในราคาที่พรรคระดมทุนหรือไม่ ส่วน กกต.ที่แจ้งให้ 2 พรรคนำรายชื่อผู้ซื้อโต๊ะชี้แจงภายใน 30 วัน ขณะที่กฎหมายระบุว่า กกต.ไม่ต้องรอให้ใครมายื่นเรื่องร้องเรียน เพราะสามารถตรวจสอบได้ทันที ดังนั้น กกต.ก็ไม่ควรจะรอให้ผู้ถูกกล่าวหาไปทำหลักฐานที่อาจจะไม่ตรงกับความจริงมาประเคนให้” นาย
วีระกล่าว
นาย
วีระกล่าวอีกว่า ส่วนตัวขอถามนาย
องอาจ คล้ามไพบูลย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ นาย
นิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา เอาเงินพรรคมาซื้อโต๊ะ หรือใช้เงินส่วนตัว ถ้าใช้เงินพรรคมาซื้อ มีที่มาอย่างไร กรรมการบริหารพรรคนั้นๆ รู้เห็นด้วยหรือไม่ ที่สำคัญพรรคการเมืองที่กำลังแข่งขันกันในสนามการเลือกตั้ง สามารถไปช่วยระดมทุนให้พรรคอื่นได้หรือไม่ อย่างนี้เข้าข่ายฮั้วกันในทางการเมืองตั้งแต่ต้นหรือไม่
JJNY : 5in1 จาตุรนต์ชวนเทคะแนนให้ฝ่ายปชต./อนค.ลุยเบตง/เสรีพิศุทธ์ขยี้โต๊ะจีน/วีระจี้โชว์รายชื่อซื้อโต๊ะจีน/กกต.ทำมึน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1991534
จาตุรนต์ ชวนคนไทย – 22 ธ.ค. ที่ตลาดสดมหาราช จ.กระบี่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงการวางแผนสู้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า จับคู่ได้ถูก เรื่องนี้เป็นภารกิจที่สำคัญของ ทษช. เราจะทำให้ได้เสียงเกินครึ่ง เป็นตัวตัดสินว่าประชาธิปไตยสามารถยันฝ่าย คสช.ไว้ได้ ถ้าเราได้เสียงเกิน 251 เสียงไปมากๆ โอกาสตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมี
เวลานี้พรรคการเมืองที่ชัดเจน ว่า จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อก็มีเพียงพรรค พปชร. การเลือกตั้งครั้งนี้สุดท้ายแล้วคือการถามประชาชนว่าจะให้พล.อ.ประยุทธ์และพวกเป็นรัฐบาลต่อหรือไม่
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่การได้ที่นั่งในสภาฯ ใครเป็นฝ่ายชนะก็ตั้งรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นการแข่งกับพรรคอีกซีกหนึ่งที่เขามี 250 ในกระเป๋า พรรคทษช.ส่งทั้งเขต และ ปาร์ตี้ลิสต์ แต่จะได้แค่ไหนก็พูดยาก แต่เราจะเป็นพรรค ที่ช่วย ชี้ขาดชัยชนะของ พรรคฝ่ายประชาธิปไตย
อนาคตใหม่ ลุย เบตง กระตุ้นการค้าชายแดน สร้างงาน ชาวบ้านมีเงินเอง!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1991750
อนาคตใหม่ ลุย เบตง กระตุ้นการค้าชายแดน สร้างงาน ให้ชาวบ้านมีเงินเอง!
เบตง / เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนาคตใหม่ พร้อมคณะ เดินทางไปยัง อ.เบตง จ.ยะลา ร่วมพบปะพูดคุยกับสมาชิกพรรค ประชาชน และผู้ประกอบการใน อ.เบตง เมืองท่องเที่ยวและการค้าชายแดนที่สำคัญในจังหวัดชายแดนใต้
โดยได้ร่วมเดินรณรงค์แนะนำพรรคและหาสมาชิกพรรค ร่วมกับคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จ.ยะลา จากบริเวณปากทางอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ไปจนถึงหน้าตลาดสดอำเภอเบตง พร้อมพูดคุยกับประชาชนถึงปัญหาต่างๆ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากชาวเบตง ที่โรงแรมการ์เด้นวิวเบตง จังหวัดยะลา ท่ามกลางผู้สนใจเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังวิสัยทัศน์ของพรรคเป็นจำนวนมาก
นายธนาธรกล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาที่เบตง รวมถึงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในครั้งนี้ ตนได้สื่อสารปัญหาร่วมกับประชาชน พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่ประชาชนกำลังประสบคือปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น กรณีค่าเงินริงกิตลดลง ทำให้แรงงานไทยส่งเงินกลับมาได้น้อยลง
นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียก็ลดลงเพราะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ปัญหายางพารา ปัญหาการประมง และปัญหาทางเศรษฐกิจอื่นๆ และในกรณีจังหวัดชายแดนใต้ ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาความไม่สงบเป็นการเฉพาะ จากการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งได้งบประมาณปีละกว่า 12,700 ล้านบาท แต่ก็ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหามาตลอด
สร้างงานจากนมแพะ-ยางพารา
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ในส่วนของปัญหาเศรษฐกิจเอง พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าปัญหาดังกล่าวจะแก้ไขได้ ก็ด้วยการดึงเอาศักยภาพของท้องถิ่นออกมา ในกรณีจังหวัดชายแดนใต้เอง
ตนเห็นว่ามีทรัพยากรสำคัญของท้องถิ่นอยู่แล้วมากมาย ตัวอย่างเช่นกรณีของแพะ ซึ่งเป็นปศุสัตว์เศรษฐกิจสำคัญในพื้นที่ แต่ที่ผ่านมามีเพียงการส่งออกในรูปวัตถุดิบไปต่างประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศไทยและท้องถิ่นชายแดนใต้ ต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปจำนวนมหาศาล
พรรคอนาคตใหม่จึงขอเสนอนโยบายการทำอุตสาหกรรมการแปรรูปนมแพะอย่างเต็มรูปแบบขึ้นมา ซึ่งสามารถสร้างตำแหน่งงานได้ถึง 4,000 ตำแหน่ง และเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์จากนมแพะได้ถึง 3,800 ล้านบาทต่อปี
ใช้เงินลงทุน 6,800 ล้านบาทภายในเวลา 4 ปี หรือ 1,700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรัฐสามารถนำเอางบประมาณออกมาจากงบประมาณฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ เพียง 13% ต่อปี ก็สามารถทำนโยบายนี้ได้ในทันที
อีกตัวอย่างหนึ่งคือกรณีของยางพารา ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นจำนวนมากออกสู่ตลาดโลก แต่จากข้อเท็จจริงจะพบได้ว่ายางพาราของไทยขาดกระบวนการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่า ทำให้ส่วนแบ่งมูลค่าไปตกอยู่กับคู่ค้าที่มีความสามารถในการแปรรูป โดยเฉพาะมาเลเซีย
ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่ มีแนวคิดที่จะต้องนำยางพารามาสู่การแปรรูปเพื่อความยั่งยืน พรรคอนาคตใหม่เองขอเสนอการนำยางพารามาเป็นส่วนประกอบของถนน ใช้แทนที่วัตถุดิบเดิมในการซ่อมบำรุงและก่อสร้างถนน ซึ่งที่ผ่านมามีงานวิจัยรองรับแล้ว ว่าถนนที่มียางพาราเป็นส่วนผสมในบางเลเยอร์ สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายที่สุดและทนทานที่สุด
ซึ่งประเทศไทยมีงบประมาณในการซ่อมและสร้างถนนอยู่แล้วจำนวนมหาศาลต่อปี ไม่ต้องจัดสรรงบเพิ่ม เพียงแค่เปลี่ยนส่วนประกอบของวัตถุดิบเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเรากลับคงรูปการซ่อมและสร้างถนนแบบเดิมๆเอาไว้ ไม่ยอมเปลี่ยน ทั้งๆที่มีงานวิจัยที่ยืนยันแล้วว่าคุ้มค่ากว่า ก็เพราะผู้รับเหมารายเดิมจะเสียผลประโยชน์นั่นเอง
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของเบตงเองนั้น เป็นเมืองการค้าชายแดนที่มีลักษณะเฉพาะ มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกถึง 4 พันล้านบาทต่อปี ส่วนเมืองใกล้เคียงอย่างสะเดา มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี
ซึ่งเป็นศักยภาพที่ต้องได้รับการส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมทักษะการประกอบการนำเข้า-ส่งออก การอบรมด้านภาษา รวมทั้งการอำนวยความสะดวก เช่นเวลาการเปิดปิดด่าน ที่ไม่ควรยึดเวลาราชการ แต่ควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดเอง
'เสรีพิศุทธ์' ขยี้โต๊ะจีนพลังประชารัฐ เหน็บระดมทุนเยอะ หวังซื้อเสียง!
https://www.thairath.co.th/content/1452106
"เสรีพิศุทธ์" ขยี้ต่อ!! อัดโต๊ะจีน "พลังประชารัฐ" ระดมทุนทำไม 600 ล้าน ยก กกต.ไฟเขียวพรรคใช้เงินไม่เกิน 60 ล้าน ถามกลับจะเอาไปโกง ซื้อเสียงใช่หรือไม่!
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.61 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ว่า กกต.ออกระเบียบให้ผู้สมัครใช้เงินได้เพียง 2 ล้านบาท พรรคการเมืองใช้เงินไม่เกิน 70 ล้านบาท แล้วพรรคพลังประชารัฐไปหาทุนทำไมถึง 600 ล้านบาท อยากถามเอาไปทำไม เอาไปซื้อเสียง เอาไปโกงการเลือกตั้งใช่หรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วดูรายชื่อสมาชิกพลังประชารัฐ ก็สามารถรวมเงินกันได้ 70 ล้านบาท ไม่ต้องจัดระดมทุน ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่า คนที่ซื้อโต๊ะของพรรคพลังประชารัฐต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันใช่หรือไม่ อยากถามว่าหากคนพวกนี้เข้าไปบริหารประเทศจะเอาคืนหรือไม่ การกระทำดังกล่าวผิดทั้งระเบียบกฎหมาย ผิดทั้งคุณธรรม จริยธรรม ส่วนประชาชนลำบากยากเข็ญจน แต่ 4 รัฐมนตรีมาปฏิบัติตัวเช่นนี้มันน่าละอาย
'วีระ' จี้ 2 พรรค โชว์รายชื่อซื้อโต๊ะจีน ถาม 'องอาจ-นิกร' ใช้เงินพรรคซื้อหรือเงินส่วนตัว
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1284352
เมื่อวันที่ 22 ธันวานายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่โต๊ะจีนราคาโต๊ะละ 1 ล้านบาท และการจัดงานระดมทุนหาเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งราคาโต๊ะจีน ราคาโต๊ะละ 3 ล้าน หาก 2 พรรคการเมืองนี้มีความสุจริตใจในการระดมทุนเข้าพรรค ต้องนำรายชื่อบุคคลที่ซื้อโต๊ะจีนออกมาโชว์ได้ทันที ไม่ใช่ปิดปากเงียบ เพราะกฎหมายระบุว่าการบริจาคเงินเกิน 1 แสนควรทำอย่างไรบ้าง หากแสดงหลักฐานล่าช้าหรือมีความพยายามจะประวิงเวลา ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เกี่ยวข้องอาจจะหาวิธีการสร้างหลักฐานเท็จปั้นตัวเลขและรายชื่อตัวบุคคลเพื่อไม่ให้เข้าข่ายความผิดตามข้อกฎหมายหรือไม่ นอกจากนั้นกรณีหลักฐานการจัดแผนผังโต๊ะจีนหลุดมาถึงสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ จึงเป็นที่มาของการปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องของหลายหน่วยงาน หากไม่ตรงตามข้อเท็จจริงผู้จัดงานจะระบุชื่อแต่ละหน่วยงานได้อย่างไร ถ้าไม่มั่นใจจะเขียนคำว่าคลังหรือไม่ หรือคำว่าหัวหน้าพรรค 4 โต๊ะ หรือของเลขาพรรคหรือไม่
“ดังนั้น การระบุผู้จองต้องหมายถึงพรรคจะต้องมีหลักฐานชัดเจนแล้ว เนื่องจากมีผู้ร่วมงานเต็มทุกโต๊ะ ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการบริจาคก่อน แล้วเลี้ยงขอบคุณในภายหลังคงไม่มีเหตุผลเพียงพอ แสดงว่าการจัดเลี้ยงดังกล่าวก็เป็นเพียงปาหี่นะซิ ดังนั้น ป.ป.ช.และกกต. ต้องหาไปรายชื่อว่าบุคคลที่เข้าร่วมมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกี่ราย ข้าราชการเอาเงินตัวเองซื้อโต๊ะ หรือใครออกให้ ถ้าซื้อจริง ข้าราชการเหล่านั้นเอาเงินมาจากไหน ร่ำรวยผิดปกติกันนักหรือ หากเป็นปลัดกระทรวงเงินเดือน 1 แสนบาท ถามว่ากล้าควักเงินซื้อโต๊ะในราคาที่พรรคระดมทุนหรือไม่ ส่วน กกต.ที่แจ้งให้ 2 พรรคนำรายชื่อผู้ซื้อโต๊ะชี้แจงภายใน 30 วัน ขณะที่กฎหมายระบุว่า กกต.ไม่ต้องรอให้ใครมายื่นเรื่องร้องเรียน เพราะสามารถตรวจสอบได้ทันที ดังนั้น กกต.ก็ไม่ควรจะรอให้ผู้ถูกกล่าวหาไปทำหลักฐานที่อาจจะไม่ตรงกับความจริงมาประเคนให้” นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวอีกว่า ส่วนตัวขอถามนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา เอาเงินพรรคมาซื้อโต๊ะ หรือใช้เงินส่วนตัว ถ้าใช้เงินพรรคมาซื้อ มีที่มาอย่างไร กรรมการบริหารพรรคนั้นๆ รู้เห็นด้วยหรือไม่ ที่สำคัญพรรคการเมืองที่กำลังแข่งขันกันในสนามการเลือกตั้ง สามารถไปช่วยระดมทุนให้พรรคอื่นได้หรือไม่ อย่างนี้เข้าข่ายฮั้วกันในทางการเมืองตั้งแต่ต้นหรือไม่