ทำไม!! : โชเซ มูรินโญ ถึงล้มเหลวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?


ข่าวการไล่มูรินโญออกจากการเป็นผู้จัดการทมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการฟุตบอล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกกว่าที่เขาไม่ได้โดนไล่ออกก่อนหน้านี้ มันควรเกิดเมื่อ 2-3 เดือนก่อนด้วยซ้ำ ตอนที่ถูกทีมนิวคาสเซิลขึ้นนำไป 2-0 แต่ยังดีที่ทีมสามารถพลิกกลับมาชนะได้ด้วยคะแนน 3-2

แต่เราอาจไม่จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดของเกมฟุตบอล ชีวิตขาขึ้นและลงของมูรินโญ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเรื่องราวชะตากรรมมนุษย์อันแสนคลาสสิก

ช่างบังเอิญที่วันนี้มีการเผยแพร่งานวิจัยที่พูดถึงพล็อตหนัง 6 ประเภทในภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลออสการ์ เช่น เรื่องแนวอิคารัส (Icarus) ที่ชีวิตขึ้นสูงก่อนจะร่วงลงมา หรือ แนวซินเดอเรลลา ที่ชะตาชีวิต ขึ้น ลง และก็ขึ้น

ภาพยนตร์ที่มีมูรินโญเป็นตัวแสดงเอกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนั้นเริ่มต้นด้วยชะตาที่ตกลง ตามด้วยขึ้น ก่อนที่จะร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

ไม่เหมือนเฟอร์กูสัน

การคุมทีมต่าง ๆ ของมูรินโญแบ่งได้เป็น 3 ตอน คือ ฤดูกาลแรกเป็นการสร้างรากฐานเพื่อความสำเร็จ ฤดูกาลที่สองเป็นการคว้าความสำเร็จ ตามด้วยฤดูกาลที่สามที่เขาลงเอยด้วยการทะเลาะกับทุกคนและออกจากทีมไปด้วยความเกลียดชัง

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมเชลซี, อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด แต่กับแมนยูฯ เขาไม่ได้มีฤดูกาลที่ 2 แห่งความสำเร็จ จากช่วงการสร้างรากฐานเพื่อความสำเร็จ เขาข้ามขั้นตรงดิ่งไปสู่ความล้มเหลวในทันที

จะบอกว่าล้มเหลวเลยก็อาจไม่ยุติธรรมนัก แมนยูฯ คว้าถ้วยยูฟา ยูโรปา ลีก ได้ภายใต้การคุมทีมของมูรินโญในฤดูกาลแรก และเป็นความสำเร็จท่ามกลางอารมณ์โศกเศร้าจากเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ด้วย

แต่แมนยู ฯ จบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับ 6 ในพรีเมียร์ลีก ทีมจบเกมด้วยการเสมอหลายต่อหลายครั้ง และสไตล์การเล่นก็เน้นแต่การตั้งรับ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลซึ่งมาจากยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุ้นเคย ซึ่งเป็นสไตล์ฟุตบอลที่เปิดเกมรุกอย่างห้าวหาญ

ภายใต้การคุมทีมของมูรินโญ แมนยู ฯ เล่นอย่างตื่นกลัวเอาแต่ตั้งรับ นักเตะเองก็ไร้กำลังใจ และแฟนบอลก็ไม่ส่งเสียงเชียร์เลย


ชิงดีชิงเด่นกับกวาร์ดิโอลา

มูรินโญได้รับเวลาพอสมควรในการพิสูจน์ตัวเองด้วยเหตุผล 2 ประการ หนึ่ง เขาต้องใช้เวลาสร้างทีมขึ้นใหม่หลังจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของเดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล

สอง ผู้คนต่างคิดว่านี่คือมูรินโญนะ เขาต้องทำสำเร็จได้ในที่สุด

แต่นี่คือแมนยู ฯ และทีมนี้เล่นในสไตล์ที่ไม่เหมือนกับทีมปอร์โต, เชลซี หรืออินเตอร์ มิลาน ที่มูรินโญเคยคุมมา

แฟน ๆ แมนยู ฯ ไม่พอใจเขาด้วยเหตุผลหลัก ๆ 2 ข้อ ด้วยกัน

หนึ่ง อีกฟากหนึ่งของเมือง เปป กวาร์ดิโอลา คุมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี ให้เล่นด้วยทักษะและความกล้าแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแมนยู ฯ ในฤดูกาลที่ 2 ที่มูรินโญคุมทีม เขาพาแมนยูฯ จบด้วยอันดับที่ 2 แต่ตามหลังแมนเชสเตอร์ซิตีถึง 19 คะแนน

นี่น่าจะทำให้มูรินโญเจ็บช้ำมาก เขาถูกกวาร์ดิโอลาบดบัง และกลายเป็นผู้จัดการหมายเลขหนึ่งที่ทีมทั่วโลกอยากได้ตัว

ในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษ 2000 มูรินโญประสบความสำเร็จกับปอร์โต, เชลซี และขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยกันชนะยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับอินเตอร์ มิลาน ในปี 2010

จากนั้นเขาก็ย้ายไปเรอัล มาดริด และได้แชมป์ลาลีกา ลีกสูงสุดของสเปน แต่ก็ไปพ่ายแพ้ทีมบาร์เซโลนาภายใต้การคุมทีมของกวาร์ดิโอลา ในรอบรองชนะเลิศถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกถึง 2 ครั้ง

ความอ่อนโยนเป็นมิตรของกวาร์ดิโอลา เป็นภาพที่ขัดกันกับความหุนหันใส่อารมณ์กับสื่อของมูรินโญ

ว่ากันว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มูรินโญต้องการให้คนมองเขาว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุด และนั่นเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำงานของเขา

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อกวาร์ดิโอลาผงาดขึ้น และนั่นทำมูรินโญคับแค้นใจ และการต้องเห็นกวาร์ดิโอพาทีมในเมืองเดียวกันแซงหน้าเขาก็คงจะไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่

ประเด็นนี้เชื่อมโยงกับปัจจัยที่สองที่ทำให้เขาล้มเหลว กล่าวคือ มูรินโญต้องการให้ตัวเองเป็นจุดสนใจของทุกอย่าง


ตำหนินักเตะตัวเอง

ทัศนคติของมูรินโญเวลาแถลงข่าวเหมือนกับการเล่นของแมนยูฯ ที่คอยตั้งรับการบุก แต่ที่เพิ่มเติมเข้าไปคือความโมโหฉุนเฉียว

ตอนที่เขามาอังกฤษแรก ๆ เขาชอบความสนใจที่ได้รับจากสื่อ และสื่อก็ชอบเขา แต่ในการแถลงข่าวในเวลาต่อมา เขาจะคอยตั้งรับ และบางครั้งก็ตำหนิผู้ที่ถามคำถามเขาด้วย มีครั้งหนึ่งที่เขาเดินออกจากห้องไปเลยหลังจากการแถลงข่าวเริ่มไปได้แค่นาทีเดียว ทีมประชาสัมพันธ์ของทีมแมนยูฯ เองถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะแก้สถานการณ์อย่างไร

ที่แย่ไปกว่านั้น เขามักใช้การแถลงข่าวเป็นโอกาสในการวิพากษ์วิจารณ์นักเตะของตัวเองด้วย

นั่นเป็นลูกเล่นที่มีความเสี่ยงสูง มันอาจจะได้ผลกับนักเตะมากพรสวรรค์ที่อาจจะไม่พยายามอย่างเต็มที่ และการถูกวิจารณ์ทางสาธารณะอาจจะช่วยกระตุ้นได้

แต่เขาใจร้ายที่วิจารณ์นักเตะอย่าง ลุค ชอว์ ซึ่งในขณะนั้นกำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ขาและพยายามจะกลับมาฟิตเหมือนเดิม


ดาวเด่นที่ดับแสง

ดูเหมือนความสัมพันธ์กับนักเตะคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดีเช่นกัน ในฤดูกาลนี้ มูรินโญเปลี่ยนไปโกรธเกรี้ยวกับพอล ป็อกบา แทน แม้ว่าป็อกบา ซึ่งในครั้งหนึ่งเป็นนักเตะที่มีราคาแพงที่สุดในโลก จะทำผลงานได้ดีเยี่ยมกับทีมชาติฝรั่งเศส แต่เขากลับเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งกับทีมแมนยู ฯ

นักเตะอย่างป็อกบาดีพอที่จะคว้าแชมป์โลกให้ทีมชาติฝรั่งเศส แต่ไม่ดีพอสำหรับทีมสโมสรแมนยูฯ หรือ มันดูแล้วเหมือนความจงใจของมูรินโญ เพราะว่านักเตะที่เขาเลือกมาลงเล่นแทนก็ไม่ได้ทำผลงานดีไปกว่าป็อกบาเท่าไร

ทีมแมนยูฯ ซื้อตัวเฟร็ด หรือ เฟรดริโก โฮดริเกส จิเปาลา ซานตุส นักเตะบราซิล มาในราคา 52 ล้านปอนด์ อเล็กซิส ซานเชส ซึ่งถูกซื้อตัวมาจากอาร์เซนอลและเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยแพงที่สุดในลีก ก็เล่นไม่ดี นักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในลีกสามคนอย่าง ซานเชส, ป็อกบา และลูกากู อยู่ทีมแมนยู ฯ ทั้งหมด แต่มูรินโญไม่สามารถดึงความสามารถที่ดีสุดออกมาจากพวกเขาได้


และการพ่ายแพ้ลิเวอร์พูล 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ส่งสัญญาณของจุดจบ

อดีตกัปตันทีมแมนยู ฯ รอย คีน ได้สรุปสถานการณ์ของทีมของเขาเอาไว้ว่า : "หากคุณเดินทางกลับมาจากดวงจันทร์ในวันนี้ และลองมองดูทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คุณก็จะคิดขึ้นมาว่า พวกเขาก็แค่ทีมในพรีเมียร์ลีกธรรมดา ๆ ทีมหนึ่ง"

คณะกรรมการบริหารทีมแมนยูฯ ตัดสินใจไล่มูรินโญออกในช่วงการซื้อขายนักเตะกำลังจะมาถึงในเดือน ม.ค. พวกเขาตัดสินใจเช่นนั้นด้วยความรู้สึกว่า ต้องไม่มีบุคคลคนไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าทีม พวกเขารู้สึกว่าผู้จัดการคนใหม่ต้องเป็นคนที่เข้าใจหลักการของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำเกมบุก

แต่การเปิดเกมรุกไม่ใช่สิ่งที่ทีมฟุตบอลในแบบของมูรินโญทำ และนี่อาจจะเหมือนกับการติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่คุณไม่ต้องการ แต่คุณก็คบกับแฟนมานานเกินไปกว่าที่จะถอนตัว

https://www.bbc.com/thai/international-46612052

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่