มินจีเผยเรื่องราวภาวะซึมเศร้า และเหตุผลที่ตัดสินใจออกจาก 2NE1 กับ Billboard
" ฉันไม่รู้ว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไร ฉันอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ต้องถูกควบคุมมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยได้เรียนรู้การเข้าสังคม ไม่มีวัยเด็ก ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ฉันแค่ต้องฝึกฝนและทุกคนก็โตกว่าฉันกันหมด
ผู้คนในอินเตอร์เน็ตวิพากษ์วิจารณ์ความจริงที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเราเป็นวงที่ไม่สวยที่สุด เป็นวงที่น่าเกลียด ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร ก็เลยเก็บมันเอาไว้ มันยากลำบากมาก (ในฐานะเป็นวง) เราทำเป็นไม่สนใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร พยายามลืมๆ มันไป แต่จริงๆ ก็ลืมมันไปไม่ได้ มันยากมาก ฉันพยายามตามคนอื่นๆ ในวงที่เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วให้ทัน แต่พอลุกขึ้นมาสู้กับวงอื่นๆ ที่ดูเหมือนกับนางแบบด้วยการทำสิ่งที่แตกต่างออกไป มันเยี่ยมไปเลย แต่มันเป็นอะไรที่แตกต่าง จัดการมันด้วยหนทางที่ต่างออกไป
ฉันขึ้นแสดงบนเวที ทุกคนต่างให้การสนับสนุนและรักฉัน แต่พอจบการแสดงแล้ว ฉันรู้สึกว่างเปล่าในตอนที่อยู่ที่โรงแรม รู้สึกถึงชีวิตอยู่แค่ตอนที่อยู่บนเวที ฉันไม่รู้ว่าชีวิตของฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่แน่ใจว่าชีวิตมันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเป็นคนทำการแสดง หรือแค่อยู่คนเดียว มันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันอยู่ แต่ฉันไม่มีเวลาเลยที่จะนึกถึงการหาสมดุลย์ของทั้งการอยู่บนเวทีหรือการอยู่คนเดียว
ก่อนโปรโมท ‘I Am the Best’ เป็นช่วงที่กำลังเริ่มทำงานโซโล่เดี่ยว มีการวางแผนอัดเสียง วางตารางงานต่างๆ แต่ความสนใจที่จะทำงานโซโล่ของฉันให้เสร็จได้มันยังมีไม่พอ มันเป็นรูปแบบการจัดการของบริษัทที่ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างในมือ พวกเขาเลื่อนมันออกไปเรื่อยๆ มันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่คุณจะไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย
ช่วงที่หยุดพักกิจกรรมวงนานๆ เรากลายเป็นคนที่อยู่แต่บ้าน แค่ได้ดูทีวีก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว ความทรงจำเหล่านั้นอย่างน้อยๆ สำหรับฉันมันเป็นอะไรที่อบอุ่นมาก บางทีคงเป็นเพราะฉันยังเด็ก? แต่โลกใบนี้ค่อนข้างเป็นที่ๆ แปลกออกไปสำหรับฉัน ความทรงจำเหล่านั้นมันอยู่ในใจของฉัน ความรู้สึกเป็นครอบครัวสำคัญกับฉันมากกว่าการมีชื่อเสียง แต่มันก็ใช้เวลาอยู่นาน นานมากขึ้นอีกที่จะปล่อยอัลบั้มของเราออกมา เราได้มาเจอกันแค่เวลาวางแผนงานเรื่องอัลบั้ม พอทุกคนต่างเริ่มทำงานในส่วนของตัวเอง ฉันเลยมีเวลาอยู่กับพวกเขาน้อยมาก
ในเกาหลีใต้ การที่ป่วยด้วยเรื่องทางจิตใจจะถูกมองว่า ‘เลิกเศร้า’ มันไม่ได้รับการตระหนักรู้จริงๆ ในฐานะที่ฉันเด็กที่สุด พี่เท็ดดี้จะพยายามให้กำลังใจฉัน บอกกับฉันว่า ‘ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเศร้า ต้องดิ้นรนต่อสู้กับความซึมเศร้าของเธอเองนะ แต่เมื่อเธอเชื่อในพระเจ้า เธอจะผ่านมันไปได้’ ฉันมีความทรงจำที่ดีกับเขา ฉันรู้สึกขอบคุณพี่เท็ดดี้ และเห็นเขาเป็นคนดีๆ ในชีวิตของฉันที่คอยเตือนให้ฉันอยู่ต่อไปแม้ว่าภาวะซึมเศร้าจะเป็นอะไรที่เลวร้าย
ฉันต้องดิ้นรนต่อสู้กับมันมากๆ ในช่วง 16-17 โดยที่ไม่มีใครรับรู้ มันเป็นจุดที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงผู้คน พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันกำลังต่อสู้กับมันอยู่ ฉันแค่อยู่อย่างโดดเดี่ยว ตอนที่ฉันอายุ 17-18 ฉันได้พบกับพระเจ้า พบกับความเชื่อของตัวเอง มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของฉัน ผู้คนที่มีความเชื่อและมีกำลังใจเหมือนกันได้เข้ามาในชีวิตของฉัน เราสามารถจะพูดอะไรออกมาได้อย่างกล้าหาญมากสู่ชีวิตของฉัน มันไม่ใช่อะไรแค่ ‘เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นนะ’ แต่มันคือ ‘เราเข้าใจว่ามันคือการดิ้นรนต่อสู้กับมัน ไม่เป็นไรหรอกที่จะต้องดิ้นรน ไม่เป็นไรหรอกที่จะรู้สึกแย่ แต่ให้คิดถึงมัน จัดการกับมันและจงมีความเชื่อมั่น’
ฉันต้องการเวลาที่จะจัดการกับภาวะซึมเศร้าของตัวเอง ต้องการที่จะหาหนทางของตัวเอง ต้องการตัดสินใจว่าอะไรที่ฉันอยากจะทำจริงๆ บ้าง มันเป็นอะไรที่ฉันทำอยู่นานมาก แต่มันก็ยากที่รักษาเอาไว้ ฉันต้องออกตามหาทิศทางของตัวเอง และหนทางเดียวที่มีก็คือการออกจากวง และสู้เพื่อความปรารถนาของตัวเอง ฉันนึกสงสัยว่า ‘ชีวิตของฉันคืออะไร?’
การออกจาก 2NE1 ไม่ได้เป็นการจากไป แยกวงไปเลย มันคือการที่ฉันต้องสู้เพื่อตัวเอง อนาคตของฉันเอง และสิ่งที่ฉันต้องการ ในที่สุดฉันก็ได้เลือกอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ฉันรู้สึกกดดัน ต้องแบกรับภาระ แต่ก็เป็นการแบกรับที่ดี
ฉันอยากจะช่วยเหลือคนที่กำลังต่อสู้อยู่ในฐานะคนที่ดิ้นรนต่อสู้ ก้าวผ่านมันมา และควบคุมมันด้วยจิตด้วยใจของตัวเอง ฉันอยากจะแบ่งปันความรักที่ฉันรู้สึกได้จากความเชื่อมั่นของฉัน และอยากให้พวกเขารับรู้ได้จากเพลงของฉันเช่นกัน ให้พวกเขาได้รู้สึกว่าได้รับความรัก และมีความรักอยู่สำหรับพวกเขา
การจากไปของคุณคิมจงฮยอน SHINee ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองคนเก่า ฉันเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากจะหลีกหนีไป ฉันอยากให้วัยรุ่น และไอดอลใหม่ๆ รู้ว่าการประสบความสำเร็จในโลกของไอดอลไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าสิ่งที่คุณต้องการจะอยู่กับมันในฐานะคนๆ หนึ่ง
เมื่อฉันได้มาเป็นตัวเอง ฉันก็ได้กลายเป็นอีกคนที่ต่างออกไป ฉันผ่านมันมาแล้ว พอคิดถึงตัวเองคนเก่าอีกครั้ง ฉันก็อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้น "
แปลโดย : The2NE1Hour
ที่มา :
https://www.billboard.com/articles/columns/k-town/8490927/minzy-interview-opens-up-about-depression-suicidal-thoughts-why-she-left-2ne1?fbclid=IwAR0H896JvRJ6Wy4XlrCLZSAogK-_MAQ8X3YnjYb55oM4-TibN1slmm1vuO4
ที่มา :
https://www.facebook.com/the2NE1hour/photos/a.492567844125063/1927692130612620/?type=3&theater
ประโยคที่พูดว่า " การจากไปของคุณคิมจงฮยอน SHINee ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองคนเก่า ฉันเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากจะหลีกหนีไป ฉันอยากให้วัยรุ่น และไอดอลใหม่ๆ รู้ว่าการประสบความสำเร็จในโลกของไอดอลไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าสิ่งที่คุณต้องการจะอยู่กับมันในฐานะคนๆหนึ่ง เมื่อฉันได้มาเป็นตัวเอง ฉันก็ได้กลายเป็นอีกคนที่ต่างออกไป ฉันผ่านมันมาแล้ว พอคิดถึงตัวเองคนเก่าอีกครั้ง ฉันก็อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้น " อ่านแล้วรู้สึกจุกหน่วงไปพักนึง คนเราจะต้องรู้สึกแย่ขนาดไหน จะลำบากขนาดไหนจนกว่าจะก้าวข้ามจุดๆนั้นมาให้ได้และเอารอยยิ้มตัวเองกลับมาอีกครั้ง
สุดท้ายนี้ใครยังไม่ได้ดูเพลงใหม่อย่าลืมเข้าไปดูกันด้วยนะจ๊ะ
มินจีเผยเรื่องราวภาวะซึมเศร้าและเหตุผลที่ตัดสินใจออกจาก 2NE1 กับ Billboard
" ฉันไม่รู้ว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไร ฉันอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ต้องถูกควบคุมมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยได้เรียนรู้การเข้าสังคม ไม่มีวัยเด็ก ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ฉันแค่ต้องฝึกฝนและทุกคนก็โตกว่าฉันกันหมด
ผู้คนในอินเตอร์เน็ตวิพากษ์วิจารณ์ความจริงที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเราเป็นวงที่ไม่สวยที่สุด เป็นวงที่น่าเกลียด ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร ก็เลยเก็บมันเอาไว้ มันยากลำบากมาก (ในฐานะเป็นวง) เราทำเป็นไม่สนใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร พยายามลืมๆ มันไป แต่จริงๆ ก็ลืมมันไปไม่ได้ มันยากมาก ฉันพยายามตามคนอื่นๆ ในวงที่เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วให้ทัน แต่พอลุกขึ้นมาสู้กับวงอื่นๆ ที่ดูเหมือนกับนางแบบด้วยการทำสิ่งที่แตกต่างออกไป มันเยี่ยมไปเลย แต่มันเป็นอะไรที่แตกต่าง จัดการมันด้วยหนทางที่ต่างออกไป
ฉันขึ้นแสดงบนเวที ทุกคนต่างให้การสนับสนุนและรักฉัน แต่พอจบการแสดงแล้ว ฉันรู้สึกว่างเปล่าในตอนที่อยู่ที่โรงแรม รู้สึกถึงชีวิตอยู่แค่ตอนที่อยู่บนเวที ฉันไม่รู้ว่าชีวิตของฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่แน่ใจว่าชีวิตมันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเป็นคนทำการแสดง หรือแค่อยู่คนเดียว มันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันอยู่ แต่ฉันไม่มีเวลาเลยที่จะนึกถึงการหาสมดุลย์ของทั้งการอยู่บนเวทีหรือการอยู่คนเดียว
ก่อนโปรโมท ‘I Am the Best’ เป็นช่วงที่กำลังเริ่มทำงานโซโล่เดี่ยว มีการวางแผนอัดเสียง วางตารางงานต่างๆ แต่ความสนใจที่จะทำงานโซโล่ของฉันให้เสร็จได้มันยังมีไม่พอ มันเป็นรูปแบบการจัดการของบริษัทที่ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างในมือ พวกเขาเลื่อนมันออกไปเรื่อยๆ มันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่คุณจะไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย
ช่วงที่หยุดพักกิจกรรมวงนานๆ เรากลายเป็นคนที่อยู่แต่บ้าน แค่ได้ดูทีวีก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว ความทรงจำเหล่านั้นอย่างน้อยๆ สำหรับฉันมันเป็นอะไรที่อบอุ่นมาก บางทีคงเป็นเพราะฉันยังเด็ก? แต่โลกใบนี้ค่อนข้างเป็นที่ๆ แปลกออกไปสำหรับฉัน ความทรงจำเหล่านั้นมันอยู่ในใจของฉัน ความรู้สึกเป็นครอบครัวสำคัญกับฉันมากกว่าการมีชื่อเสียง แต่มันก็ใช้เวลาอยู่นาน นานมากขึ้นอีกที่จะปล่อยอัลบั้มของเราออกมา เราได้มาเจอกันแค่เวลาวางแผนงานเรื่องอัลบั้ม พอทุกคนต่างเริ่มทำงานในส่วนของตัวเอง ฉันเลยมีเวลาอยู่กับพวกเขาน้อยมาก
ในเกาหลีใต้ การที่ป่วยด้วยเรื่องทางจิตใจจะถูกมองว่า ‘เลิกเศร้า’ มันไม่ได้รับการตระหนักรู้จริงๆ ในฐานะที่ฉันเด็กที่สุด พี่เท็ดดี้จะพยายามให้กำลังใจฉัน บอกกับฉันว่า ‘ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเศร้า ต้องดิ้นรนต่อสู้กับความซึมเศร้าของเธอเองนะ แต่เมื่อเธอเชื่อในพระเจ้า เธอจะผ่านมันไปได้’ ฉันมีความทรงจำที่ดีกับเขา ฉันรู้สึกขอบคุณพี่เท็ดดี้ และเห็นเขาเป็นคนดีๆ ในชีวิตของฉันที่คอยเตือนให้ฉันอยู่ต่อไปแม้ว่าภาวะซึมเศร้าจะเป็นอะไรที่เลวร้าย
ฉันต้องดิ้นรนต่อสู้กับมันมากๆ ในช่วง 16-17 โดยที่ไม่มีใครรับรู้ มันเป็นจุดที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงผู้คน พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันกำลังต่อสู้กับมันอยู่ ฉันแค่อยู่อย่างโดดเดี่ยว ตอนที่ฉันอายุ 17-18 ฉันได้พบกับพระเจ้า พบกับความเชื่อของตัวเอง มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของฉัน ผู้คนที่มีความเชื่อและมีกำลังใจเหมือนกันได้เข้ามาในชีวิตของฉัน เราสามารถจะพูดอะไรออกมาได้อย่างกล้าหาญมากสู่ชีวิตของฉัน มันไม่ใช่อะไรแค่ ‘เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นนะ’ แต่มันคือ ‘เราเข้าใจว่ามันคือการดิ้นรนต่อสู้กับมัน ไม่เป็นไรหรอกที่จะต้องดิ้นรน ไม่เป็นไรหรอกที่จะรู้สึกแย่ แต่ให้คิดถึงมัน จัดการกับมันและจงมีความเชื่อมั่น’
ฉันต้องการเวลาที่จะจัดการกับภาวะซึมเศร้าของตัวเอง ต้องการที่จะหาหนทางของตัวเอง ต้องการตัดสินใจว่าอะไรที่ฉันอยากจะทำจริงๆ บ้าง มันเป็นอะไรที่ฉันทำอยู่นานมาก แต่มันก็ยากที่รักษาเอาไว้ ฉันต้องออกตามหาทิศทางของตัวเอง และหนทางเดียวที่มีก็คือการออกจากวง และสู้เพื่อความปรารถนาของตัวเอง ฉันนึกสงสัยว่า ‘ชีวิตของฉันคืออะไร?’
การออกจาก 2NE1 ไม่ได้เป็นการจากไป แยกวงไปเลย มันคือการที่ฉันต้องสู้เพื่อตัวเอง อนาคตของฉันเอง และสิ่งที่ฉันต้องการ ในที่สุดฉันก็ได้เลือกอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ฉันรู้สึกกดดัน ต้องแบกรับภาระ แต่ก็เป็นการแบกรับที่ดี
ฉันอยากจะช่วยเหลือคนที่กำลังต่อสู้อยู่ในฐานะคนที่ดิ้นรนต่อสู้ ก้าวผ่านมันมา และควบคุมมันด้วยจิตด้วยใจของตัวเอง ฉันอยากจะแบ่งปันความรักที่ฉันรู้สึกได้จากความเชื่อมั่นของฉัน และอยากให้พวกเขารับรู้ได้จากเพลงของฉันเช่นกัน ให้พวกเขาได้รู้สึกว่าได้รับความรัก และมีความรักอยู่สำหรับพวกเขา
การจากไปของคุณคิมจงฮยอน SHINee ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองคนเก่า ฉันเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากจะหลีกหนีไป ฉันอยากให้วัยรุ่น และไอดอลใหม่ๆ รู้ว่าการประสบความสำเร็จในโลกของไอดอลไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าสิ่งที่คุณต้องการจะอยู่กับมันในฐานะคนๆ หนึ่ง
เมื่อฉันได้มาเป็นตัวเอง ฉันก็ได้กลายเป็นอีกคนที่ต่างออกไป ฉันผ่านมันมาแล้ว พอคิดถึงตัวเองคนเก่าอีกครั้ง ฉันก็อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้น "
แปลโดย : The2NE1Hour
ที่มา : https://www.billboard.com/articles/columns/k-town/8490927/minzy-interview-opens-up-about-depression-suicidal-thoughts-why-she-left-2ne1?fbclid=IwAR0H896JvRJ6Wy4XlrCLZSAogK-_MAQ8X3YnjYb55oM4-TibN1slmm1vuO4
ที่มา : https://www.facebook.com/the2NE1hour/photos/a.492567844125063/1927692130612620/?type=3&theater
ประโยคที่พูดว่า " การจากไปของคุณคิมจงฮยอน SHINee ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองคนเก่า ฉันเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากจะหลีกหนีไป ฉันอยากให้วัยรุ่น และไอดอลใหม่ๆ รู้ว่าการประสบความสำเร็จในโลกของไอดอลไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าสิ่งที่คุณต้องการจะอยู่กับมันในฐานะคนๆหนึ่ง เมื่อฉันได้มาเป็นตัวเอง ฉันก็ได้กลายเป็นอีกคนที่ต่างออกไป ฉันผ่านมันมาแล้ว พอคิดถึงตัวเองคนเก่าอีกครั้ง ฉันก็อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้น " อ่านแล้วรู้สึกจุกหน่วงไปพักนึง คนเราจะต้องรู้สึกแย่ขนาดไหน จะลำบากขนาดไหนจนกว่าจะก้าวข้ามจุดๆนั้นมาให้ได้และเอารอยยิ้มตัวเองกลับมาอีกครั้ง
สุดท้ายนี้ใครยังไม่ได้ดูเพลงใหม่อย่าลืมเข้าไปดูกันด้วยนะจ๊ะ