“จะดีแค่ไหน ถ้าเราอยากฝากเงินในธนาคารเราก็จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงมีการรับประกันเงินฝาก
เต็มจำนวน ถ้ากู้เงินดอกเบี้ยก็ไม่สูงเกินไปนัก…อยากซื้อกองทุนก็ไปซื้อกับ บลจ. หรือถ้าอยาก ทำประกัน ก็ไปทำกับบริษัทประกันภัย…ทุกธุรกิจแยกจากกันมีการแข่งขันเพื่อสร้างลูกค้า
ของตนเพื่อความมั่นคง และหากเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจใด ก็ไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจที่เหลือ”
ปี 2540 ประเทศไทยเกิดวิกฤตการณ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ต้มยำกุ้ง 56 ไฟแนนซ์
ปิดกิจการลามมาถึงธนาคารจำนวนมากที่ต้องล้มตาม ที่เหลือก็ต้องขายหุ้นให้ต่างชาติ
เพื่อเอาตัวรอด เหตุที่ไฟแนนซ์ล้มและธนาคารล้มตามเพราะธุรกิจทั้งสองแห่งมีการกู้เงิน
กันไปมาดังนั้นเมื่อไฟแนนซ์ล้ม ธนาคารจึงล้มตามเป็นโดมิโน่ส่งผลกระทบกับธุรกิจ
และผู้ฝากเงินไว้ในไฟแนนซ์และธนาคารที่ล้มอย่างกว้างขวางและรุนแรง ซ้ำเติมด้วยอัตรา
แลกเปลี่ยนเงินจาก 25 บาทต่อดอลล่าร์ กลายเป็น 58 บาทต่อดอลล่าร์…หลายคนจบชีวิต
อย่างน่าเศร้า
ปัจจุบัน เมื่อคุณไปฝากเงินที่ธนาคารคุณจะพบว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3
และเสียภาษีเงินฝาก 15%จึงเป็นโอกาสให้พนักงานธนาคารเสนอขายกองทุนที่เคลมว่า
ได้ดอกเบี้ย 1.70 บาท และไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องเสีย ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 2 % หนำซ้ำ
เมื่อนำเงินของคุณไปลงทุน ถ้าได้กำไรซึ่งอาจจะมากถึง 30% แต่คุณก็จะรับดอกเบี้ย 1.70 บาท เหมือนเดิม แต่ถ้าขาดทุน นอกจากจะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่ตกลงแล้ว ยังมีสิทธิ์ที่จะสูญเสียเงินต้น
อีกด้วย นี่คือปัญหาที่เกิดจากการที่ บลจ. เข้าไปอยู่ในคราบของธนาคาร…ถ้าคุณเข้าไปเพื่อกู้เงิน
ก็ต้องเอาหลักทรัพย์ไปจดจำนอง ต้องเสียค่าธรรมเนียม และค่าจดจำนอง และอีกเงื่อนไขคือ
คุณต้องทำประกันชีวิต เพราะถ้าไม่ทำอาจจะกู้ไม่ผ่าน ทำให้ต้องเสียเบี้ยประกันชีวิตเพิ่มอีก
ดอกเบี้ยเงินกู้ กรณีนำสินทรัพย์ไปกู้ ต้องจ่ายร้อยละ 10.60 บาท (เงินจดจำนอง ประกันชีวิต และส่วนต่างระหว่างเงินกู้กับเงินฝาก)
ทุกวันนี้ธุรกิจธนาคาร บลจ. และประกัน ยังมีความเกี่ยวพันไม่แยกขาดจากกัน ซึ่งหากเกิด
ปัญหาอะไรขึ้นมา อาจส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนเมื่อครั้ง ปี 2540 อีกได้ ดังนั้นต้องคิด
นอกกรอบ ต้องตัดขาดธุรกิจเหล่านี้ให้แยกจากกัน แยก บลจ. ออกไปจากธนาคาร
แล้วธนาคารห้ามบังคับลูกค้าทำประกันชีวิตเด็ดขาด ให้ธุรกิจประกันชีวิตไปเกิด และเติบโต ด้วยตัวเอง ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากต้องไม่เกิน 3 บาท และคุ้มครองเงินฝาก เต็มจำนวน และประการสุดท้าย เปิดการเงินเสรีทันที ธนาคารที่ได้มาตรฐานโลกทุกธนาคาร
ผมจะเปิดให้เข้ามาเต็มที่เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงิน และฐานเงินของเอเชียเกิดการแข่งขัน
ในการให้บริการ
“แค่คิดนอกกรอบ ที่เรียกว่า แยกกันเราอยู่ แค่นี้ ผมว่าธุรกิจภาคการเงินก็จะมั่นคง เป็นระบบ
เศรษฐกิจใหม่ เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน”
ที่มา
เศรษฐกิจดีขึ้นแน่ แค่คิดนอกกรอบ แบบสำรวจ ตอนที่ 1 แนวคิด คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
เต็มจำนวน ถ้ากู้เงินดอกเบี้ยก็ไม่สูงเกินไปนัก…อยากซื้อกองทุนก็ไปซื้อกับ บลจ. หรือถ้าอยาก ทำประกัน ก็ไปทำกับบริษัทประกันภัย…ทุกธุรกิจแยกจากกันมีการแข่งขันเพื่อสร้างลูกค้า
ของตนเพื่อความมั่นคง และหากเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจใด ก็ไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจที่เหลือ”
ปี 2540 ประเทศไทยเกิดวิกฤตการณ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ต้มยำกุ้ง 56 ไฟแนนซ์
ปิดกิจการลามมาถึงธนาคารจำนวนมากที่ต้องล้มตาม ที่เหลือก็ต้องขายหุ้นให้ต่างชาติ
เพื่อเอาตัวรอด เหตุที่ไฟแนนซ์ล้มและธนาคารล้มตามเพราะธุรกิจทั้งสองแห่งมีการกู้เงิน
กันไปมาดังนั้นเมื่อไฟแนนซ์ล้ม ธนาคารจึงล้มตามเป็นโดมิโน่ส่งผลกระทบกับธุรกิจ
และผู้ฝากเงินไว้ในไฟแนนซ์และธนาคารที่ล้มอย่างกว้างขวางและรุนแรง ซ้ำเติมด้วยอัตรา
แลกเปลี่ยนเงินจาก 25 บาทต่อดอลล่าร์ กลายเป็น 58 บาทต่อดอลล่าร์…หลายคนจบชีวิต
อย่างน่าเศร้า
ปัจจุบัน เมื่อคุณไปฝากเงินที่ธนาคารคุณจะพบว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3
และเสียภาษีเงินฝาก 15%จึงเป็นโอกาสให้พนักงานธนาคารเสนอขายกองทุนที่เคลมว่า
ได้ดอกเบี้ย 1.70 บาท และไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องเสีย ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 2 % หนำซ้ำ
เมื่อนำเงินของคุณไปลงทุน ถ้าได้กำไรซึ่งอาจจะมากถึง 30% แต่คุณก็จะรับดอกเบี้ย 1.70 บาท เหมือนเดิม แต่ถ้าขาดทุน นอกจากจะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่ตกลงแล้ว ยังมีสิทธิ์ที่จะสูญเสียเงินต้น
อีกด้วย นี่คือปัญหาที่เกิดจากการที่ บลจ. เข้าไปอยู่ในคราบของธนาคาร…ถ้าคุณเข้าไปเพื่อกู้เงิน
ก็ต้องเอาหลักทรัพย์ไปจดจำนอง ต้องเสียค่าธรรมเนียม และค่าจดจำนอง และอีกเงื่อนไขคือ
คุณต้องทำประกันชีวิต เพราะถ้าไม่ทำอาจจะกู้ไม่ผ่าน ทำให้ต้องเสียเบี้ยประกันชีวิตเพิ่มอีก
ดอกเบี้ยเงินกู้ กรณีนำสินทรัพย์ไปกู้ ต้องจ่ายร้อยละ 10.60 บาท (เงินจดจำนอง ประกันชีวิต และส่วนต่างระหว่างเงินกู้กับเงินฝาก)
ทุกวันนี้ธุรกิจธนาคาร บลจ. และประกัน ยังมีความเกี่ยวพันไม่แยกขาดจากกัน ซึ่งหากเกิด
ปัญหาอะไรขึ้นมา อาจส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนเมื่อครั้ง ปี 2540 อีกได้ ดังนั้นต้องคิด
นอกกรอบ ต้องตัดขาดธุรกิจเหล่านี้ให้แยกจากกัน แยก บลจ. ออกไปจากธนาคาร
แล้วธนาคารห้ามบังคับลูกค้าทำประกันชีวิตเด็ดขาด ให้ธุรกิจประกันชีวิตไปเกิด และเติบโต ด้วยตัวเอง ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากต้องไม่เกิน 3 บาท และคุ้มครองเงินฝาก เต็มจำนวน และประการสุดท้าย เปิดการเงินเสรีทันที ธนาคารที่ได้มาตรฐานโลกทุกธนาคาร
ผมจะเปิดให้เข้ามาเต็มที่เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงิน และฐานเงินของเอเชียเกิดการแข่งขัน
ในการให้บริการ
“แค่คิดนอกกรอบ ที่เรียกว่า แยกกันเราอยู่ แค่นี้ ผมว่าธุรกิจภาคการเงินก็จะมั่นคง เป็นระบบ
เศรษฐกิจใหม่ เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน”
ที่มา