
สวัสดีค่าเพื่อนๆ
ทริปนี้เราวางแผนจะเที่ยวที่เมืองนารา เกียวโต โอซาก้าก่อน แล้วค่อยนั่งรถ Night Bus เพื่อไปเที่ยวที่โตเกียวค่ะ
ออกเดินทางวันที่ 10 ตุลาคม และกลับวันที่ 21 ตุลาคม 2018
ในการเตรียมตัวส่วนของจองรถ Night Bus นั้น สามารถอ่านได้จากกระทู้ด้านล่างค่ะ เราเขียนไว้ก่อนไปทริปจริง
https://pantip.com/topic/37882956
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพ ไป โอซาก้า โดยสายการบิน Air Asia จากสนามบินดอนเมืองค่ะ
เที่ยวบิน DMK-KANSAI (XJ 612) 12:55AM - 08:40AM
กะว่าไปถึงแล้วจะไปเที่ยวที่เมืองนาราก่อน เลยเลือกเที่ยวบินที่ไปถึงเช้า เวลากำลังดี
พอไปถึง รับกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา แต่งหน้าสวยๆ (คิดเองว่าสวย 55+) ก็ออกเดินทางต่อกันเลยค่ะ
เราสามารถไปเมืองนาราได้ทั้งโดย Airport Limousine Bus และรถไฟค่ะ
โดยรถไฟก็มีทั้ง JR และรถไฟธรรมดา เนื่องจากขาไปเรามีกระเป๋า เลยเลือกไปโดย Airport Limousine Bus จะได้ไม่ต้องลากแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นลงรถไฟจนหมดพลังไปซะก่อน
Airport Limousine Bus ที่เราใช้บริการนั้น เราเลือกลงที่ปลายทาง Kintetsu Nara Station ค่ะ
โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ค่าตั๋วราคา 2,050 เยนต่อคน
จะมีรถออกทุกชั่วโมงค่ะ สะดวกสบายดี
พอเราออกมาจาก KIX Terminal 1 แล้วนะคะ ให้มองหาตู้ขายตั๋วที่อยู่ใกล้กับ จุดขึ้นรถบัสเบอร์ 9 ค่ะ

ที่ตู้ขายตั๋ว กดมุมบนขวาเพื่อเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ
จากนั้นมองทางซ้าย เนื่องจากเราแค่นั่งไป ไม่นั่งกลับมาที่สนามบิน จึงเลือกเป็น One way trip
จากนั้นกดจำนวนคนว่าเราจะซื้อตั๋วสำหรับกี่ที่
จากนั้นกดที่หน้าจอเพื่อเลือกจุดหมายปลายทางและราคาค่ะ
เราเลือกที่สีน้ำเงินแถวที่สอง นั่นคือ Ichinomoto/ Nara Hotel/ Kintetsu Nara Sta./ JR Nara Sta. 2050 Yen (For Nara)
ใส่เงินแล้วรับตั๋วโล๊ด

ใครอยากได้ใบเสร็จก็กดได้ค่ะ มันจะถามขึ้นมาว่าเราใบเสร็จไหม ถ้ารับ จะมีตั๋วออกมาสองใบ
โดยใบนึงคือใบเสร็จค่ะ หน้าตาจะคล้ายๆกันหน่อย
ได้ตั๋วเรียบร้อยก็เอากระเป๋าไปวางที่แถวค่ะ เป็นการต่อคิว

ตอนต่อคิวดูป้ายหน้าแถวด้วยนะคะว่าเราต่อถูกแถว ถูกสถานที่ที่จะไปค่ะ
ถ้าจำไม่ผิด จะมีประมาณ 3 แถว ถ้างงก็ยื่นตั๋วให้คุณลุงดูค่ะ
เค้าจะชี้ว่าแถวไหน แล้วจะติด tag ให้กระเป๋าเราโดยเอาหางตั๋วให้เราถือไว้เวลารับกระเป๋า
เมื่อรถมาถึงคุณลุงและทีมงานจะยกกระเป๋าโหลดใต้รถบัสให้ค่ะ
เราเดินขึ้นไปโชว์ตั๋ว หาที่นั่งรอได้เลย รถจะออกตรงเวลามาก
แนะนำว่าพอเข้าแถวกระเป๋าแล้ว อาจกดน้ำหรือซื้อขนมมาทานรอแถวนั้นค่ะ

ตั๋ว และ tag กระเป๋าค่ะ
ภาพตัด ฉับๆๆ
พอมาถึง Kintetsu Nara Station แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือ หา Coin Locker ฝากกระเป๋าค่ะ
สอบถามพี่เจ้าหน้าที่ที่ Tourist Center แล้วได้ความว่าให้ลงลิฟท์ที่อยู่ตรงบันไดเลื่อนลงไปชั้นใต้ดินค่ะ จะมี Coin Locker เรียงรายรอเราอยู่
จริงๆแล้ว Coin Locker ที่จัดไว้ให้ใช้บริการมีเยอะนะคะ แต่ทุกคนคงคิดเหมือนกันว่า จะมาฝากกระเป๋าแล้วเดินเที่ยวดีกว่า....
เราเลยเจอกับปัญหา Coin Locker เต็มค่ะ
เดินหาอยู่นาน สุดท้ายเจอคุณลุงพนักงานชี้ว่าให้ไปทาง "Exit 5" ค่ะ
คุณลุงคอยเดินบอกทุกคนเลย น่ารักมากจริงๆ เราก็ไปค่ะ แล้วก็เจอ เล่นเอาเหงื่อตก
ระหว่างทางที่ไปก็เจอคนประสบชะตากรรมเดียวกันมากมาย 55 เป็นบทเรียนที่ดีค่ะ ว่าเราจะไม่วางแผนการเดินทางแบบนี้
(ที่จะเอากระเป๋าไปใส่ Coin Locker) ที่เมืองท่องเที่ยวอีกค่ะ


เนื่องจากตู้เป็นแบบหยอดเหรียญ หากใครมีเหรียญไม่พอ ทางสถานีเค้าก็มีตู้แลกเหรียญอัตโนมัติไว้บริการค่ะ

เราเจอมันระหว่างทางที่เดินไปที่ Exit 5
สามารถใช้บริการตู้แลกเหรียญอัตโนมัติได้ตั้งแต่เวลา 9:00-18:30 น.
และสามารถแตกแบงค์ 1000 เยน เป็นเหรียญ 100 เยน 10 เหรียญ หรือ แตกเหรียญ 500 เยน เป็น เหรียญ 100 เยน 5 เหรียญค่ะ
หลักๆคือแลกออกมาเป็นเหรียญ 100 เยนได้เท่านั้น เพื่อใช้กับ Coin Locker

พอใส่เหรียญหรือแบงค์ลงไปแล้วให้กดปุ่มที่เขียนว่า 100 เยน ที่มีไฟขึ้นมาค่ะ เหรียญก็จะออกมารัวๆ
เสร็จแล้วก็เดินเล่นค่ะ เอาจริงๆคือเดินตามคนหมู่มากไป
เราเดินย้อนถนนที่เรานั่งรถมาไปได้สักพัก ก็เริ่มเห็นเจ้าถิ่นค่ะ
พี่กวางเราเดินอยู่ทุกที่จริงๆ ทั้งบนถนน ในสวน และย่านร้านค้า

และตามธรรมเนียมเราจะให้อาหารกวางเป็นเซมเบ้ หุหุ


ระหว่างทางจะมีร้านขายเป็นระยะๆ ราคาขายอยู่ที่ก้อนละ 150 เยน มีหลายแผ่น
พี่กวางก็รู้จริงค่ะ พุ่งตัวเข้ามา เราแอบกลัว พี่ที่ไปด้วยกันก็กลัว T ^ T
สรุปจากที่นึกภาพไว้ว่าจะค่อยๆให้อาหารกวางทีละแผ่น ถ่ายรูปกับกวางสวยๆ ก็เอาให้มันไปหมดเลยค่ะ 55+
แล้วก็แอบไม่ได้รูปคู่สวยๆกับพี่กวางด้วย เพราะพี่กวางเมินเราตลอดเลย เสียใจจจจจ

วันที่เราไปนั้น มีฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวันและเป็นวันทัศนศึกษาของเด็กๆจากหลายโรงเรียนค่ะ
เราจึงไม่ได้เดินดูทุกอย่างจนครบ เพราะพอฝนตกก็เปียกและหนาว
สถานที่เราแวะเที่ยวจะมี วัดโทไดจิ ค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปข้างใน ได้แต่ยืนชมความสวยงามอยู่ด้านนอก

แวะเดินเล่นที่ถนนขายของ หาข้าวกลางวันทานกันที่ร้าน Cafe & Restaurant Tokyoan-Honten


เราสั่งเมนูอุด้งปลาซาบะค่ะ
ทานแล้วคิดว่าเป็นปลาซาบะตากแห้ง อร่อยดี
อากาศหนาวๆได้ซดซุบร้อนๆ ฟินกันไปเลย
จากนั้นก็เดินดูของ มีแอบทานไอศกรีมท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บไปด้วย เป็นรสซากุระค่ะ อร่อยหอม คุ้มกับที่หนาวเพิ่มจริงๆ (เรื่องกินนิสู้ตาย 55+)

จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นต่อที่อีกฟากของเมือง คิดว่าเป็นส่วนของแหล่งช๊อปปิ้ง
บรรยากาศจะมีตึกรามร้านรวงที่ดูทันสมัยกว่าแถบสวนนาราที่เราเดินเล่นไปเมื่อตอนเที่ยงค่ะ
เช่นเดิม เจออะไรก็ชิมวนไป 55+ เดินไปจนถึง Starbuck Nara ซื้อแก้วเป็นที่ระลึก รวมถึงของฝากที่เป็นรูปพี่กวางที่วางขายโดยเจ้าหน้าที่เมืองนารา
จุดขายของจะอยู่ในตึกเดียวกับ Starbuck เลยค่ะ แอบไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเดินไปกางร่มไปท่ามกลางสายฝน
พอซื้อของเสร็จก็กลับไปที่สถานีรถไฟ เอากระเป๋า แล้วก็กลับไปค้างคืนที่เมืองเกียวโตค่ะ
ก่อนกลับแอบซื้อพุดดิ้งกลับไปชิม เนื่องจากได้ยินว่าเป็นขนมของเมืองนารา อร่อยจิงค่ะ


เป็นพุดดิ้งพระใหญ่ คือแพคเกจของฝาจะมีลายพระใหญ่ซึ่งเป็นพระสำคัญของที่นี่ค่ะ
การเดินทางจากเมืองนารา ไปที่ เมืองเกียวโต เราจะไปโดยรถไฟสาย Kintetsu Nara ไปลงที่สถานี Kyoto ค่ะ
ค่ารถไฟคนละ 620 เยน

คืนนี้เราจะนอนค้างคืนกันที่ Len Kyoto Kawaramachi - Hostel, Cafe & Bar ค่ะ
ถามว่าทำไมถึงเลือกไปพักที่นี่ คือมีเพื่อนญี่ปุ่นแนะนำมาค่ะ ว่าถ้านอน Hostel ได้ แล้วอยากนอนที่เกียวโต
ให้ลองที่นี่ดู ก็เลยลองค่ะ (เชื่อคนง่ายไปมะ)
การจองห้องพักนะคะ ทางเว็ปไซต์จะเปิดให้จองล่วงหน้า 3 เดือน คือเรานับวันเลยค่ะ วันชนวัน
พอถึงวันที่เราวางแผนจะไปนอน (วันเดียวกัน แต่ล่วงหน้า 3 เดือน) เราก็เข้าเว็ป จองเลยค่ะ
เพื่อนแอบชมว่า เก่งมากที่จองได้ เพราะปกติมันเต็มตลอด
เราจอง Female Dormitory ห้องนึงพัก 4 คน
ราคาคืนละ 3,000 เยนต่อคน
จอง 2 คืน ก็สนนราคาอยู่ที่ 6,000 เยนต่อคนค่ะ ราคานี้ยังไม่รวม VAT นะจ้ะ
จ่ายเงินสดเท่านั้น ณ ตอนเข้าพัก
เรานั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kyoto แล้วต่อรถบัสค่ะ
ป้ายรถบัสนั้นมีหลายป้ายมาก ย้ำว่ามาก แต่เราต้องไปขึ้นที่ป้าย “A2”

ลงที่ป้าย “Kawaramachi Matsubara” แล้วเดินย้อนถนนขึ้นมาค่ะ

ตอนเดินย้อนขึ้นมา มองไปข้างหน้าทางซ้าย จะเห็นป้าย Hotel Sunroute แปลว่าถูกทางค่ะ
Len Kyoto Kawaramachi จะอยู่ตรงข้าม Hotel Sunroute นั่นเอง

บรรยากาศภายใน Hostel คึกคักเนื่องจากด้านล่างจะเป็น Café & Bar ค่ะ
คือกลางวันเป็น Café และกลางคืนเป็น Bar
เราจะได้บรรยากาศสนุกสนาน ไม่เหงา แต่ไม่ได้หนวกหูค่ะ
คนมาใช้บริการจะมีทั้งแขกที่พักใน Hostel อยู่แล้ว หรือจะเป็นแขกที่มาแค่เพื่อนั่งดื่มชิวๆ แล้วก็กลับค่ะ
ที่ Hostel จะไม่มีผ้าขนหนูให้นะคะ ถ้าอยากใช้ สามารถเช่าได้ที่เค้าเตอร์ด้านล่างเลย
แล้วก็มียาสระผมให้ แต่ไม่มีครีมนวดค่ะ เราซื้อซองๆที่ 7/11 มาใช้ค่ะ
ในห้องพักจะมี locker ไว้ให้เก็บของนะคะ ถ้าเราอยากใช้ให้บอกที่เค้าเตอร์ด้านล่าง
เค้าจะขอมัดจำ แล้วให้กุญแจเรามาค่ะ ตอนคืนกุญแจก็จะได้เงินมัดจำคืน
ที่นี่มีอาหารเช้าด้วยราคาไม่แพงไว้บริการค่ะ (จ่ายเพิ่มจากค่าห้อง)
หากเราสนใจก็สั่งทานได้ตามอัธยาศัย จริงๆแอบอยากลองชิม แต่แผนการเดินทางเราแน่นมาก
อ่ะข้ามอาหารเช้าไปค่ะ 55+
หมดไป 1 วัน กับทริป นารา มานอนที่เกียวโต
ไว้มาต่อกันนะคะ ..... ^^
[CR] OSAKA - TOKYO POSTCARD
สวัสดีค่าเพื่อนๆ
ทริปนี้เราวางแผนจะเที่ยวที่เมืองนารา เกียวโต โอซาก้าก่อน แล้วค่อยนั่งรถ Night Bus เพื่อไปเที่ยวที่โตเกียวค่ะ
ออกเดินทางวันที่ 10 ตุลาคม และกลับวันที่ 21 ตุลาคม 2018
ในการเตรียมตัวส่วนของจองรถ Night Bus นั้น สามารถอ่านได้จากกระทู้ด้านล่างค่ะ เราเขียนไว้ก่อนไปทริปจริง
https://pantip.com/topic/37882956
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพ ไป โอซาก้า โดยสายการบิน Air Asia จากสนามบินดอนเมืองค่ะ
เที่ยวบิน DMK-KANSAI (XJ 612) 12:55AM - 08:40AM
กะว่าไปถึงแล้วจะไปเที่ยวที่เมืองนาราก่อน เลยเลือกเที่ยวบินที่ไปถึงเช้า เวลากำลังดี
พอไปถึง รับกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา แต่งหน้าสวยๆ (คิดเองว่าสวย 55+) ก็ออกเดินทางต่อกันเลยค่ะ
เราสามารถไปเมืองนาราได้ทั้งโดย Airport Limousine Bus และรถไฟค่ะ
โดยรถไฟก็มีทั้ง JR และรถไฟธรรมดา เนื่องจากขาไปเรามีกระเป๋า เลยเลือกไปโดย Airport Limousine Bus จะได้ไม่ต้องลากแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นลงรถไฟจนหมดพลังไปซะก่อน
Airport Limousine Bus ที่เราใช้บริการนั้น เราเลือกลงที่ปลายทาง Kintetsu Nara Station ค่ะ
โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ค่าตั๋วราคา 2,050 เยนต่อคน
จะมีรถออกทุกชั่วโมงค่ะ สะดวกสบายดี
พอเราออกมาจาก KIX Terminal 1 แล้วนะคะ ให้มองหาตู้ขายตั๋วที่อยู่ใกล้กับ จุดขึ้นรถบัสเบอร์ 9 ค่ะ
จากนั้นมองทางซ้าย เนื่องจากเราแค่นั่งไป ไม่นั่งกลับมาที่สนามบิน จึงเลือกเป็น One way trip
จากนั้นกดจำนวนคนว่าเราจะซื้อตั๋วสำหรับกี่ที่
จากนั้นกดที่หน้าจอเพื่อเลือกจุดหมายปลายทางและราคาค่ะ
เราเลือกที่สีน้ำเงินแถวที่สอง นั่นคือ Ichinomoto/ Nara Hotel/ Kintetsu Nara Sta./ JR Nara Sta. 2050 Yen (For Nara)
ใส่เงินแล้วรับตั๋วโล๊ด
โดยใบนึงคือใบเสร็จค่ะ หน้าตาจะคล้ายๆกันหน่อย
ได้ตั๋วเรียบร้อยก็เอากระเป๋าไปวางที่แถวค่ะ เป็นการต่อคิว
ถ้าจำไม่ผิด จะมีประมาณ 3 แถว ถ้างงก็ยื่นตั๋วให้คุณลุงดูค่ะ
เค้าจะชี้ว่าแถวไหน แล้วจะติด tag ให้กระเป๋าเราโดยเอาหางตั๋วให้เราถือไว้เวลารับกระเป๋า
เมื่อรถมาถึงคุณลุงและทีมงานจะยกกระเป๋าโหลดใต้รถบัสให้ค่ะ
เราเดินขึ้นไปโชว์ตั๋ว หาที่นั่งรอได้เลย รถจะออกตรงเวลามาก
แนะนำว่าพอเข้าแถวกระเป๋าแล้ว อาจกดน้ำหรือซื้อขนมมาทานรอแถวนั้นค่ะ
ภาพตัด ฉับๆๆ
พอมาถึง Kintetsu Nara Station แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือ หา Coin Locker ฝากกระเป๋าค่ะ
สอบถามพี่เจ้าหน้าที่ที่ Tourist Center แล้วได้ความว่าให้ลงลิฟท์ที่อยู่ตรงบันไดเลื่อนลงไปชั้นใต้ดินค่ะ จะมี Coin Locker เรียงรายรอเราอยู่
จริงๆแล้ว Coin Locker ที่จัดไว้ให้ใช้บริการมีเยอะนะคะ แต่ทุกคนคงคิดเหมือนกันว่า จะมาฝากกระเป๋าแล้วเดินเที่ยวดีกว่า....
เราเลยเจอกับปัญหา Coin Locker เต็มค่ะ
เดินหาอยู่นาน สุดท้ายเจอคุณลุงพนักงานชี้ว่าให้ไปทาง "Exit 5" ค่ะ
คุณลุงคอยเดินบอกทุกคนเลย น่ารักมากจริงๆ เราก็ไปค่ะ แล้วก็เจอ เล่นเอาเหงื่อตก
ระหว่างทางที่ไปก็เจอคนประสบชะตากรรมเดียวกันมากมาย 55 เป็นบทเรียนที่ดีค่ะ ว่าเราจะไม่วางแผนการเดินทางแบบนี้
(ที่จะเอากระเป๋าไปใส่ Coin Locker) ที่เมืองท่องเที่ยวอีกค่ะ
สามารถใช้บริการตู้แลกเหรียญอัตโนมัติได้ตั้งแต่เวลา 9:00-18:30 น.
และสามารถแตกแบงค์ 1000 เยน เป็นเหรียญ 100 เยน 10 เหรียญ หรือ แตกเหรียญ 500 เยน เป็น เหรียญ 100 เยน 5 เหรียญค่ะ
หลักๆคือแลกออกมาเป็นเหรียญ 100 เยนได้เท่านั้น เพื่อใช้กับ Coin Locker
เสร็จแล้วก็เดินเล่นค่ะ เอาจริงๆคือเดินตามคนหมู่มากไป
เราเดินย้อนถนนที่เรานั่งรถมาไปได้สักพัก ก็เริ่มเห็นเจ้าถิ่นค่ะ
พี่กวางเราเดินอยู่ทุกที่จริงๆ ทั้งบนถนน ในสวน และย่านร้านค้า
และตามธรรมเนียมเราจะให้อาหารกวางเป็นเซมเบ้ หุหุ
พี่กวางก็รู้จริงค่ะ พุ่งตัวเข้ามา เราแอบกลัว พี่ที่ไปด้วยกันก็กลัว T ^ T
สรุปจากที่นึกภาพไว้ว่าจะค่อยๆให้อาหารกวางทีละแผ่น ถ่ายรูปกับกวางสวยๆ ก็เอาให้มันไปหมดเลยค่ะ 55+
แล้วก็แอบไม่ได้รูปคู่สวยๆกับพี่กวางด้วย เพราะพี่กวางเมินเราตลอดเลย เสียใจจจจจ
วันที่เราไปนั้น มีฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวันและเป็นวันทัศนศึกษาของเด็กๆจากหลายโรงเรียนค่ะ
เราจึงไม่ได้เดินดูทุกอย่างจนครบ เพราะพอฝนตกก็เปียกและหนาว
สถานที่เราแวะเที่ยวจะมี วัดโทไดจิ ค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปข้างใน ได้แต่ยืนชมความสวยงามอยู่ด้านนอก
แวะเดินเล่นที่ถนนขายของ หาข้าวกลางวันทานกันที่ร้าน Cafe & Restaurant Tokyoan-Honten
ทานแล้วคิดว่าเป็นปลาซาบะตากแห้ง อร่อยดี
อากาศหนาวๆได้ซดซุบร้อนๆ ฟินกันไปเลย
จากนั้นก็เดินดูของ มีแอบทานไอศกรีมท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บไปด้วย เป็นรสซากุระค่ะ อร่อยหอม คุ้มกับที่หนาวเพิ่มจริงๆ (เรื่องกินนิสู้ตาย 55+)
จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นต่อที่อีกฟากของเมือง คิดว่าเป็นส่วนของแหล่งช๊อปปิ้ง
บรรยากาศจะมีตึกรามร้านรวงที่ดูทันสมัยกว่าแถบสวนนาราที่เราเดินเล่นไปเมื่อตอนเที่ยงค่ะ
เช่นเดิม เจออะไรก็ชิมวนไป 55+ เดินไปจนถึง Starbuck Nara ซื้อแก้วเป็นที่ระลึก รวมถึงของฝากที่เป็นรูปพี่กวางที่วางขายโดยเจ้าหน้าที่เมืองนารา
จุดขายของจะอยู่ในตึกเดียวกับ Starbuck เลยค่ะ แอบไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเดินไปกางร่มไปท่ามกลางสายฝน
พอซื้อของเสร็จก็กลับไปที่สถานีรถไฟ เอากระเป๋า แล้วก็กลับไปค้างคืนที่เมืองเกียวโตค่ะ
ก่อนกลับแอบซื้อพุดดิ้งกลับไปชิม เนื่องจากได้ยินว่าเป็นขนมของเมืองนารา อร่อยจิงค่ะ
การเดินทางจากเมืองนารา ไปที่ เมืองเกียวโต เราจะไปโดยรถไฟสาย Kintetsu Nara ไปลงที่สถานี Kyoto ค่ะ
ค่ารถไฟคนละ 620 เยน
คืนนี้เราจะนอนค้างคืนกันที่ Len Kyoto Kawaramachi - Hostel, Cafe & Bar ค่ะ
ถามว่าทำไมถึงเลือกไปพักที่นี่ คือมีเพื่อนญี่ปุ่นแนะนำมาค่ะ ว่าถ้านอน Hostel ได้ แล้วอยากนอนที่เกียวโต
ให้ลองที่นี่ดู ก็เลยลองค่ะ (เชื่อคนง่ายไปมะ)
การจองห้องพักนะคะ ทางเว็ปไซต์จะเปิดให้จองล่วงหน้า 3 เดือน คือเรานับวันเลยค่ะ วันชนวัน
พอถึงวันที่เราวางแผนจะไปนอน (วันเดียวกัน แต่ล่วงหน้า 3 เดือน) เราก็เข้าเว็ป จองเลยค่ะ
เพื่อนแอบชมว่า เก่งมากที่จองได้ เพราะปกติมันเต็มตลอด
เราจอง Female Dormitory ห้องนึงพัก 4 คน
ราคาคืนละ 3,000 เยนต่อคน
จอง 2 คืน ก็สนนราคาอยู่ที่ 6,000 เยนต่อคนค่ะ ราคานี้ยังไม่รวม VAT นะจ้ะ
จ่ายเงินสดเท่านั้น ณ ตอนเข้าพัก
เรานั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kyoto แล้วต่อรถบัสค่ะ
ป้ายรถบัสนั้นมีหลายป้ายมาก ย้ำว่ามาก แต่เราต้องไปขึ้นที่ป้าย “A2”
ลงที่ป้าย “Kawaramachi Matsubara” แล้วเดินย้อนถนนขึ้นมาค่ะ
Len Kyoto Kawaramachi จะอยู่ตรงข้าม Hotel Sunroute นั่นเอง
คือกลางวันเป็น Café และกลางคืนเป็น Bar
เราจะได้บรรยากาศสนุกสนาน ไม่เหงา แต่ไม่ได้หนวกหูค่ะ
คนมาใช้บริการจะมีทั้งแขกที่พักใน Hostel อยู่แล้ว หรือจะเป็นแขกที่มาแค่เพื่อนั่งดื่มชิวๆ แล้วก็กลับค่ะ
ที่ Hostel จะไม่มีผ้าขนหนูให้นะคะ ถ้าอยากใช้ สามารถเช่าได้ที่เค้าเตอร์ด้านล่างเลย
แล้วก็มียาสระผมให้ แต่ไม่มีครีมนวดค่ะ เราซื้อซองๆที่ 7/11 มาใช้ค่ะ
ในห้องพักจะมี locker ไว้ให้เก็บของนะคะ ถ้าเราอยากใช้ให้บอกที่เค้าเตอร์ด้านล่าง
เค้าจะขอมัดจำ แล้วให้กุญแจเรามาค่ะ ตอนคืนกุญแจก็จะได้เงินมัดจำคืน
ที่นี่มีอาหารเช้าด้วยราคาไม่แพงไว้บริการค่ะ (จ่ายเพิ่มจากค่าห้อง)
หากเราสนใจก็สั่งทานได้ตามอัธยาศัย จริงๆแอบอยากลองชิม แต่แผนการเดินทางเราแน่นมาก
อ่ะข้ามอาหารเช้าไปค่ะ 55+
หมดไป 1 วัน กับทริป นารา มานอนที่เกียวโต
ไว้มาต่อกันนะคะ ..... ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้