หุบเขาแห่งรัก

หุบเขาแห่งรัก



กลอนแปด



ס... สายอุไรหลืบลอดบรรณยอดปรก
พฤกษ์พรรณรกร่มเรียงเพียงป่านี้
แต้มหย่อมทองทาบพื้นตามลมตี
ไหวหย่อมสีเบี่ยงแสงตามลมโบย

หอบกลิ่นอายอับชื้นชอุ่มฉาบ
เรี่ยเองอาบลู่ไล้ละเลงโหย
ไอดินอบชัฏด้าวอวลฉมโชย
ลอยเรี่ยโรยผ่านซอกไม้ผ่านซากมรณ์

ยินโตรกธารรินแว่วแผ่วกระซิบ
รับเสียงจิบเขฬเมือกกระเดือกก้อน
กับเสียงดังแกร็บกราบยามยาตรจร
ลำนำซ่อนนกไพรอันเงียบงัน

ป้ายป่ายเปะปราดยื่นยึดกิ่งแหวก
ยื้อตัวแทรกตรอกเหนี่ยวกายเอี้ยวผัน
ยกร่างเหนือแรงดึงขึ้นโขดชัน
สากเถาวัลย์เยียบเย็นติดอุ้งมือ

สิ้นเสียงดังแกร็บกราบยามยาตรสุด
แมกไม้ผลุดผละจากครึ้มคลายถือ
เหยียบกรวดดินย่ำกรวดเมฆพาตกระพือ
แดนนี้คือจุดเชื่อมชั้นสวรรค์-ดิน

เหลื่อมสลับเป็นระลอกคลื่นเขาโขด
เทพไท้โปรดสรวงแนบสำเนาหิน
ฟ้าบดบี้โลกหล้าหมายพังภินท์
พร้อมศิงขรินพุ่งเหยียดต่อต้านฟ้า

สูรย์สรลักเหลี่ยมแง่แรเงาภาพ
ดำแล่นปลาบเลื่อนปรับกลับเขียวผา
ให้หมดสีแสงกลบครึ่งหลบตา
ให้แจ่งจ้าอีกด้านจงเด่นดัง

หลงดื่มด่ำทัศนาทัศนีย์ศิลป์
เขี่ยเมฆินทร์เป็นรูปหงส์ผจงรั้ง
ป้องอย่างดีโอบเอาไว้ต้องไม่พัง
ดูความหวังลมแล้งสลายตัว

ไม่จริง...มันไม่จริงนี่ไม่ใช่
ที่ฝันไว้สวยงามกลับลามสลัว
วิ่งไล่เก็บเศษเมฆอย่างพร่ามัว
พล่านไปทั่วจนปรี่เท้าเข้าขอบเหว

เพียงวูบเดียวเสี้ยวหนึ่งในห้วงจิต
พาพลั้งผิดก้าวข้ามคงแหลกเหลว
สืบสู่ห้วงโลกันตร์โดนทัณฑ์เปลว
รับกรรมเลวที่ก่อไว้ฤๅกระนั้น

พลันสายตาจับจ้องเอาร่างหนึ่ง
หงส์ขาวซึ่งห่อนเลือนเหินล้อสวรรค์
หลังคือฉากขุนเขาลำเพาพลัน
สานฟ้งฝันเฟื่องฟ้อปะเหลาะใจ

ศักดิ์สกาวพราวด้าวอะคร้าวขวัญ
เจ้าแจ่มจันทร์โพยมโยกโซกไศล
ขอสัญญาครานี้ไม่ร้างไกล
จากโค้งฟ้าจรดไผทคือพยาน

เพียงวูบเดียวเสี้ยวหนึ่งในห้วงจิต
ไม่พลาดผิดก้าวข้ามจากหลักฐาน
สายลมลิ่วโอบเรี่ยเคลียคลอนาน
โผทะยานสู่หุบเขาเนานิรันดร์... ךף
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่